Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

เติมน้ำมัน

วันที่ 28/12/2010

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันพาคุณแม่ไปเยี่ยมญาติที่ดอนเมือง ขณะอยู่ดอนเมืองก็สังเกตว่าน้ำมันรถใกล้หมดแล้ว แต่ก็คาดว่าสามารถขับต่อไปได้จนถึงพระรามสอง โดยตั้งใจจะเติมน้ำมันที่ปั้มใกล้บ้าน ระยะทางจากดอนเมืองถึงบ้านที่ถนนพระรามสองนั้น ประมาณ 60 กม. ฉันเหลือบไปดูบาร์น้ำมันอีกครั้งเมื่อถึงโลตัสพระรามสอง ปรากฎว่ามีสัญญาณเตือนแว้บๆ ว่าปริมาณน้ำมันเหลือน้อยเต็มทีแล้ว คนขับมือใหม่เคยอ่านในคู่มือบอกไว้ว่าเมื่อมีสัญญาณเตือน จะสามารถขับไปได้อีก 20 กม. แต่ฉันไม่รู้ว่าสัญญาณเตือนนั้นเกิดขึ้นตอนไหน แต่ก็มั่นใจว่าจะสามารถขับไปถึงปั้มข้างหน้าได้ แต่เนื่องจากฉันวิ่งอยู่เลนใน ประกอบกับเป็นช่วงดึก ขับเพลินเกินห้ามใจ (น้าน!) ปรากฎว่าขับรถเลยทางออกเส้นคู่ขนานที่จะไปถึงปั้มน้ำมัน ดังนั้น จึงวิ่งผ่านปั้มน้ำมันโดยที่ไม่สามารถเข้าไปเติมน้ำมันได้ ยกเว้นว่าต้องไปยูเทิร์นกลับมา เอาละสิ งานเข้า! ถ้าไปยูเทิร์นก็ไม่รู้ว่าน้ำมันจะหมดกลางทางหรือเปล่า เพราะทางยูเทิร์นที่บ้านนั้นไกลมาก ฉันจึงตัดสินใจเลี้ยวเข้าบ้านก่อน

