Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วินัยของน้องหมา (ข้างถนน)

วันที่ 18/8/2011

เช้านี้ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน ซึ่งเบื้องหน้าเป็นจามจุรีสแควร์นั้น พลันก็เหลือบเห็นน้องหมาตัวหนึ่งเดินข้ามทางม้าลายด้วยอาการระวังหน้าระวังหลังอย่างดี น้องหมาข้ามถนนเพียงลำพัง โดยไม่มีคนหรือเพื่อนหมาไปด้วยเลย แต่น้องหมาสร้างความประทับใจด้วยการข้ามถนนตรงทางม้าลาย แบบพอดีเป๊ะ! พอข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้แล้ว มันก็ยืนกระดิกหางอยู่บริเวณพุ่มไม้ของ กทม.

อดคิดไม่ได้ว่าบางครั้งตัวฉันก็ข้ามถนนแบบมั่วๆ ไม่ใช้ทางม้าลาย เหตุเพราะยึดความสะดวกเป็นที่ตั้ง …แหม รู้สึกอายน้องหมาจริงๆ

การเคารพกฎจราจรเป็นสิ่งที่ดี ในกรณีข้ามถนนก็เช่นกัน ต้องใช้ทางม้าลายเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน และเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

พระคริสต์ธรรมคัมภีร์ให้ความสำคัญกับเรื่องวินัยมาก ดัง สภษ.6:23 กล่าวว่า “เขาตายเพราะขาดวินัยในชีวิต และเพราะความโง่อย่างยิ่งของเขา เขาจึงหลงเจิ่นไป”

คนขาดวินัยนั้นเป็นคนโง่ และไม่ใช่โง่ธรรมดานะ พระคัมภีร์เรียกคนประเภทนี้ว่า “โง่อย่างยิ่ง” จนทำให้คนประเภทนี้หลงเจิ่นไป เมื่อคริสเตียนหลงเจิ่นไป ก็เท่ากับว่าตายในฝ่ายวิญญาณ ซึ่งมิเพียงเท่านั้น อาจรุนแรงถึงขั้นตายจากโลกนี้ไปเลยก็ได้

วันนี้ทำให้กลับมาฉุกคิดอีกว่า มีส่วนไหนในชีวิตบ้างที่ต้องฝึกวินัยอย่างแรง
งานเข้า!!!


วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทเรียนจากน้องหมา

วันที่ 14/8/2011

ระหว่างวันที่ 12-13 สิงหาคมที่ผ่านมา ชาวนิมิตใหม่ส่วนหนึ่งได้เข้าร่วมค่ายอธิษฐานที่อัมพวา เรามีบทเรียนฝ่ายวิญญาณและกิจกรรมมากมายตั้งแต่เช้าจรดดึก ยามค่ำคืนเวลานิทรา พวกเราหลายคนจึงหลับสนิท ฉันพักห้องเดียวกับครูแมม เมื่อถึงที่พักครูแมมก็จัดการอาบน้ำอาบท่าราตรีสวัสดิ์ไปก่อนซะแล้ว…คร่อก!

กลางดึก ณ รีสอร์ทริมน้ำแม่กลอง ควรจะเงียบสงัด หรือหากมีเสียงบ้างก็ควรจะเป็นแมลง จิ้งหรีดเรไร หรือนกกลางคืน ซึ่งสิ่งที่กล่าวไปแล้วนั้นมันก็มีอยู่หรอก แต่ฉันตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอันไม่พึงประสงค์ของน้องหมาฝูงใหญ่ เห่าเสียงดังรับส่งกันไปมา บางครั้งก็เป็นเสียงแบบเห่าตัวเดียว บางครั้งก็เป็นเหมือนเสียงหมาหมู่ (ฮา) ซึ่งฉันแยกไม่ออกหรอกว่ามันเห่าเพราะอะไร แต่ครูแมมบอกตอนเช้าว่า มันไม่น่าจะเห่าเพราะว่าทะเลาะกันหรอก

พี่น้องบางท่านจะมีความสามารถพิเศษในการแยกเสียงสัตว์ได้ เช่น พี่เต็ม พี่สาวที่โบสถ์เรานี่เอง พี่เต็มสามารถแยกเสียงแมวร้องได้ชนิดขั้นเทพ เธอระบุเสียงได้ว่า แมวร้องเพราะหิว ร้องเพราะขี้อ้อน ร้องหาคู่ หรือร้องเพราะโดนเหยียบหาง!

รีสอร์ทที่เราไปพักนั้นชื่อว่าบ้านแสงจันทร์ และบ้านเรือนไม้หลังเล็กแต่ละหลังก็จะมีชื่อที่ลงท้ายว่าจันทร์ เช่น บ้านที่ครูแมมกับฉันพัก ชื่อว่า บ้านชิดจันทร์ แต่ฉันแอบเปลี่ยนชื่อเป็น “บ้านชิดหมา” ก็บ้านเราเป็นบ้านหลังแรกที่ติดถนน จึงได้รับสิทธิพิเศษในการฟังเสียงน้องหมาแบบใกล้ชิด ชิดหมา

ฉันแยกเสียงน้องหมาไม่ออกหรอก แต่ว่าเมื่อเหล่าหมู่หมาเห่าแบบจัดเต็มขนาดนั้น ใครจะไปทนนอนอยู่ได้ เพลียจะแย่ เห่ากันอยู่นั่นแหละ เห่านานซะด้วย คิดว่ามากกว่าครึ่งชั่วโมง ทำยังไงกับมันดีนะ ฉันเอามืออุดหูไปสักพักหนึ่ง ก็ไม่ช่วยอะไรเลย ครูแมมลุกขึ้นจากเตียง ฉันกะว่าครูแมมอาจจะไปจัดการกับหมาน่ะ แต่ครูแมมลุกมาดูนาฬิกาและเดินเข้าห้องน้ำ และกลับมานอนตามปกติ ฉันไม่รู้หรอกว่าครูแมมทำยังไง แต่สักพัก ก็มีสัญญาณบ่งบอกว่าครูแมมหลับสบายแฮไปแล้ว

ครูแมมชิงหลับไปซะแล้ว ฉันจึงอธิษฐานอยู่ในใจ แต่เอ๊ะ! อธิษฐานยังไงดี ตอนแรกคิดในใจว่าจะอธิษฐานขอให้ฑูตสวรรค์ปิดปากหมา แต่นั่นเป็นฉันคนเก่า และถ้าเป็นฉันคนเก่ากว่าที่ยังไม่รู้จักพระเยซูละก็ เจ้าหมาหมู่พวกนั้นคงได้กินไม้หน้าสามยามค่ำคืนเป็นแน่

ครั้งนี้ฉันกลับนึกถึงบรรดาผู้รับใช้มากมาย โดยเฉพาะมิชชันนารีที่อยู่ห่างไกล บางคนก็อยู่ในประเทศที่เมื่อเราได้ยินชื่อแล้วก็ต้องเกาหัวแหงกๆ ว่า “มีชื่อประเทศนี้อยู่ในโลกด้วยหรือนี่?” ผู้รับใช้พระเจ้าแต่ละคนอาจจะหลับๆ ตื่นๆ อยู่ตลอดคืน เนื่องจากความไม่ปลอดภัยในสถานที่อยู่ บางคนอาจจะหลับลงท่ามกลางเสียงปืนและไฟสงคราม บางคนอาจจะหลับลงท่ามกลางเสียงร้องของคนยากจนและเจ็บป่วย บางคนอาจจะหลับลงไปโดยไม่แน่ใจว่าจะสามารถมีชีวิตรอดอยู่เพื่อเห็นแสงตะวันของอีกอรุณรุ่งหนึ่งได้หรือไม่ บางคนหลับลงด้วยความหนาวจับขั้ว บ้างก็หลับลงด้วยความเหงาลึกจับใจ บ้างก็หลับลงด้วยอากาศที่ร้อนระอุจับจิต และมีอีกมากมายหลายคนที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอนเป็นหลักแหล่ง และมีอีกหลายคนที่อาจจะไม่ได้นอนในยามค่ำคืนด้วยซ้ำไป…คิดได้ดังนั้นแล้ว ฉันก็ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงให้ฉันนอนหลับอาศัยอยู่ในที่ปลอดภัย อยู่ใกล้ๆ คุณแม่ฝ่ายวิญญาณที่ฉันรัก ฉันอธิษฐานขอให้ทุกคนได้หลับอย่างสันติในทุกค่ำคืน

รุ่งเช้าของอีกวัน หัวข้อน้องหมาถูกหยิบยกมาถกก่อนเรื่องอื่น ครูแมมเล่าให้ฟังว่าตื่นมาเพราะเสียงน้องหมา จึงลุกขึ้นมาดูนาฬิกาพบว่าเป็นเวลาตีสาม ครูแมมจัดการกับน้องหมาโดยคิดว่าเป็นเสียงดนตรี เสียงกลอง และพระเจ้าก็ทรงสนองตอบนิสัยคิดบวกนี้ เพราะเจ้าอึ่งอ่างก็พากันร้องขึ้นขานรับ ครูแมมจึงหลับลงด้วยทำนองขับกล่อมจากธรรมชาติของพระผู้สร้าง

“ถ้าเจ้านั่ง เจ้าจะไม่กลัว เมื่อเจ้านอน ก็จะหลับไปอย่างผาสุขสดชื่น” [สภษ.3:24]

หมดใจ

วันที่ 11/8/2011

เพียงระยะเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมา ฉันก็ประสบกับภาวะหมดกำลังใจถึงขีดสุด และหมดกำลังกายถึงขีดสุด อ้าว! ไหงเป็นงั้นล่ะ?

สาเหตุสำคัญของอาการหมดแรงกาย หมดแรงใจ นั้น สามารถสรุปได้ง่ายๆ ว่า เกิดจากภาวะขาดความสมดุลย์ คือ มีบางสิ่งบางอย่างหรือหลายอย่างที่บกพร่องไป หรือไม่เป็นอย่างที่ควรเป็นนั่นเอง ซึ่งหากจะกล่าวถึงอาการหมดแรง ก็เพราะว่าใช้แรงมากเกินไป มากเกินกว่าขีดความสามารถของตนเอง ร่างกายจึงขาดความสมดุลย์ ส่วนอาการหมดแรงใจ ก็เกิดจากหัวใจไม่แข็งแรง ไม่พร้อมที่จะรับกับสภาพความเปลี่ยนแปลง ไม่สามารถเผชิญเหตุการณ์หรือผู้คนมากมายที่รุมเร้า เพราะหัวใจไม่ได้สมดุลย์กับหัวใจพระเยซู
หมดแรงกายนี่ยังพอไหว เพราะพักผ่อนก็หาย แต่หมดแรงใจนี่สิ งานเข้า!!!

หากไม่มีพระเจ้า ชีวิตคงไร้ซึ่งความหมาย หากไม่มีพระองค์ ฉันคงจมลงกับความทุกข์ความบาปแห่งความท้อใจ แน่นอนว่าในช่วงชีวิตของเราย่อมมีวาระแห่งความท้อใจบ้าง แต่เมื่อเราตั้งพระเจ้าไว้ตรงหน้าเสมอ เราก็สามารถชนะความท้อใจนั้นได้ ทว่า ในแต่ละครั้งที่รู้สึกท้อใจนั้นพระเจ้าก็ทรงฉุดฉันขึ้นมาจากหลุมเลนตมอันน่าสลดด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน โดยในครั้งนี้ พระองค์ทรงนำให้ค้นพบหนังสือเล่มหนึ่งคือ “คำอธิษฐานเพื่อเสริมชีวิตภายในให้เข้มแข็ง” ของ ไมค์ บิคเคิล หนังสือเล่มบางๆ แต่เนื้อหาอัดแน่นไปด้วยพลัง
ฉันขอคัดลอกข้อความบางส่วนจากท่านไมค์ มานำเสนอ ดังนี้

“เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าต่อพระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ครอบครัวทั้งหมดในสวรรค์และแผ่นโลกก็ได้ชื่อมาจากพระองค์ ขอให้พระองค์ทรงโปรดประทานกำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจแก่ท่าน โดยเดชพระวิญญาณของพระองค์ ตามความไพบูลย์แห่งสง่าราศีของพระองค์” (อฟ.3:14-16)

หลักการพื้นฐานในแผ่นดินของพระเจ้า คือ ที่พระเจ้าจะเสริมชีวิตภายในของเราให้เข้มแข็งขึ้น ถ้าเราขอจากพระองค์ ในเอเฟซัส 3:16 เปาโลขอให้พระเจ้าเสริมเรี่ยวแรงชีวิตภายในของผู้เชื่อชาวเอเฟซัส เป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่เราต้องเข้าใจคำอธิษฐานนี้ เพราะนี่เป็นคำอธิษฐานหนึ่งที่สำคัญที่สุดเท่าที่เราจะอธิษฐานได้ ชีวิตภายในของเรา คือ วิญญาณของเราซึ่งประกอบไปด้วยความคิด อารมณ์ และความตั้งใจ นี่เป็นที่ที่เราเชื่อมสัมพันธ์และมีปฏิสัมพันธ์กับพระเยซูโดยตรง

การอธิษฐานเพื่อสิ่งภายนอก เช่น งานรับใช้ ความก้าวหน้าด้านการเงิน ครอบครัว หรือความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตก็เป็นไปตามหลักการพระคัมภีร์ อย่างไรก็ตาม หลายคนไม่เคยมีเวลาได้อธิษฐานเพื่อชีวิตภายในของตนให้เข้มแข็งขึ้น กำลังกายของเราเพิ่มหรือลดลงได้ฉันใด กำลังฝ่ายวิญญาณก็เช่นกัน เราอาจจะแยกแยะไม่ได้เสมอไปว่า พระวิญญาณเสริมกำลังเราเมื่อไรแน่ เพราะปกติพระองค์ทำทีละนิดๆ ถ้าเราขอจากพระเจ้าสม่ำเสมอ พระวิญญาณจะปลดปล่อยกำลังของพระองค์ให้ทีละเล็กละน้อย และเมื่อเวลาผ่านไปเราจะรู้สึกได้ถึงกำลังใหม่ที่เกิดขึ้น

เข้าสู่การอธิษฐานอันลึกซึ้ง…ส่วนสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา คือ ชีวิตภายในของเรา นี่จึงควรเป็นจุดเน้นหลักจริงๆ เมื่อเราอธิษฐานเผื่อชีวิตส่วนตัวของเรา พระเจ้าปรารถนาจะอวยพรชีวิตภายในของเราให้มีกำลังและฤทธิ์เดช แต่พระองค์รอคอยให้เราขอจากพระองค์ กำลังนี้จำเป็นต่อหัวใจเรา เพื่อช่วยเราดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมต่อหน้าพระเจ้า และให้ยืนหยัดต่อต้านการประนีประนอมได้

หนังสือของท่านไมค์แบ่งเป็น หัวข้ออธิษฐานแรก คือ คำอธิษฐานสิบประการเพื่อรับกำลังสำหรับชีวิตภายใน หัวข้ออธิษฐานที่สองมีประโยคสั้นๆ ที่ท่านใช้เวลาพูดคุยกับพระวิญญาณ นอกจากนั้น ท่านยังได้เพิ่มหลักการอธิษฐาน 3 ประการ ที่ใช้อธิษฐานเรื่องคำบรรยายถึงพระลักษณะของพระเยซูที่ท่านพบในพระคัมภีร์

ท่านไมค์แนะนำด้วยว่า ให้เราอธิษฐานอย่างมีเสรีภาพ โดยหนุนใจให้เราทำตามลมแห่งการดลใจเวลาอธิษฐาน เมื่อเราอธิษฐานยาวขึ้น นานขึ้น และเปลี่ยนไปตามกาลเวลา พระเจ้าจะสัมผัสเราและนำเราไปในทิศทางแห่งน้ำพระทัยของพระองค์

เราถวายรักหมดใจแด่องค์พระเจ้า แต่เราอย่าเป็นคนใจหมดรัก อย่าให้ใจหมดแรง เพราะหากเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนหมดลม (หายใจ)…สู้โว้ย!


จากนิมิตใหม่สู่ปลายแผ่นดินโลก

วันที่ 29/7/2011

รับนิมิต
• ทราบไหมคะว่ามีคนกี่พันล้านคนที่ต้องเข้านอนโดยไม่มีอาหารทุกคืน?
• ทราบไหมคะว่ามีคนกี่พันล้านคนที่ต้องเร่ร่อนโดยไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนเป็นหลักแหล่ง?
• ทราบไหมคะว่ามีคนกี่พันล้านคนที่เกิดมา มีชีวิต ใช้ชีวิต และจากโลกนี้ไปโดยไม่เคยได้ยินเรื่องของพระเยซู?
• คุณห่วงใยคนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้ามากเพียงใด คุณเต็มใจที่จะสละเวลา เงินทอง พลังงาน ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เพื่อนำเขามาเชื่อพระเยซูหรือไม่?

คำถามข้างต้นกระแทกหัวใจเราผู้เรียนไครอสอย่างยิ่ง***
ไครอสคืออะไรนะหรือ ไครอส (Kairos) เป็นภาษากรีก ซึ่งหมายถึง “โอกาสหรือเวลา” แล้วสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเราผู้เชื่ออย่างไร?

รับพรเพื่อเป็นพร
เป็นเวลาของผู้เชื่อทุกคนที่ต้องตัดสินใจว่าเมื่อเรารับพระพรแล้ว จะส่งต่อพระพรไปยังบรรดาประชาชาติได้อย่างไร? ถึงเวลาแล้วใช่ไหมที่เราจะทุ่มเทมากขึ้นเพื่อการเผยแพร่พระกิตติคุณไปทั่วโลก?

คริสเตียนระดับโลก
เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจหากเราได้ทำงานชิ้นสำคัญในระดับประเทศ และยิ่งกว่านั้นอีก หากเราได้ทำงานใหญ่ระดับโลก แต่จะยิ่งกว่านั้นอีกสักเท่าไร หากเราเป็นคริสเตียนระดับโลก โดยการเสริมกำลังจากพระเจ้าผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ถึงเวลาแล้วใช่ไหมที่เราจะทำงานใหญ่ระดับโลก ด้วยการทุ่มเทอุทิศชีวิต กาย ใจ เพื่อตอบสนองพระมหาบัญชาด้วยความรักท่วมท้นในองค์พระผู้สร้าง

ทุ่มเทเพื่อพระคริสต์
เมื่อคุณทุ่มเทเพื่อสิ่งใดก็ตาม หมายถึง มีบางสิ่งบางอย่างที่คุณพร้อมที่จะสละทั้งชีวิตเพื่อสิ่งนั้น มันเป็นสิ่งเดียวกันกับที่พระคริสต์ทรงทุ่มเทให้เพื่อโลกนี้ เรายอมทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อพระองค์ เห็นนิมิต และเห็นด้วยกับยุทธวิธีที่เรียกร้องเอาทุกสิ่งจากชีวิตของเรา (คัดลอกมาจากบทเรียน)

จุดเปลี่ยน
ครูแมมแบ่งปันว่าตนเองได้เปลี่ยนมุมมองการอ่านพระคัมภีร์ จากเดิมที่อ่านเพื่อตัวเอง คือ หาคำหนุนใจ หาพระสัญญา ฯลฯ ก็เปลี่ยนเป็น “อ่านเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า” ฉันจึงเป็นอีกคนหนึ่งที่ขอเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน กล่าวคือ อ่านพระคัมภีร์แล้วก็น้อมนำความคิดทุกประการให้อยู่ใต้บังคับของพระคริสต์ ขอหัวใจของเราที่จะเป็นเหมือนพระทัยพระเยซู หัวใจรัก หัวใจมิชชั่น หัวใจที่ไม่ปรารถนาให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย และเดินตามรอยพระบาทพระเยซู รอยพระบาทที่งดงามแห่งการประกาศข่าวประเสริฐไปทุกหนแห่ง

สานนิมิตใหม่
นิมิตใหม่ที่มีมาถึงเรานั้นต้องได้รับการสานต่อ นิมิตที่เราต้องสยบยินยอมอย่างยินดี เราพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลงทีละขั้นตอน เพื่อที่เราจะไม่ยึดติดสิ่งใดๆ ในโลก ไม่กลัวการสูญเสีย ยินยอมกระทำทุกอย่างเพื่อให้พระเจ้าได้รับเกียรติท่ามกลางประชาชาติ ขอพระวิญญาณผลักดันให้เราเสาะหาทุกวิถีทางที่จะมีส่วนในพระราชกิจของพระองค์ อาจทรงเรียกให้รับใช้ข้ามวัฒนธรรม หรืออาจทรงเรียกให้เป็นผู้อยู่แนวหลัง และอยู่ในฐานะผู้สนับสนุนที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญบางอย่างได้ จะเห็นได้ว่างานมิชชั่นไม่สามารถสำเร็จได้โดยคนๆ เดียว ดังนั้น เราจึงต้องร่วมมือร่วมใจกัน และขอที่เราจะทำหน้าที่ตามการทรงเรียกของแต่ละคนให้สำเร็จก็แล้วกัน

[กจ.20:24 แต่ข้าพเจ้ามิได้ถือว่า ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าและประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ ซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้น]

* บทเรียนไครอส ประกอบด้วย 8 บทเรียน เน้นสอนให้คริสเตียนเข้าใจบทบาทของตัวเองในการทำให้พระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์สำเร็จ หลักสูตรนี้จึงเหมาะกับคริสเตียนทุกคน นอกจากนั้น หลักสูตรนี้ยังเป็นหลักสูตรที่มิชชันนารีทุกคนต้องผ่านการอบรมก่อนเดินทางไปสู่สนามมิชชั่นด้วย หลักสูตรไครอสประกอบด้วย บทเรียน, วีดิโอ, กลุ่มอภิปราย และกิจกรรมพิเศษ

เราจะอยู่กับเจ้า

วันที่ 19/7/2011

มีใครบ้างไหมที่สัญญากับคุณว่าจะอยู่กับคุณตลอดไป บางคนอาจตอบว่า “มี” แต่มีใครบ้างไหมที่ทำตามสัญญาเช่นว่านั้นได้ตลอด แน่นอนที่คำตอบคือ “ไม่มี”

ฮาเลลูยา! มีท่านผู้หนึ่งที่สัญญากับเราว่า “เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไปจนกว่าจะสิ้นยุค” (มธ.28:20) และท่านกระทำตามสัญญาเช่นว่านั้นได้ สัญญาดังกล่าวถือเป็นพระสัญญาข้อโปรดของฉันเลยทีเดียว อ่านทีไร ได้ยินทีไร นึกถึงทีไรก็หนุนใจทุกที

บางครั้งเมื่อประสบกับภาวะการทำงานที่ยากลำบากหรือมีอุปสรรคบางประการหรือหลายประการ ก็ทำให้ท้อแท้ชิมิ? เวลามีงานสักชิ้นเข้ามาเนี่ยก็ต้องร้องโอ้โห! “งานเข้า!” แต่ไม่ยักมีปัจจัยช่วยเหลือเข้ามาแฮะ ทำไมเป็นอย่างนั้นละ?

การทำงานประจำวันในฐานะพนักงานบริษัทนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ยากซะทีเดียว เพราะมีปัจจัยเบื้องต้นที่เกื้อหนุนการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ที่เรียกกันว่า 4 M หรือ ทฤษฏีทางเศรษฐกิจร่วมกับทฤษฏีทางการบริหารการผลิต คือ Man, Money, Material, Management (คน, เงิน, เครื่องมือ อุปกรณ์ สถานที่ และทรัพยากรอื่นๆนอกเหนือจากที่กล่าวมา, การจัดการ) กล่าวคือ มีงบประมาณให้ มีแผนงานสั่งตรงมาจากบริษัท มีผู้บังคับบัญชาคอยให้คำปรึกษา มีเพื่อนร่วมงานคอยให้การสนับสนุน มีลูกน้องคอยช่วยแบ่งเบาภาระ มีเครื่องมืออุปกรณ์ให้ เป็นต้น ซึ่งเป็นธรรมดาของการทำงานในโลกธุรกิจหรืองานในฝ่ายโลกทั่วไป ทว่า การทำงานรับใช้พระเจ้านั้นมีความแตกต่างกันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เพราะในหลายครั้ง เงินก็ไม่มี แผนงานก็ไม่มี ทีมงานก็ไม่มี เครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่มี(แง แง แง) ทำไมนะ พระเจ้าให้ทำงานรับใช้พระองค์ แต่พระองค์ไม่ทรงเตรียมอะไรให้เลย ก็ไหนทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียมไม่ใช่หรือ? ช่างขัดแย้งกับพระคัมภีร์ซะจริงเชียว “พระสัญญาของพระองค์เป็นจริงทุกประการ ไม่เคยล้มเหลวแม้แต่คำเดียว” มิใช่หรือ ดังนั้น ต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่เลย (ในส่วนที่เกี่ยวกับเรานะ ไม่เกี่ยวกับพระเจ้า) หรือไม่ก็มีเหตุผลบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ ซึ่งเราไม่รู้ (ส่วนนี้เป็นกิจของพระเจ้าที่จะทรงกระทำ)

งานใหญ่ประการหนึ่งของกษัตริย์ซาโลมอน คือ การสร้างพระวิหารถวายพระเจ้า ซึ่งกษัตริย์ดาวิด พระบิดา ได้ทรงจัดเตรียมแผนงาน เงินทอง เครื่องมือ อุปกรณ์ ตลอดจนช่างผู้ชำนาญในสาขาต่างๆ ไว้ให้ ชนิดที่ว่า “จัดเต็ม” โอ้ว!!! ซาโลมอน คร้าบ ช่างดีอะไรเช่นนี้ ขอแอบอิจฉาหน่อยนะคะ บวกกับความน้อยใจ เอ๋ พอเป็นเรา ไหงไม่มีใครเตรียมอะไรไว้ให้เลย?

ที่กล่าวมานั้นเป็นการตัดพ้อต้อว่าพระเจ้า ซึ่งก็ผิดมหันต์เต็มทีที่เราไม่เข้าใจพระลักษณะของพระองค์ หากกลับไปอ่านพระคัมภีร์อีกครั้งหนึ่งอย่างตั้งใจ อ่านไปเพียงไม่กี่บทกี่ตอน เราก็จะพบความสัตย์ซื่อของพระองค์ที่หาใดเทียบเทียม พระองค์ไม่ใช่เพียงพระเจ้าที่ทำให้มนุษย์สบายใจเหมือนที่หลายคนกล่าวถึงเท่านั้น หากพระองค์เองเป็นพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ คือ มีฤทธิ์มากเกินกว่าที่จะกล่าวถึงหรือคิดได้ทั้งหมด สิ่งที่พระองค์ตรัสจึงเป็นจริงทุกประการอย่างแน่แท้ที่สุด

เมื่อวิเคราะห์เพียงส่วนท้ายของพระธรรมมัทธิว 28:20 สิ่งที่พระองค์ตรัสว่า “เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไปจนกว่าจะสิ้นยุค”จึงพบความหมายมากมายเกินบรรยาย แต่ก็ขอบรรยายในมุมมองที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งแห่งความอัศจรรย์ของพระสัญญานี้เท่านั้น เนื่องจากฉันไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด ด้วยสติปัญญาและความรู้ที่จำกัด

การเดินกับพระเจ้าในแต่ละวันนั้นอัศจรรย์และตื่นเต้นอย่างยิ่ง ในความธรรมดาที่ไม่ธรรมดานี่แหละ คือการอัศจรรย์ที่ยากจะบรรยาย ในพระกิตติคุณกล่าวถึงตั้งแต่ก่อนที่พระเยซูจะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ จนกระทั่งค่อยๆ เติบโต และเริ่มพระราชกิจของพระองค์บนโลกนี้ ถึงการตรึงตายที่ไม้กางเขน ตลอดจนการฟื้นคืนพระชนม์ ราชกิจก่อนเสด็จกลับสู่สวรรค์ ราชกิจเมื่อทรงอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า

พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าอย่างที่ทรงเป็น อย่างที่ทรงตรัสว่า “เราเป็น” องค์เยโฮวาห์ยิเรห์จึงทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียมอย่างแท้จริง เป็นสิ่งอัศจรรย์ที่สุดที่ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงอยู่กับเราตั้งแต่ก่อนก่อร่างสร้างโลก ก่อนเราเกิด ทรงกำหนดแน่นอนอย่างไม่ผิดพลาดว่าผู้ใดจะเป็นพ่อเป็นแม่เรา ทรงจัดวางอย่างไม่ผิดพลาดว่าเราจะเกิดเป็นชนชาติใด ภาษาใด ทรงจับตาดูเราอยู่ในแต่ละย่างก้าวของชีวิต ทรงนับแม้กระทั่งเส้นผมหรือลมหายใจเข้าออกของเรา ทรงเก็บน้ำตาที่ไหลรินแต่ละหยดของเราอย่างใส่พระทัย หากฉันบรรยายต่อไป บรรยายอย่างไรก็ไม่หมดว่าพระองค์ทรงดีต่อเราเพียงใด รู้เพียงว่า ในบางครั้งที่แม้จะรู้สึกว่าก้าวผ่านบางชั่วโมงด้วยความยากลำบาก พระเจ้าก็ทรงจับตาดูเราอยู่ พระองค์ทรงรักเราและปรารถนาที่จะเทพระพรอันอุดมลงสู่ชีวิตของเรา ทรงให้เรานมัสการพระองค์ เพื่อพระพรที่ไม่ยั้งหยุดจะไหลหลั่งลงมาอย่างชื่นใจ ทรงให้เรารับใช้พระองค์ เพื่อให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จในชีวิตของเรา เพื่อบำเหน็จที่ไม่มีวันร่วงโรยซึ่งพระองค์ได้ทรงเตรียมไว้เพื่อเรา ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่รับใช้พระองค์ตามการทรงนำของพระองค์ เราก็จะไม่ขาดแคลนสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นทีมงาน งบประมาณ แผนงาน และอื่นๆ

พระเจ้าผู้ทรงเริ่มต้นการดีแล้ว พระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ พระองค์กระทำให้สำเร็จผ่านเรา การที่พระองค์มีพระมหาบัญชาให้กับเรานั้น พระองค์มิได้สั่งแล้วสั่งเลย หากทรงจัดเตรียมปัจจัยอันแสนวิเศษมากมายไว้ให้แก่เรา

หากกล่าวถึงด้านคนหรือทีมงาน ความจริงคือ ไม่มีใครอยู่กับใครได้ตลอดชีวิต และการทรงเรียกของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน พระเจ้าอาจจะนำคนบางคนเข้ามาในชีวิตเรา เพื่อให้ร่วมงานกับเราในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วก็จากไปเพื่อทำในส่วนของเขา ส่วนเราก็ทำในส่วนของเรา ทว่า พระเจ้าทรงบอกวิธีเตรียมทีมงานด้วยการอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนาให้ส่งคนงานลงมา เมื่อเราอ้อนวอนอธิษฐาน พระวิญญาณก็จะทรงดลใจและนำใครบางคนที่มีนิมิตเดียวกันเข้ามาในชีวิตของเรา

หากกล่าวถึงด้านเงินหรืองบประมาณ ความจริงคือ พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้าง ทั้งคลังทรัพย์ของพระองค์นั้นบริบูรณ์เป็นอันมาก พระองค์ย่อมไม่หวงสิ่งดีอันใดไว้สำหรับคนที่รักพระองค์ เรื่องเงินจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพระองค์ เมื่อมีพระองค์ก็มีทุกสิ่งจริงๆ หลายครั้งที่เมื่อต้องการงบประมาณสำหรับบางเรื่องที่พิเศษออกไป พระเจ้าก็ทรงมีวิถีทางที่เราคิดไม่ถึง และหลายครั้งเช่นกันที่คำอ้อนวอนของเราได้แตะต้องพระทัยพระองค์ การดลใจจึงเกิดขึ้นถึงใครบางคนที่มีของประทานในการถวายซึ่งอาจจะอยู่คนละมุมโลกกับเรา ให้เกิดภาระใจในการถวายอย่างเต็มใจ

หากกล่าวถึงด้านอุปกรณ์เครื่องมือ ความจริงคือ พระเจ้าทรงมอบแผนที่ชีวิตให้กับเรา ที่เป็นมากยิ่งกว่าอุปกรณ์ซะอีก สิ่งนั้นคือ พระคัมภีร์ เมื่อเราค้นดูอย่างตั้งใจในแต่ละบทแต่ละตอน และเลือกหยิบใช้อุปกรณ์ฝ่ายวิญญาณชิ้นนี้ด้วยใจอธิษฐาน โอ้โห! พี่น้องคะ เครื่องมือใดๆ ในโลกนี้ก็แทบจะเล็กน้อยลงไปเลยเชียว

หากกล่าวถึงด้านแผนงานน่ะหรือ ความจริงคือ พระเจ้าทรงประทานสติปัญญาให้เราคิดและวางแผนงานตามสถานการณ์ เมื่อเราทูลขอสติปัญญาจากพระองค์ คำว่าจนปัญญาจึงไม่มีสำหรับคนที่รักพระองค์เช่นกัน ทั้งในพระคัมภีร์เอง พระเจ้าก็ทรงให้แบบอย่างของนักวางแผนและนักปฏิบัติมากมายให้กับเรา

มิเพียงเท่านั้น พระเยซูยังทำให้เราดูอีกต่างหาก ทรงเป็นพระอาจารย์ เป็นแบบอย่างให้กับเราในทุกเรื่อง ขอย้ำอีกครั้งว่าในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการนมัสการ การอธิษฐาน การประกาศ การสั่งสอนเทศนา การปฏิบัติต่อคนในทุกชนชั้น และแบบอย่างอีกมากมาย ทั้งยังตรัสด้วยว่า “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดี ทรงมอบไว้แก่เราแล้ว” (มธ.28:18) ว้าว! เมื่อถึงตรงนี้แล้วก็ยิ่งเห็นพระปัญญาอันเลิศล้ำของพระองค์ในฐานะจอมเจ้านาย พระองค์ทรงมอบสิทธิอำนาจให้กับผู้ทาสอย่างเราก่อน จากนั้น จึงทรงมีพระมหาบัญชาให้กับเรา “เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ (มธ.28:19-20ก) พระมหาบัญชาของพระองค์นั้น ทรงแจ้งรายการพันธกิจในการสร้างสาวกจากมวลประชาชาติไว้เป็นขั้นตอน คือ (1) ออกไป (2) ให้เขารับบัพติศมา (3) สอนเขาให้เชื่อฟังทุกสิ่งที่พระคริสต์ทรงสั่งไว้

ยิ่งไปกว่านั้น พระเยซูยังทรงอยู่กับเราเสมอ ดังที่ทรงตรัสว่า “เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค” (มธ.28:20ข) เป็นถ้อยคำจากพระเยซูผู้ทรงฤทธิ์ที่ให้ความมั่นใจและมีฤทธิ์เดชของพระองค์แก่เรา พระองค์ไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเตรียมอะไรให้กับเราในการทำพันธกิจของพระองค์ ไม่ได้ทรงเตรียมทรัพย์ไว้ให้เรา ไม่ได้ทรงเตรียมทีมงานไว้ให้เรา ไม่ได้เตรียมแผนการไว้ให้เรา แต่ทรงมอบกุญแจแผ่นดินสวรรค์ไว้ให้กับเรา เพื่อให้ได้มาซึ่งทุกสิ่งที่จำเป็นทั้งสำหรับเราและสำหรับผู้อื่น ทรงมอบกุญแจเพื่อให้เราไขประตูแห่งแผ่นดินสวรรค์

พระเยซูผู้ซึ่งประทานพระองค์เองให้กับเรา ผู้ซึ่งบังเกิดเป็นมนุษย์ ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์ ผู้ซึ่งทรงพระชนม์ และผู้ซึ่งจะเสด็จมา พระเยซูผู้นี้ทรงอยู่กับเราเสมอไป ไม่ใช่เพียงแค่สิ้นลมหายใจ แต่ตลอดไป จนกว่าจะสิ้นยุค!