วันรุ่งขึ้นลุงข้างบ้านก็มาดูรถให้ ลุงบอกให้ดูที่เข็มน้ำมัน แต่รถของฉันเป็นคนละรุ่นกับของลุง ลุงจึงช่วยอะไรไม่ได้ ลุงบอกว่าอย่าขับไปเลย ฉันจึงไม่กล้าขับรถออกจากบ้าน เพราะกลัวว่าน้ำมันจะหมดกลางทางก่อนถึงปั้ม ตั้งใจว่าตอนเย็นจะซื้อน้ำมันมาเติมเอง แต่ขณะที่อยู่บนรถโดยสารประจำทางนั้น คำเทศนาของ ศบ.พงษ์ศักดิ์ เมื่อช่วงวานนี้ก็ลอยเข้ามา “คริสเตียนจำนวนมากมีความเชื่อ และรักษาความเชื่อไว้อย่างดี แต่ไม่ยอมใช้” โอ๊ะโอ๋! สัญญาณกระแทกใจ สำนึกได้ว่าตนเองมีความเชื่อน้อย และไม่ยอมใช้ความเชื่ออีกต่างหาก ทำไมล่ะ ในเมื่อฉันเชื่อในการอัศจรรย์ของพระเจ้า ฉันเชื่อว่าพระองค์ทรงรักษาโรค ฉันเชื่อในฤทธิ์เดชนานาประการของพระองค์ พระองค์ทรงฤทธิ์และห่วงใยในทุกสิ่งไม่ใช่หรือ แต่ทำไมฉันไม่มั่นใจในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ทำไมฉันจึงพลาดไปแล้วล่ะ คือ ดำเนินชีวิตด้วยสิ่งที่ตามองเห็น ไม่ได้ดำเนินชีวิตในความเชื่อเหมือนที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์ [2คร.5:7 เพราะเราดำเนินโดยความเชื่อ มิใช่ตามที่ตามองเห็น] นอกจากนั้น คำพยานของผู้รับใช้หลายคนกรณีที่รถน้ำมันหมด แต่ก็วิ่งต่อไปได้ด้วยการอัศจรรย์ของพระเจ้าก็ผุดขึ้นมาตอกย้ำ ทั้งเพลงและข้อพระคำเกี่ยวกับความเชื่ออีกหลายบทหลายตอนก็แย่งกันผุดขึ้นมาในมโนนึก ไม่ว่าจะเป็นเพลง “จงมีความเชื่อในพระองค์เถิด” นิยามความเชื่อที่ลือลั่นในพระธรรมฮีบรู [ฮบ.11:1 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง] หรือคำอุปมาเรื่องเมล็ดพืช [ลก.17:6 พระองค์จึงตรัสว่า "ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่ง ท่านก็จะสั่งต้นหม่อนนี้ได้ว่า "จงถอนขึ้นออกไปปักในทะเล" และมันจะฟังท่าน] ฯลฯ มิเพียงเท่านั้น พระสัญญาที่ฉันได้ยึดไว้เสมอ คือ [1พกษ.17:16 แป้งในหม้อก็ไม่หมดน้ำมันในไหก็ไม่ขาด] ก็ผุดขึ้นมาทิ้งท้าย โดยปกติแล้วฉันมักจะท่องพระคำข้อนี้เป็นประจำ แถมเติมไปด้วยว่า “เงินในกระเป๋าก็ไม่หมด น้ำมันรถก็ไม่ขาด” อ้าว แล้วสักแต่ท่องหรือเปล่าเนี่ย!!!
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ต้องกลับใจคะ ต้องกลับใจใหม่ร่ำไปเลยนะฉันเนี่ย จากนั้น ฉันจึงมีความเชื่อเต็มขนาดว่าวันต่อไปจะขับรถออกจากบ้านไปถึงปั้มน้ำมันได้ โดยการดูแลจากพระเจ้า

เช้าวันต่อมา ขณะกำลังสตาร์ทรถ ลุงข้างบ้านก็มาถามว่าซื้อน้ำมันมาหรือยัง ลุงจะช่วยเติมให้ (คุณลุงน่ารักมาก ขอพระเจ้าอวยพร) ฉันจึงกล่าวขอบคุณลุงและตอบว่า “หนูเชื่อว่าจะขับรถไปถึงปั้มน้ำมันได้คะ” ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุด ฉันได้เติมน้ำมันทันเวลา
นอกจากบทเรียนเรื่องความเชื่อแล้ว ยังมีอีกบทเรียนหนึ่งสำหรับฉันคือ เรื่องความรอบคอบระวังระไวรอบด้าน ฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีความจำกัด มีความอ่อนแอ แต่ฉันก็ไม่ธรรมดาตรงที่ฉันมีพระเจ้า ฉันสามารถอธิษฐานขอในสิ่งที่ฉันไม่มีได้ ฉันขอครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อที่จะเป็นคนดีรอบคอบ [มธ.5:48 เหตุฉะนี้ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบ เหมือนอย่างพระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ]

นับแต่นี้ไป ฉันคงต้องเติมน้ำมันรถให้อยู่ในระดับที่พร้อมใช้งานได้เสมอ เพื่อที่อาการน้ำมันรถใกล้หมดถังจะไม่มากวนใจให้หวาดเสียวเล่นอีก และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ การเฝ้าระวัง เติมน้ำมันในฝ่ายวิญญาณให้พร้อมอยู่เสมอ เช่นเดียวกับหญิงพรหมจรรย์ทั้ง 5 คนที่เติมน้ำมันในตะเกียงของตน เพื่อรอรับองค์เจ้าบ่าว ซึ่งจะเสด็จมาโมงยามใดก็มิรู้ได้ [มธ.25]

ไม่มีความคิดเห็น: