Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

พระโลหิต

พระโลหิต
วันที่ 30/1/2009
พระเจ้าทรงสร้างอาดัมและเอวามาโดยปราศจากบาป แต่ด้วยผลแห่งการไม่เชื่อฟัง ทำให้ทั้งสองตกอยู่ในความบาป และเราซึ่งเป็นพงษ์พันธุ์ของเขานั้นก็ติดมลทินบาปไปด้วย
เมื่อครั้งที่พระเจ้าทรงสร้างอาดัมนั้น ทรงมอบสิทธิอำนาจให้แก่เขาด้วย แต่เมื่อเขากินผลไม้ต้องห้ามตามคำยุยงของซาตาน ก็เท่ากับว่าเขามอบสิทธิอำนาจนั้นให้แก่มาร และมารเองก็อหังการ พยายามทำทุกอย่างเพื่อครอบครองโลกจนถึงทุกวันนี้
ขอบพระคุณพระเจ้า โดยพระคุณของพระองค์ ทรงได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อคนบาปอย่างเรา พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อเรา การกระทำเช่นนั้นเป็นการยึดสิทธิอำนาจที่อาดัมยกให้แก่มารกลับคืนมา เพื่อมอบให้แก่ทุกคนที่เชื่อ ซึ่งไม่ใช่แค่เชื่อว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์แทนเราเท่านั้น แต่เชื่อว่าซาตานได้สูญเสียอำนาจของมันแล้วด้วย (Joyce Myer)
ที่ผ่านมาฉันดำเนินชีวิตโดยเชื่ออย่างสนิทใจว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และไถ่ฉันไว้แล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ แต่หลายครั้งฉันกลับใช้ชีวิตโดยเชื่อในอำนาจของซาตาน ฉันยังคงต่อสู้กับมารด้วยเนื้อหนังของฉัน ฉันเคยอธิษฐานจนเสียงแหบแห้งและเหนื่อยอ่อนเพราะมุ่งขับไล่ศัตรู หลายๆ ครั้งฉันก็เข้าไปรุกรานมัน และหลายครั้งเช่นกันที่ฉันแพ้กลับมา หลายครั้งอีกนั่นแหละที่ฉันคิดว่ากำลังถูกมารโจมตี…ขอบคุณพระเจ้า โดยพระกรุณาของพระองค์ ฉันได้เรียนรู้ว่า เมื่อฉันน้อมยอมใจฟังพระเจ้าทุกอย่าง มารก็จะหนีฉันไป การต่อสู้กับมารนั้น หากฉันขนาบมัน สนใจมันมากๆ อ้างชื่อของมันบ่อยๆ ก็เท่ากับว่าเรายกย่องมัน และเชื่อในฤทธิ์อำนาจของมัน…ฉันต้องกลับใจใหม่อีกครั้ง และพระองค์ผู้ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็ทรงยกโทษให้กับฉัน พระองค์ทรงปลดปล่อยฤทธิ์เดชของพระโลหิตเข้ามาช่วยเหลือฉัน และบัดนี้ฉันรู้กลอุบายของมารแล้ว ฉันก็จะไม่ตกอยู่ภายใต้กลลวงของมันอีกต่อไป [ยก.4:7 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร และมันจะหนีท่านไป]
ผู้เชื่อทั้งหลายเพียงแค่ดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยพระเจ้า ซึ่งนี่เป็นการต่อสู้ตามวิถีทางของพระองค์ เวลาที่เราใช้ไปนั้นจะไม่หมดเปลืองไปกับการขนาบมารอีกต่อไป แต่เราใช้เวลามากขึ้นในการสรรเสริญ โมทนาขอบพระคุณ ยกย่องเทิดทูน และนมัสการองค์พระเจ้าผู้สูงสุดแต่เพียงองค์เดียว เมื่อใดที่ผู้เชื่อจดจ่ออยู่ที่การนมัสการ เมื่อนั้น ความรัก พระสิริและฤทธิ์เดชอันเลอเลิศใหญ่ยิ่งของพระเจ้าก็จะปกคลุมเราไว้ เราจะถูกซ่อนไว้ มารก็จะหาเราไม่เจอ มันจะไม่สามารถทำอะไรเราได้อีกต่อไป และนี่แหละ คือชีวิตแห่งชัยชนะ ในฐานะลูกแห่งแสงสว่าง ในฐานะลูกแห่งผู้พิชิตอย่างแท้จริง [สดด.60:12 โดยพึ่งในพระเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายจะปฏิบัติอย่างเข้มแข็ง พระองค์เองทรงเป็นผู้เหยียบคู่อริของข้าพเจ้าทั้งหลายลง]
พระเยซูได้ทรงถวายพระโลหิตของพระองค์แบบครั้งเดียวเป็นพอ ซึ่งมีความหมาย 2 ประการ ได้แก่ 1) พระองค์ไม่จำเป็นต้องทำการนั้นซ้ำอีก 2) การนั้นได้สำเร็จเสร็จสิ้นสำหรับทุกคนแล้ว (Joyce Myer)
ขอให้คุณยกย่องให้เกียรติพระโลหิตในชีวิตของคุณ แล้วคุณก็จะเห็นถึงพระวิญญาณที่หลั่งเทลงมาในชีวิตคุณ เมื่อพระเยซูทรงถูกตรึงเพื่อความบาปของเรา พระโลหิตที่เปียกโชกไปทั่วแท่นบูชา (ไม้กางเขน) และไหลไปตามแท่น (ไม้กางเขน) แล้วลงไปที่บริเวณฐานของแท่น (ไม้กางเขน) พระองค์ทรงมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนความมุ่งร้ายของซาตานให้กลายเป็นประโยชน์ ไม่เพียงต่อตัวเราเองเท่านั้น แต่ต่อคนจำนวนมากที่เราจะปรนนิบัติอีกด้วย (Joyce Myer)
ความตายสืบทอดไปสู่มนุษย์ทั้งปวงโดยทางความบาปของอาดัม แต่ชีวิตสามารถสืบทอดหรือเตรียมพร้อมไว้สำหรับทุกคนได้โดยทางความชอบธรรมของพระองค์พระเยซูคริสต์ และจำเป็นต้องมีการหลั่งโลหิต เพราะชีวิตมีอยู่ในโลหิต! (Joyce Myer)
[วว.12:11 เขาเหล่านั้นชนะพญามารด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก และเพราะคำพยานของพวกเขาเอง เพราะเขาไม่ได้เสียดายที่จะพลีชีพของตน]
ขอหนุนใจให้พี่น้องอธิษฐานตามแบบ Joyce Myer ดังนี้
“พระบิดาเจ้าข้า ข้าพระองค์เข้ามาเฝ้าพระองค์ในพระนามของพระเยซู และข้าพระองค์ขอเอาพระโลหิตของพระเยซูทาไว้เหนือชีวิตและทุกสิ่งที่เป็นของข้าพระองค์ เหนือทุกสิ่งที่พระองค์ได้ตั้งข้าพระองค์ไว้เป็นผู้ดูแล ข้าพระองค์ขอเอาพระโลหิตของพระเยซูทาในความคิด ในร่างกาย ในอารมณ์และในความตั้งใจ ข้าพระองค์เชื่อว่าข้าพระองค์ได้รับการปกป้องแล้วโดยพระโลหิต ข้าพระองค์ขอเอาพระโลหิตทาเหนือชีวิตของลูกๆ เหนือคนงาน และเหนือผู้สนับสนุนงานขององค์การชีวิตในพระวจนะทุกคน”

คำอธิษฐานของกล้วยน้ำว้า
พระบิดาเจ้าข้า ข้าพระองค์เข้ามาถึงพระที่นั่งกรุณาของพระองค์ เพื่อนมัสการพระองค์ นมัสการพระวจนะของพระองค์ นมัสการพระนามของพระองค์ นมัสการพระโลหิตของพระองค์ พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงโปรดรับเครื่องบูชาจากจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ด้วยความโปรดปราน และขอที่สิ่งนี้จะเป็นที่ชื่นพระทัยของพระองค์
นมัสการพระวจนะ
พระวจนะเป็นที่พึ่งซึ่งขาดไม่ได้ ชีวิตคงบรรลัยหากไร้พระคำ
ฉันจึงขอรับพระคุณรักดื่มด่ำ ขอทรงนำ สอนฉันให้เข้าใจพระคำ
ให้ตัวฉันลิงโลดในชัยเกียรติ ถวายเกียรติแด่พระเจ้า พึ่งพระคำ
ฉันร้องเพลงชื่นบานด้วยพระคำ ฉันจดจำ เทิดทูนพระคำ เหนือชีวี
นมัสการพระนาม
“เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น” พระนามพระเจ้าสูงเด่นมีฤทธิ์มาก
หากฉันจะ บรรยาย คงลำบาก เป็นเรื่องยาก จะกล่าวครบ และถูกต้อง
พระทรงเป็น ที่ปรึกษา มหัศจรรย์ พระทรงเป็น บิดานิรันดร์ ของชนทั้งผอง
พระทรงเป็น เหตุแห่งการ เฉลิมฉลอง พระทรงเป็น ผู้ครอบครอง เหนือสิ่งทั้งปวง
นมัสการพระโลหิต
พระโลหิตมีฤทธิ์มากอัศจรรย์ ไถ่บาปฉัน นำพาสุข พ้นทุกข์เข็ญ
ไร้โลหิต คงลำบากและยากเย็น ฉันนี้เป็น หนี้พระองค์ พระเยซู
พระโลหิตนำมาซึ่งชัยชนะ ทรงชำระ ฉันจากบาป เผชิญอยู่
ทรงปกป้อง ตัวฉันไว้ จากศัตรู ด้วยโลหิตพระเยซู ฉันขอบพระคุณ

อย่าลืมอ่านหนังสือเรื่อง “พระวจนะ พระนาม พระโลหิต” นะคะ B120.00

พระนาม

พระนาม
วันที่ 29/1/2009
[อพย.3:14 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า "เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น" …] “เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น” คือสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสกับโมเสส และแน่นอนว่า ทรงตรัสกับฉันด้วย แต่ฉันก็ยังสงสัยอยู่นั่นเองว่าพระเจ้าทรงล้อเล่นหรือเปล่านี่ ไฉนพระองค์ให้คำนิยามของพระองค์เช่นนั้น แล้วหมายความว่าอย่างไรคะพระเจ้า …ด้วยปัญญาอันน้อยนิด ฉันจึงไม่อาจเข้าใจข้อความล้ำลึกที่พระองค์ทรงตรัสได้เลย
ขอบคุณพระเจ้า พระองค์ทรงให้ฉันเรียนรู้ เพื่อจะรู้จักพระองค์ในระดับที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น…ทุกเมื่อเชื่อวัน ฉันได้เรียนรู้ถึงพระลักษณะอันเลิศของพระองค์ที่ไม่อาจบรรยายได้ทั้งหมด และพระนามของพระองค์นั้นเล่า ฉันก็ได้เรียนรู้ถึงว่าพระนามของพระองค์มีฤทธิ์มาก มากเกินกว่าที่จะพรรณนา มากจนแม้กระทั่งองค์พระเจ้าเองก็จะมิทรงต้องสาธยายให้โมเสสฟัง หากว่าทรงสำแดงให้โมเสสตะลึงงันกับฤทธานุภาพอันใหญ่ยิ่งของพระองค์ ตลอดชีวิตของโมเสส [ยรม.10:6 ข้าแต่พระเจ้า หามีผู้ใดเหมือนพระองค์ไม่ พระองค์ทรงเป็นใหญ่ และพระนามของพระองค์มีฤทธิ์มาก]
พระองค์ทรงเป็นอะไรมากมาย จนไม่มีทางที่จะบรรยายถึงพระองค์ได้ถูกต้องครบถ้วน เราจะบรรยายลักษณะของบุคคลผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างโดยสรุปออกมาเป็นชื่อๆ เดียวได้อย่างไร? หากจะอธิบายถึงความหมายของสิ่งที่พระองค์ตรัส ก็คือ “เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น และเราเป็นสิ่งที่เราเป็น และเราจะเป็นสิ่งที่เราจะเป็น” มันราวกับพระเจ้ากำลังตรัสกับโมเสสว่า “เจ้าอย่ากังวลกับฟาโรห์หรือใครคนใดเลย “เราเป็น” สามารถดูแลทุกสิ่งที่เจ้าต้องเผชิญได้ ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด เราเป็นสิ่งนั้น ถ้าเราไม่มีสิ่งนั้นอยู่ เราก็จะหามาให้เจ้า ถ้ามันไม่เคยมีตัวตน เราก็จะเนรมิตมันขึ้นมา (เรียกสิ่งที่ยังไม่มีให้มีขึ้น) เราควบคุมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ไม่ใช่แค่ตอนนี้เท่านั้น แต่ตลอดไป สบายใจได้เลย (Joyce Myer)
พระเยซูทรงอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลายผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่สักการะ…” [มธ.6:9] พระเยซูทรงทราบว่าพระนามขององค์บิดานั้นยิ่งใหญ่และสมควรสักการะอย่างสูงสุดเพียงใด
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเราทั้งหลาย ผู้ซึ่ง “เราเป็น” อย่างที่พระองค์ทรงตรัสไว้
 เอล เอไลออน /El Elyon “พระเจ้าองค์สูงสุด”
 เอล ชัดดาย /El Shaddai “พระผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์”
 เยโฮวาห์ ยิเรห์ /Jehovah Jereh “พระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียม”
 เยโฮวาห์ รัฟฟา/ Jehovah Rophi “พระเจ้าผู้รักษาเรา”
 เยโฮวาห์ มัคเคห์ / Jehovah Makkeh “พระเจ้าผู้ตีสอนเรา”
 เยโฮวาห์ นิสสี /Jehovah Nissi “พระเจ้าทรงเป็นธงชัยของเรา”
 เยโฮวาห์ เซบาวโอธ /Jehovah Tsebaioth “พระเจ้าจอมโยธา”
 เยโฮวาห์ ชาโลม /Jehovah Shalom “พระเจ้าทรงเป็นสันติสุขของเรา
 เยโฮวาห์ ซิดเคนู / Jehovah Tsidkenu “พระเจ้าเป็นความชอบธรรมของเรา”
 เยโฮวาห์ ชัมมา /Jehovah Shammah “พระเจ้าสถิตที่นั่น”
 เยโฮวาห์ โรอี / Jehovah Rohi “พระเจ้าเป็นผู้เลี้ยงของเรา”

ผู้รับใช้พระเจ้าคนใดที่ต้องการเห็นการทรงสถิตของพระเจ้าอย่างแท้จริงในพันธกิจของตน ควรจะเรียนรู้ที่จะยกย่องพระนาม ร้องเพลงเกี่ยวกับพระนาม สนทนาถึงเรื่องพระนาม เทศนาและสั่งสอนถึงเรื่องของพระนาม (Joyce Myer)
ในฐานะผู้เชื่อ เรามีสิทธิอำนาจในพระนามนั้น เป็นสิทธิอำนาจเหนือวิญญาณชั่ว โรคภัยไข้เจ็บ เชื้อโรค ความขัดสน และความทุกข์ยากในทุกรูปแบบ (Joyce Myer)
นรกตัวสั่นด้วยความกลัวผู้เชื่อ ผู้ซึ่งรู้จักสิทธิอำนาจที่จะกล่าวออกพระนามนั้นด้วยความเชื่อ สวรรค์ฟังคำของเขา (Joyce Myer)
เราต้องใช้พระนามนั้นเพื่อประโยชน์แก่คนอื่น ไม่ใช่เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น จงใช้พระนามของพระเยซู และแสดงความรักต่อผู้อื่นด้วยพระนามนั้น จงอธิษฐานเผื่อพวกเขาโดยใช้พระนามนั้น มีพันธกิจอยู่สองอย่างที่พระเจ้ามอบหมายให้แก่ผู้เชื่อ นั่นคือพันธกิจแห่งการคืนดีกัน และพันธกิจแห่งการอธิษฐานวิงวอนเผื่อผู้อื่น (Joyce Myer)
นับแต่บัดนี้จนตราบสิ้นลมหายใจ และจนกระทั่งเบื้องบนไอศวรรย์ เราทั้งหลายจะน้อมใจอธิษฐานตามแบบอย่างพระเยซู และยกย่องพระนามของพระองค์อย่างสูงสุดเหนือชีวิตของเรา และเหนือสิ่งทั้งปวง เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์
[ฟป.2:9-11 เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์10เพื่อเพราะพระนามนั้น ทุกเข่า ในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบ พระเยซู11และเพื่อ ทุกลิ้นจะยอมรับ ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบิดาเจ้า]
• จงใช้พระนามซึ่งพระองค์ได้ประทานพระนามนั้นให้คุณ
• จงใช้พระนามนั้นในการต่อสู้กับศัตรู
• จงใช้พระนามนั้นนำพระพรมาสู่คนอื่น
• จงใช้พระนามเพื่อตัวคุณเอง
• จงใช้พระนามนั้นเพื่อนำความชื่นชมยินดีมาสู่พระทัยของพระบิดา (Joyce Myer)
อย่าลืมอ่านหนังสือเรื่อง “พระวจนะ พระนาม พระโลหิต” ของ Joyce Myer นะคะ

เป็นคนใหม่โดยพระคุณขององค์พระคริสต์

เป็นคนใหม่โดยพระคุณขององค์พระคริสต์
วันที่ 28/1/2009
วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสแวะเวียนไปนมัสการพระเจ้าร่วมกับพี่น้องที่คริสตจักรไมตรีจิต หลังสวน ซึ่งปีนี้คริสตจักรมีหัวข้อประจำปีว่า “ปีแห่งการรับใช้” โดยใช้ข้อพระคัมภีร์ 1 ทิโมธี 4:14 เป็นแนวทาง [1 ทิโมธี 4:14 อย่าละเลยความสามารถที่มีอยู่ในตัวท่าน ซึ่งได้ทรงประทานแก่ท่านตามคำพยากรณ์…]
คริสตจักรไมตรีจิต หลังสวน ซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็กท่ามกลางมหานครกรุงเทพ…เพียงก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าไป ก็สัมผัสได้ถึงความรักความอบอุ่นของคริสตจักรเล็กๆ แห่งนี้ ทั้งยังเห็นภาพของนิมิตที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกซึ่งฉายออกมาอย่างชัดเจนจากคริสตจักรแห่งนี้…จะเห็นได้ว่า คริสตจักรมิได้ละเลยศักยภาพของตนเอง และมิได้ดูถูกความอ่อนเยาว์ของตนเอง นาทีนี้มีคริสตจักรลูกแล้วถึง 3 แห่ง คือ ไมตรีจิตคำพระพร ไมตรีจิตพระราม 2 และ ไมตรีจิตรับพร [1 ทิโมธี 4:12 อย่าให้ผู้ใดหมิ่นประมาทความหนุ่มแน่นของท่าน แต่จงเป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง ทั้งในทางวาจาและการประพฤติ ในความรัก ในความเชื่อ และในความบริสุทธิ์]
ฉันจึงขอหนุนใจให้ทุกคนที่อ่านมาถึงนี้ น้อมรับพระมหาบัญชาของพระเจ้า ด้วยการระลึกถึงคริสตจักรไมตรีจิตหลังสวนไว้ในคำอธิษฐาน ของคุณเสมอ [มธ.28:18-20 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า "ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค"]
ในวันดังกล่าวเทศนาโดย อ.วิไลลักษณ์ พลเยี่ยม หรือ ครูอ๋อย แห่ง คริสตจักรไมตรีจิต คำพระพร จ.เชียงราย ซึ่งเป็น คริสตจักรลูก ของ คริสตจักรไมตรีจิต หลังสวน
ครูอ๋อย เดินทางมาร่วมสัมมนาเกี่ยวกับมิชชั่นที่พัทยา ซึ่งจัดโดยภาค 12 และได้ใช้เวลาสะสางงานรวมทั้งประชุมร่วมกับคริสตจักรแม่ ทั้งยังได้เทศนาให้พวกเราฟัง ในหัวข้อ “พระคุณกับการรับใช้” โดย ครูอ๋อย ได้แบ่งปันเรื่องราวตั้งแต่เก่าก่อนที่จะรู้จักพระเจ้าว่า เป็นคนสำมะเลเทเมา แค่นึกถึงโซดากับน้ำแข็งก็ชื่นใจแล้ว เงินทองที่ได้มาก็หมดเปลืองไปกับแอลกอฮอล์จนไม่เหลือแม้แต่เงินซื้อข้าวกิน ไปขอยืมเงินใครเขาก็ไม่ให้ มีความทุกข์มาก จนกระทั่งได้รู้จักพระเจ้า ชีวิตก็เปลี่ยนไป จากคนเก่าที่ไม่เอาไหน จากคนที่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ กลับกลายเป็นคนใหม่ที่ได้รับการเจิมมากมายจากพระเจ้า โดยพระคุณของพระองค์
ครูอ๋อย ให้หลักการในการรับใช้พระเจ้าว่า เราต้องจริงจัง จดจำ และ เจาะลึก
ครูอ๋อยเริ่มต้นรับใช้ที่คริสตจักรไมตรีจิต หลังสวน จนกระทั่งคณะธรรมกิจเห็นหน่วยก้านดี จึงแต่งตั้งให้ ครูอ๋อย รับตำแหน่งศิษยาภิบาล เพื่อรับใช้พระเจ้าที่คริสตจักรไมตรีจิต คำพระพร
ฉันยังไม่ได้รู้จัก ครูอ๋อย เป็นการส่วนตัวเท่าไรนัก แต่ได้ยินเรื่องราวอันชื่นบานผ่านคำบอกเล่าโดยเพื่อนรักของ ครูอ๋อย ซึ่งอยู่ที่คริสตจักรนิมิตใหม่เช่นเดียวกับฉัน ครูอ๋อย เป็นผู้ที่มีความรักความเมตตาสูงมาก โดยเฉพาะกับเด็กๆ ครูอ๋อยทุ่มสุดตัวสุดใจ มีมุขตลกเฮฮามาสร้างความสุขให้กับเด็กเสมอ สามารถแสดงละครให้เด็กสนุกได้โดยลำพัง เช่น ใช้ฉากใส่แว่น ถอดแว่น ใช้น้ำเสียงและท่าทางที่มีอยู่ ช่วยสร้างสีสรรท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามในจังหวัดเชียงราย นอกจากนั้นแล้ว ยังทุ่มเทสุดตัวสุดหัวใจเพื่อให้สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในใจของชาวบ้านได้ โดยเข้าไปฝังตัวอยู่กับชาวบ้าน ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ กับชาวบ้าน เช่น ปลูกข้าว ดำนา ตกปลา ทำกับข้าว และอื่นๆ
ครูอ๋อยเป็นคนมีอารณ์ขัน แต่ก็เป็นคนจริงจังกับงานรับใช้ ทั้งยังถ่อมใจและพร้อมเสมอที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จ เช่น จากคนที่แต่งตัวแบบง่ายๆ ตามสไตล์อ๋อยๆ ก็พร้อมเสมอที่จะเปลี่ยนไปสวมกระโปรงใส่สูทเพื่อเทศนา จากคนที่เคยนอนตื่นสายโด่ง ก็รับฟังคำตักเตือนของเพื่อนรัก และกลับใจ ฝึกตน กลายเป็นคนที่นอนตื่นเช้าขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้มีเวลาเข้าเฝ้าติดสนิทกับพระเจ้ามากขึ้น เป็นต้น [1 ทิโมธี 4:8 เพราะถ้าการฝึกทางกายนั้นมีประโยชน์อยู่บ้าง ทางของพระเจ้าก็มีประโยชน์ในทุกทาง เพราะทรงไว้ซึ่งประโยชน์สำหรับชีวิตปัจจุบันและชีวิตอนาคตด้วย]
ครูอ๋อยได้สละความเป็นตัวตนฝ่ายเนื้อหนังออกไป และน้อมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ตามแบบอย่างขององค์พระคริสต์ที่ได้ทรงสละพระองค์เพื่อเรา [กาลาเทีย 1:4 พระเยซูทรงสละพระองค์เองเพราะบาปของเราทั้งหลาย เพื่อช่วยเราให้พ้นจากยุคปัจจุบันอันชั่วร้าย ตามน้ำพระทัยพระบิดาเจ้าของเรา] นอกจากนั้น ครูอ๋อยยังทำให้ฉันนึกถึง อ.เปาโล ซึ่งท่านเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย จากผู้ที่ข่มเหงคริสตจักร กลายเป็นอัครฑูตผู้ถ่อมใจรับใช้องค์พระคริสต์จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต [กาลาเทีย 1:23-24 เขาเพียงแต่ได้ยินว่า "ผู้ที่แต่ก่อนเคยข่มเหงเรา บัดนี้ได้ประกาศความเชื่อซึ่งเขาได้เคยพยายามทำลาย" พวกเขาได้สรรเสริญพระเจ้าก็เพราะข้าพเจ้าเป็นเหตุ]

วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552

30 วัน กวีสรรเสริญ‏

ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2008 ฉันจะร่ายกวีบทใหม่ ถวายแด่พระเจ้าที่รักของฉัน
เพื่ออวดเรื่องกางเขนของพระองค์ เพื่อเยินยอพระเกียรติของพระองค์

วันที่ 1/11/2008 (เสาร์) : ลุมพินีวิลล์ รามคำแหง 44…คอนโดเพื่อน
เขียนกลอนนี้ขึ้นมาขณะดื่มด่ำกับพระคำพระเจ้า และระลึกถึงสิ่งที่ อ.อานุภาพ วิชิตนันท์ ได้เทศนาในค่ายคริสตจักรนิมิตใหม่ ที่พัทยา ว่าด้วยพระมรรคาของพระเจ้า ฉันจึงอธิษฐานขอให้พระองค์ทรงนำมรรคาของฉัน
[สดด.25:4] ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงกระทำให้ข้าพระองค์รู้จักพระมรรคาของพระองค์ ขอทรงสอนวิถีของพระองค์แก่ข้าพระองค์
 ขอทรงนำมรรคาข้าพระองค์
ข้าแต่พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงโปรดนำมรรคาข้าวันนี้
โปรดให้ข้าอิ่มบริบูรณ์ด้วยของดี ให้ไปดีมาดีในแผ่นดิน
ทุกย่างก้าวรับบัญชาจากพระองค์ ทุกย่างก้าวถ่อมใจลงรับใช้พระคริสต์
ทุกย่างก้าวยอมจำนนสุดวิญญาณจิต ทุกย่างก้าวถวายอุทิศแด่พระองค์

วันที่ 2/11/2008 (อาทิตย์) : คจ.นิมิตใหม่…
พักสงบจิตใจอยู่ในนิเวศของพระเจ้า นมัสการร่วมกับพี่น้องในคริสตจักร และแล้วก็มีผู้เชื่อใหม่ก้าวขึ้นบนเวทีเพื่อขอรับมหาสนิทร่วมกับพวกเรา
[ลก.22:19-20] พระองค์ทรงหยิบขนมปัง โมทนาพระคุณ แล้วหักส่งให้แก่เขาทั้งหลาย ตรัสว่า "นี่เป็นกายของเรา ซึ่งได้ให้สำหรับท่านทั้งหลาย จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา" เมื่อรับประทานแล้ว จึงทรงหยิบถ้วยกระทำเหมือนกันตรัสว่า "ถ้วยนี้ซึ่งเทออกเพื่อท่านทั้งหลายเป็นคำสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา”
 สู่มหาสนิท
ข้าขอติดตามองค์ผู้เป็นเจ้า โดยรับเอาขนมปังและน้ำองุ่น
ข้าขอเข้าสู่ครอบครัวอันอบอุ่น รับพระคุณแห่งชีวิตนิรันดร์
ขอแทรกตัวอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ ขอยืนหยัดอยู่ในอุ้งพระกร
ขอคุกเข่าวันทากราบวิงวอน ขอรับการตีสอนจากพระองค์
ขอมีส่วนในงานพันธกิจ ขออุทิศทั้งสิ้นน้อมถวาย
ขอจำนนแด่พระองค์ทั้งใจกาย ตราบชีพวายไม่หายห่างจากพระองค์
ขอสรรเสริญพระองค์ชั่วชีวิต ติดสนิทกระทำตามพระประสงค์
ขอรอคอยพระเจ้าด้วยสัตย์ซื่อตรง ขอมั่นคงดำรงค์รักพระองค์นิรันดร์
วันที่ 3/11/2008 (จันทร์) : ที่ทำงาน ถนนสี่พระยา
พี่บุญลวีส่งหนังสือ “จงรอคอยพระเจ้า” มาให้อ่าน อ่านแล้วซาบซึ้งตรึงใจยิ่งนัก และในขณะเดียวกันก็ต้องรีบกลับใจ ที่ผ่านมาฉันรีบร้อน และไม่นิ่งสงบรอคอยพระเจ้า…ฉันต้องขอรับพระคุณจากพระเจ้า ขอทรงโปรดให้ฉันนั้นจดจ่อและคอยท่าพระองค์แต่เพียงองค์เดียว
[สดด.62:1] จิตใจของข้าพเจ้าสงบคอยท่าพระเจ้าแต่องค์เดียว ความรอดของข้าพเจ้ามาจากพระองค์
[สดด.62:5] จิตใจของข้าพเจ้าสงบคอยท่าพระเจ้าแต่องค์เดียว เพราะความหวังของข้าพเจ้ามาจากพระองค์
 จงสงบคอยท่าพระเจ้าแต่องค์เดียว
จิตใจของข้าเอ๋ย จงสงบคอยท่าพระเจ้าแต่องค์เดียว
จิตวิญญาณของข้าเอ๋ย จงนิ่งรอคอยพระเจ้าแต่องค์เดียว
สองมือของข้าเอ๋ย จงยกชูขึ้นสรรเสริญพระเจ้าแต่องค์เดียว
สองเท้าของข้าเอ๋ย จงเต้นโลดสรรเสริญพระเจ้าแต่องค์เดียว
สองหูของข้าเอ๋ย จงสงบต่อพระสุรเสียงของพระเจ้าแต่องค์เดียว
สองตาของข้าเอ๋ย จงพินิจพิจารณาความงามของพระเจ้าแต่องค์เดียว
ปากของข้าเอ๋ย จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระเจ้าแต่องค์เดียว
ร่างกายของข้าเอ๋ย จงอุทิศเพื่อพันธกิจแด่พระเจ้าแต่องค์เดียว
ชีวิตของข้าเอ๋ย จงดำรงอยู่เพื่อนมัสการพระเจ้าแต่องค์เดียว
ข้าพร้อมก้าวสู่หลักชัยในพระคริสต์ พร้อมทุ่มเทอุทิศแด่พระเจ้า
พร้อมเป็นเกลือเป็นความสว่างแก่โลกเรา พร้อมคุกเข่า พร้อมก้าวเดิน พร้อมหยัดยืน
ข้ายำเกรงพระเจ้าองค์อุปถัมภ์ ทรงชี้นำ ทรงเสริมกำลังให้กับข้า
ข้าซ่อนตัวอยู่ใต้ปีกพระบิดา ข้าคอยท่าพระเจ้าแต่องค์เดียว



วันที่ 4/11/2008 (อังคาร) : ที่ทำงาน ถนนสี่พระยา…เวลาเที่ยงกว่าๆ ขณะฝนตก
ฉักรักสายฝน ฉันชะโงกหน้าไปทักทายสายฝน พระเมตตาหลั่งมาดุจฝนอันชี่นใจ…พี่บุญลวีโทรมาทักทาย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของน้องสาว พร้อมทั้งเล่าสิ่งละอันพันละน้อยสู่กันฟัง…ขำๆ กันไป
[ฮชย.6:3] ให้เรารู้จัก ให้เราพยายามรู้จักพระเจ้า การที่พระองค์เสด็จออกก็แน่นอนเหมือนอรุณ พระองค์จะเสด็จมาหาเราอย่างห่าฝน ดังฝนชุกปลายฤดูที่รดพื้นแผ่นดิน"
 ฝนตกชุกปลายฤดู
สายฝนหล่น โปรยปราย ดุจสายรัก
ชุ่มฉ่ำนัก พระเมตตา หลั่งไหล
พระคุณพระเจ้า รินรดมา แสนชื่นใจ
ฝนตกชุก ฤดูปลาย มาเยี่ยมเยียน

พระพรพระเจ้า เทมา ดังห่าฝน
หลั่งไหลสู่วิสุทธิชน ครบถ้วนหน้า
พระเจ้ารัก เราทุกคน ดุจแก้วตา
ประทานชีวา ประทานพระคุณ ประทานพระพร

ฉันหลงรัก สายฝน ของพระเจ้า เตือนให้เฝ้า นับพระพร อันอุดม
เตือนให้นึก ถึงความ สนิทสนม เตือนให้ประพฤติ เหมาะสม เป็นลูกพระองค์

วันที่ 5/11/2008 (พุธ) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 4.30 น.
พระเจ้าทรงรักฉันมาก มากเกินความเข้าใจของฉัน จนทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันรักพระองค์น้อยเกินไป ฉันจึงอธิษฐานขอให้ฉันได้รักพระองค์มากยิ่งขึ้น ลึกซึ้งขึ้นทุกขณะ และขอพระหัตถ์ของพระองค์อยู่กับฉันตลอดไป
[1คร.8:3] แต่ถ้าผู้ใดรักพระเจ้า พระเจ้าก็ทรงรู้จักผู้นั้น
 ข้าขอรักพระองค์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
โปรดนำข้าไปถึงซึ่งพระคำ โปรดให้ข้าดื่มด่ำในความหมาย
โปรดเบิกดวงตาข้า วิญญาณใจ ให้ข้าได้สัมผัสพระทัยอันละมุน
โปรดให้ข้ารักพระองค์ลึกซึ้งขึ้น ให้ชุ่มชื่น เอ่อล้น อิ่มเอมรัก
โปรดให้ข้าได้พบประสบพระพักตร์ ให้ประจักษ์รักจับใจในพระองค์

รักพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่ไม่สิ้นสุด มหาสมุทรมิอาจเทียบรักนั้นได้
พระดำริสุดประเสริฐไพศาลใหญ่ มากยิ่งกว่าเม็ดทรายในนที
โอ้ พระองค์ โปรดเสด็จมาใกล้ข้า โปรดยื่นพระหัตถามาเหนือข้า
โปรดโอบกอดข้าไว้ในพระอุรา โปรดรักษาข้ามิให้เจ็บใจกาย

วันที่ 6/11/2008 (พฤหัสบดี) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 6.20 น.
จิตใจของฉันยังคงดื่มด่ำกับความรักของพระเจ้าไม่รู้จบ นับวันก็ยิ่งลึกซึ้งและอัศจรรย์ใจมากขึ้น พระองค์ทรงสละพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อคนบาปอย่างฉัน พระเยซูทรงทนทุกข์โดยปราศจากความผิด พระเยซูทรงยอมพลีพระชนม์เป็นผู้ไถ่บนไม้กางเขนเพื่อคนที่ไม่คู่ควรอย่างฉัน พระเจ้าทรงให้ชีวิตนิรันดร์แก่ฉัน ทรงประทานพระพรมากมายแก่ฉัน ซึ่งฉันคงนับได้ไม่หมด หากจะนับก็มากกว่าเม็ดทราย มากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า มากกว่าผงคลีดิน มากกว่าอะไรทั้งสิ้นในโลกนี้มารวมกัน…ฉันคงไม่สามารถพรรณนาความดื่มด่ำและความอัศจรรย์ใจได้ทั้งหมด แต่ฉันก็อัศจรรย์ใจในความรักของพระเจ้าอยู่นั่นเอง
[อสย.43:4] เพราะว่าเจ้าประเสริฐในสายตาของเรา และได้รับเกียรติและเรารักเจ้า เราจึงให้คนเพื่อแลกกับเจ้า ให้ชนชาติทั้งหลายเพื่อแลกกับชีวิตของเจ้า
 รักอัศจรรย์
รักพระเจ้าสว่างจ้าในดวงจิต รักทรงฤทธิ์อัศจรรย์ชวนฉงน
รักกระจ่างฉายแสงไปทั่วสากล เสรีชนอิ่มเอมใจในรักพระองค์
รักพระองค์มากล้นมิอาจวัด สุดชี้ชัดความงดงาม ความยิ่งใหญ่
เป็นความรักสนิทสนมสุขสมใจ เป็นดวงไฟในดวงใจ รักนิรันดร์
ทรงปิติยินดีในตัวเรา ทรงปรารถนาให้เราสนิทสนม
ทรงเฝ้ามองดูเราด้วยชื่นชม ทรงสะสมพระพรไว้มอบให้เรา




วันที่ 7/11/2008 (ศุกร์) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 5.50 น.
อันความรักและมหิทธิฤทธิ์ขององค์จอมกษัตริย์นั้นยิ่งใหญ่ตระการตา ชวนให้หลงไหลและตื่นตะลึงอยู่ร่ำไป ฉันเองก็ตกหลุมรักพระคริสต์จนถอนตัวไม่ขึ้น ฉันตื่นตะลึงในความงาม การทรงสร้าง และความรักของพระองค์ ฉันรักพระองค์ ในขณะเดียวกันก็อดที่จะยำเกรงพระองค์ไม่ได้ พระองค์เป็นทุกสิ่งในชีวิตของฉัน
[สดด.33:8] ให้แผ่นดินโลกทั้งสิ้นยำเกรงพระเจ้า ให้บรรดาชาวพิภพทั้งปวงยืนตะลึงพรึงเพริดต่อพระองค์
 ตื่นตะลึง
ตื่นตะลึงยิ่งนักรักพระคริสต์ สละชีวิต เป็นผู้ไถ่ บนไม้กางเขน
พระทรงฤทธิ์ปลดเราให้พ้นบาปเวร รักชัดเจน รักยอมพลี เราเป็นหนี้พระองค์

ตื่นตะลึงพรึงเพริศการทรงสร้าง ทรงจัดวาง ทรงตรัสสั่ง ทรงสร้างสรรค์
พระทรงสร้างสรรพสิ่งสารพัน เอนกอนันต์ทรงจัดเตรียมมอบแด่เรา
ทรงสร้างฟ้า สวรรค์ และแผ่นดิน สร้างทรัพย์สิน บรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหว
ทรงสร้างน้ำ สร้างป่าเขา ลำเนาไพร ดาวน้อยใหญ่ สุริยัน และจันทรา

ตื่นตะลึงการทรงสร้างวิเศษสุด สร้างมนุษย์ขึ้นมาตามพระฉาย
ทรงกำหนด ทรงสร้างหญิงและชาย ทรงสร้างกาย ทรงสร้างใจ สร้างชีวี
ทรงเลี้ยงดูให้มนุษย์นั้นเติบใหญ่ ทรงนำไปในมรรคาราบวิถี
ทรงห่วงใยทรงใส่ใจทุกวินาที ในฤดีตื่นตะลึงพรึงเพริศเอย










วันที่ 8/11/2008 (เสาร์) : คริสตจักรตราด ระหว่างการนมัสการในรายการค่ายเด็ก เวลา 18.45 น.
พระเจ้าประทานโอกาสให้ไปหนุนใจพี่ป๊อบเนื่องในโอกาสรับบัพติศมา เราสองพี่น้องนักเดินทางคือ พี่อิ๋วกับฉันก็เดินทางในเช้าวันเสาร์ ไปถึงที่เมืองตราดในช่วงบ่าย เรามีช่วงเวลาแห่งการสามัคคีธรรมที่วิเศษ ทั้งตอนเย็นเรายังได้นมัสการร่วมกับเด็กๆ ในค่ายเด็ก ของคริสตจักรตราดอีกด้วย… ระหว่างการนมัสการ ฉันสัมผัสได้ถึงพระสิริอันบรรเจิดแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า สัมผัสในวิญญาณถึงความโอ่อ่าตระการตาของพระราชาผู้ทรงพระสิริเลิศ
[สดด.72:19] สาธุการแด่พระนามรุ่งโรจน์ของพระองค์เป็นนิตย์ ขอพระสิริของพระองค์เต็มโลก อาเมน และ อาเมน
 แสงพระสิริ
พระสิริพระเจ้างามเจิดจรัส กระจ่างชัดแพรวพราวสกาวแสง
งามหยดย้อยพริ้งพรายประกายสำแดง ตะลึงแลกระแสแสงละมุนละไม
แสงใดใดไหนจะเทียบเปรียบพระเจ้า แสงนพเก้ามณีจินดาหาเทียบไม่
แสงสุรีย์แสงจันทราผ่องอำไพ ไฉนเลยจะเทียบได้แสงพระองค์
พระสิริส่องแสงสู่โลกหล้า แสงฤทธาแวววาวตาสูงค่ายิ่ง
แสงบริสุทธิ์เปล่งรัศมีสู่สรรพสิ่ง แสงสัตย์จริง แสงสง่าคือบิดาเรา

วันที่ 9/11/2008 (อาทิตย์) : คริสตจักรตราด ระหว่างการนมัสการวันอาทิตย์ เวลา 10.39 น.
ในช่วงของการนมัสการร่วมกับพี่น้องที่ คริสตจักรตราด พระวิญญาณประเสริฐสถิตอยู่ท่ามกลางพวกเรา ความรักของพระองค์โอบล้อมเราไว้ ทุกหัวใจได้สัมผัสถึงน้ำพระทัยซาบซึ้งอิ่มเอม และสัมผัสถึงอ้อมพระกรแห่งรักจากพระองค์… อ้อมกอดของพระองค์เป็นเช่นไรนะ หัวใจของฉันเฝ้าไถ่ถามและค้นหา เมื่อร้องเรียก พระองค์ก็ทรงประทานให้ อ้อมกอดรักแห่งพระบิดา องค์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเรา! อ้อมกอดแห่งรักของพระองค์จะติดตามเราไปตลอดคืนวันชีวิตของเรา จะนำพาเราผ่านหุบเขาเงามัจจุราช นำเราไปสู่ทุ่งหญ้าเขียวสดงดงาม
[ฉธบ.32:10] พระองค์ทรงพบเขาในแผ่นดินทุรกันดาร ในที่เปลี่ยวเปล่ามีแต่เสียงเห่าหอน พระองค์ทรงโอบล้อมเขาไว้ และทรงดูแลเขาอยู่ ทรงรักษาเขาไว้ดังแก้วพระเนตรของพระองค์
 อ้อมกอดรักพระเจ้า
อ้อมเอยอ้อมกอดรัก อบอุ่น
อ้อมไอละมุนละไมรัก หลงไหล
อ้อมพระทรวงซาบซึ้งรัก ปักใจ
อ้อมพระทัยบริสุทธิ์ งดงาม
อิ่มเอมรักอ่อนหวาน อบอวล
กรุ่นกลิ่นนวลหอมซึ้ง ซาบซ่าน
อ้อมกอดรักของพระเจ้า ชื่นบาน
เป็นพระพรในวิญญาณ รื่นรมย์เอย
วันที่ 10/11/2008 (จันทร์) : บนรถตู้ ขณะเดินทางไปทำงาน รถติดอยู่หน้าจุฬา…เวลา 8.15 น.
บ่อยครั้งที่ฉันดื้อดึงและอวดดี บ่อยครั้งที่ฉันยอมวางมือกับบางสิ่งบางอย่างเพื่อมอบไว้ในการทรงนำของพระเจ้า แต่ฉันยังไม่ได้วางใจอย่างจริงจังเต็มร้อย ฉันขอพระเจ้าที่ฉันจะถ่อมใจลงทั้งหมดทั้งสิ้น วางมือและวางใจพระองค์อย่างสิ้นสุดกำลังความคิด สุดวิญญาณใจ
[ยก.4:10] ท่านทั้งหลายจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะทรงยกชูท่านขึ้น
 ถ่อมใจลง
ถ่อมใจลงต่อองค์ผู้เป็นเจ้า ถ่อมใจเรารับเอาการตีสอน
ถ่อมใจรักน้อมความคิดสู่พระบิดร ถ่อมใจลงกราบวิงวอนขอถ่อมใจ
ให้ลูกน้อมนำความคิดทุกประการ มอบแผนการให้พระองค์ทรงนำให้
ยอมจำนนทั้งความคิดและจิตใจ เพื่อเป็นตามน้ำพระทัยของพระองค์

วันที่ 11/11/2008 (อังคาร) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 5.15 น.
เมื่อวานตอนเย็นขณะเดินเข้าคอนโด ฉันกลับรู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด แม้จะเป็นเพียงความเหงาชั่วขณะที่ได้คงอยู่เพียงหน่อยหนึ่ง แต่นั่นกลับทำให้ฉันนำมาคิดใคร่ครวญอย่างหนัก ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงโปรดให้เรามีอารมณ์ พระเยซูเองก็ทรงมีอารมณ์รัก โกรธ เสียพระทัย และพระบิดาก็ทรงสร้างเรามาให้มีอารมณ์เช่นนั้น พอความเหงาแล่นเข้ามาในความรู้สึก ฉันก็ต้องรีบค้นหาว่าพระเจ้ากำลังจะบอกอะไร เนื่องจากว่าฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยเหงา มีเพื่อนฝูงมาก มีเรื่องให้ทำตลอด จนไม่มีเวลาเหงา และที่สำคัญฉันมีพระบิดาที่รัก ฉันมีพระเยซูเป็นพี่ชาย เป็นสหายเลิศของฉัน…แต่เมื่อความเหงาเกิดขึ้น ฉันก็ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันรู้สึกเช่นนั้น เพื่อที่ว่าฉันจะได้เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น ในขณะเดียวกัน ทำให้ฉันต้องวางความรู้สึกนั้นไว้ที่พระเจ้า ฉันต้องพึ่งพระวจนะของพระองค์ในทุกช่วงเวลาของความคิด ทุกความรู้สึก
[มธ.4:4] … มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า
 บำรุงชีวิตด้วยพระวจนะ
ยามใดหัวใจเหงาหรือเศร้าจิต ยามใดที่ครุ่นคิดด้วยบอบช้ำ
ยามใดที่เป็นทุกข์หนักสุดระกำ ยามนั้นพระคำพระเจ้าเฝ้าประโลม
ยามใดที่ท้อแท้หรือสิ้นหวัง ยามใดที่หมดกำลังจะสู้ใหม่
ยามใดที่ชีวิตมีแต่แพ้พ่าย ยามนั้นไซร้พึ่งพระคำนำก้าวเดิน
ยามใดที่ผิดพลาดหรือสูญเสีย ยามใดที่อ่อนเปลี้ยหรือหมดหวัง
ยามใดที่หมดสิ้นแทบทุกอย่าง ยามนั้นวางภาระพึ่งพระคำ
ยามใดที่ชีวีสุขหรรษา ยามใดที่ปรีดาสุขสุขี
ยามใดที่รื่นรมย์สมฤดี ยามนั้นที่พระคำนำชูใจ


อย่าได้ขาดการดื่มด่ำพระวจนะ อย่าได้ละการตีสอนจากพระเจ้า
อย่าได้ลืมท่องพระคำทุกค่ำเช้า อย่าได้ลืมน้อมนำเอามาใส่ใจ
อย่าได้ลืมกระทำตามพระบัญญัติ อย่าได้ลืมปฏิบัติเปลี่ยนแปลงใหม่
อย่าได้ลืมจดจำพระคำตลอดไป อย่าได้ลืมพระบัญญัติทั้งหลายของพระองค์

วันที่ 12/11/2008 (พุธ) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 4.25 น.
อรุณรุ่งเบิกฟ้า นกกาแว่วเสียง ฉันพบพระจันทร์โตเต็มดวง…วันนี้เป็นวันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำคะนองเต็มตลิ่ง เป็นวันลอยกระทงของชาวไทย ฉันชอบประเพณีอันดีงามของการลอยกระทง แต่ปีนี้ฉันไม่คิดจะลอยกระทง…ฉันตะลึงกับดวงจันทร์กลมโตที่ส่องแสง พลันฉันก็ระลึกถึงพระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงสร้างฟ้า สวรรค์ แผ่นดินโลก และสรรพสิ่งที่มีอยู่ในนั้น เช้านี้ฉันจึงพลิกไปที่ปฐมกาลบทที่ 1 อีกครั้ง และอัศจรรย์กับการทรงสร้างของพระบิดาอีกครั้งเช่นกัน
[ปฐก.1:16] พระเจ้าได้ทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง ให้ดวงใหญ่ครองวัน ดวงเล็กครองคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆ ด้วย
 ดวงจันทร์
ดวงจันทร์กลมเปล่งรัศมีสีนวล ชวนให้หวลระลึกถึงพระผู้สร้าง
ทรงดำริทรงดำรัสทรงจัดวาง สรรพสิ่งทุกอย่างปรากฎงาม
ทรงสร้างโลกภายในหกวัน ทรงหยุดพักการงานในวันที่เจ็ด
เพียงตรัสสั่งสรรพสิ่งก็สำเร็จ ทรงสร้างเสร็จ ตรัสว่าดี พอพระทัย
ทรงสร้างเธอและฉันตามฉายา ให้ครอบครองฝูงปลาสัตว์น้อยใหญ่
ให้ดูแลธรรมชาติทรงสร้างไว้ ให้เราได้กรรมสิทธิ์โดยชอบธรรม
เราจึงควรเอาใจใส่โลกใบนี้ ถวายองค์ภูมีตามรับสั่ง
ควรรักษาสรรพสิ่งไว้สุดกำลัง เพื่อรุ่นหลังได้ครอบครอง สรรเสริญพระนาม

วันที่ 13/11/2008 (พฤหัสบดี) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 5.35 น.
ลมหนาวโชยแผ่วเบามาสัมผัสร่างกายและจิตใจ ชวนให้ระลึกถึงองค์พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เราไม่เคยเห็นพระเจ้า แต่เราสามารถสัมผัสรักจากพระองค์ สัมผัสการทรงสถิตของพระองค์ เห็นสิ่งอัศจรรย์ทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างได้ ลมละมุนที่พัดมาจึงเป็นเหมือนการสัมผัสอีกแบบหนึ่งจากองค์บิดา ทรงปรารถนาที่จะชิดใกล้และอวยพรเรา และทำให้เราตื่นตะลึงในการทรงสร้างอันแสนวิเศษของพระองค์อีกครั้ง ทรงสร้างสรรพสิ่ง ทรงกำหนดฤดูกาล ทรงให้ทุกสิ่งมีวาระของมัน และมนุษย์เราก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงประสงค์ให้เราเป็นลูกที่เกิดผลตามฤดูกาลของเรา ให้เราเกิดผลในทุกสิ่งที่เรากระทำ ในทุกกิจกรรมของเรา ในทุกการงานของเรา ในทุกการรับใช้ของเรา ในทุกวาระของเรา ในทุกฤดูกาลของเรา [สดด.1:3] เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น
[ปญจ.3:1] มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวารสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์
[ปญจ.3:11] พระองค์ทรงกระทำให้สรรพสิ่งงดงามตามฤดูกาลของมัน พระองค์ทรงบรรจุนิรันดรกาลไว้ในจิตใจของมนุษย์ แต่มนุษย์ยังมองไม่เห็นว่า พระเจ้าทรงกระทำอะไรไว้ตั้งแต่ปฐมกาลจนกาลสุดปลาย
 เหมันต์หรรษา
โอ้เหมันต์หันมาสู่ฟ้าไทย ฤดูใหม่เวียนผ่านมาอีกคราหนึ่ง
ฤดูใหม่วาระใหม่งามตราตรึง ตื่นตะลึงเหมันตฤดู
มีวาระสำหรับสรรพสิ่ง ปรากฎจริง ฤดูกาล หรรษา
ทุกฤดูอยู่ใต้หัตถ์องค์บิดา งามสง่าเกิดผลงามตามฤดู

ทุกฤดูเปี่ยมฤดีเปรมปรีด์สุข เราสนุกสุขสันต์หรรษา
ทุกฤดูเป็นพระพรจากบิดา ประชากรทั่วโลกาสรรเสริญพระนาม

วันที่ 14/11/2008 (ศุกร์) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 6.04 น.
เช้านี้เฝ้าเดี่ยวด้วยหนังสือ “อิ่มเอมรักจากพระเจ้า” โดย รูธ ไมเยอร์ ในหัวข้อ “พระองค์เป็นยอดปรารถนา”…ใช่แล้ว พระองค์ทรงยิ่งใหญ่ สัตย์ซื่อ เปี่ยมด้วยรัก พระองค์ทรงสมบูรณ์ดีพร้อมทุกประการ น้ำพระทัยของพระองค์ก็ล้ำลึกเกินความเข้าใจของเรา พระหัตถกิจของพระองค์ก็อัศจรรย์สุดล้ำพรรณนา เราจึงกลั่นหัวใจ เทใจถวายแด่พระองค์…พระองค์เป็นสุดยอดปรารถนาทั้งหมดทั้งสิ้นในชีวิตของเรา
[สดด.73:25] นอกจากพระองค์ ข้าพระองค์มิมีผู้ใดในฟ้าสวรรค์ นอกจากพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาใดใดในโลก
 พระองค์เป็นสุดยอดปรารถนา
พระองค์เป็นสุดยอดปรารถนา เป็นราชาผู้ดีเลิศ น่าเทิดทูน
ความรักของพระองค์เต็มสมบูรณ์ มิสิ้นสูญ อัศจรรย์ ประเสริฐจริง
ข้าตกหลุมรักองค์พระเยซู พินิจดูความงามเลิศยิ่งใหญ่
ทรงล้ำเลิศสูงค่ากว่าสิ่งใด ข้าเทใจ ขออยู่ในพระทัยพระองค์

วันที่ 15/11/2008 (เสาร์) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 4.37 น.
คริสตชนทุกคนคือเลวี…เวลาที่ฉันระลึกถึงคำว่าเลวี ฉันมักจะนึกถึงพี่บุญลวี ซึ่งมีของประทานในการนมัสการชัดเจน ด้วยว่าเลวีนั้นพระเจ้าทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้รับใช้ เป็นวิสุทธิชนในวิสุทธิสถานบริสุทธิ์ของพระองค์ ให้มีหน้าที่ปรนนิบัติพระองค์ตามของประทาน และที่สำคัญ ทรงโปรดให้นมัสการพระองค์…กระนั้นก็ตาม แม้ว่าบางคนอาจจะมิได้มีของประทานในการนมัสการชัดเจน หากว่าพระเจ้าทรงสร้างทุกคนมาเพื่อนมัสการพระองค์ และ คริสตชนทุกคนคือเลวี ซึ่ง “ศจ.พูลสุข เศรษฐโสภณกุล” ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “สายธารแห่งศรัทธา” ว่า
1) พระเจ้าทรงเลือกสรรให้คริสตชนเป็นผู้ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า ฉะนั้นเราจึงต้องปรนนิบัติพระราชกิจของพระองค์อย่างเฉพาะเจาะจงตามพันธกิจ ตามของประทาน ตามหน้าที่ที่พระองค์ทรงมอบหมายด้วยความรับผิดชอบ ด้วยจิตใจที่สัตย์ซื่อ ด้วยชีวิตที่อุทิศ
2) ชีวิตของผู้ปรนนิบัติรับใชข้พระเจ้าจะต้องมีชีวิตที่สนิทสนมกับพระเจ้า มีความบริสุทธิ์ มีความยุติธรรม และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์
3) พระเจ้าจะทรงเป็นผู้เลี้ยงดู ประทานพร คุ้มครองรักษาผู้นั้นไว้มิให้ขัดสน และสิ่งที่พระองค์จัดสรรล้วนดีที่สุด เหมาะสมที่สุดแก่แต่ละคน
[สดด.34:9-10] ท่านวิสุทธิชนทั้งหลายของพระองค์ จงยำเกรงพระเจ้าเพราะผู้ที่ยำเกรงพระองค์ไม่ขาดแคลน เหล่าสิงห์หนุ่มยังขาดแคลนและหิวโหย แต่บรรดาผู้ที่แสวงพระเจ้า ไม่ขาดของดีใดๆ
 คริสตชนทุกคนคือเลวี
ฉันคือคริสตชนเลวี มีหน้าที่ปรนนิบัติพระเจ้า
ทำพันธกิจที่ทรงมอบหมายเรา ใช้ของประทานของเราด้วยสัตย์จริง
มีชีวิตสนิทสนมกับพระองค์ ทำตามพระประสงค์กฎเกณฑ์ของพระเจ้า
พระเจ้าจะทรงเลี้ยงดูแลเรา บรรดาผู้แสวงพระเจ้า ไม่ขาดแคลน

วันที่ 16/11/2008 (อาทิตย์) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 14.00 น.
วันนี้เป็นวันสะบาโต วันที่ต้องหยุดพักการงานเพื่อนมัสการพระเจ้า แต่ฉันไม่ได้ไปโบสถ์ ไม่ได้ไปนมัสการร่วมกับพี่น้อง ไม่ได้ฟังเทศนาจากศิษยาภิบาลผู้รับใช้ของพระเจ้า เนื่องจากปัจจัยทางร่างกายนิดหน่อย อย่างไรก็ดี ฉันอธิษฐานขอที่พระเจ้าจะทรงโปรดเมตตาชำระล้างฉันให้สะอาด นำฉันเข้าสู่การนมัสการร่วมกับฑูตสวรรค์ของพระองค์ ขอพระวิญญาณประเสริฐของพระองค์จะทรงสอนฉัน ขอทรงนำฉันเข้าใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น
[ยก.4:8] ท่านทั้งหลายจงเข้าใกล้พระเจ้า และพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน คนบาปทั้งหลายเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด และคนสองใจ จงชำระใจของตนให้บริสุทธิ์
 ข้าขอใกล้ชิดพระองค์มากยิ่งขึ้น
ข้าขอใกล้ชิดองค์บิดาเจ้า ฟังเสียงแว่วแผ่วเบาตรัสกับข้า
ขอใกล้ชิดสนิทพระทัยพระบิดา ขอสนิทเสน่หาองค์ภูมินทร์
ขอหมอบกราบอยู่ที่แทบพระบาท มิขอพลาดน้ำพระทัยองค์บดินทร์
ขอจำนนทุกสิ่งจนหมดสิ้น ขอจิตวิญญาณภักดิ์รักบิดา

วันที่ 17/11/2008 (จันทร์) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 5.35 น.
พระบิดาเจ้าข้า ลูกสรรเสริญพระองค์ นมัสการพระองค์ ลูกขอที่จะได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ อยู่ในอ้อมกอดแห่งสันติสุขของพระองค์
[สภษ.8:34] ผู้ใดที่ฟังเรา ก็เป็นสุข คือเฝ้าอยู่ที่ประตูรั้วของเราทุกวัน และคอยอยู่ข้างประตูบ้านของเรา
 ฟังเสียงพระเจ้า
ฟังสิฟัง ฟังเสียงแผ่วเบา ฟังพระเจ้าของเราทุกวัน
ฟังพระองค์ตรัส ฟังพระองค์สอน ฟังพระองค์อวยพรทุกวัน
พระองค์ตรัสว่า “เรารักเจ้า”
[ยน.13:34] เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น
พระองค์ตรัสว่า “เราจะอยู่กับเจ้า”
[มธ.28:20] สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค"
พระองค์ตรัสว่า “เราจะอวยพรเจ้า”
[ปฐก.22:17] เราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์
ฟังสิฟังฟังเสียงแผ่วเบา ฟังพระเจ้าตรัสกับเราทุกวัน
ฟังพระองค์สอนสั่งสิ่งสารพัน ฟังองค์อัศรรย์ ฟังพระองค์
พระเจ้าตรัสว่าพระองค์ทรงรักข้า ทรงจัดวางมรรคาให้ข้าก้าว
พระองค์ทรงสถิตอยู่ทุกย่างเท้า พระองค์ทรงกระซิบเบาเบา “รักเจ้า” เอย

วันที่ 18/11/2008 (อังคาร) : ที่ทำงาน ถนนสี่พระยา…เวลา 17.10 น.
วันนี้เขียนการ์ดให้เพื่อน 1 ใบ มีข้อความด้านหน้าเป็นพระธรรมสุภาษิต 4:18 เมื่อเพื่อนรับแล้วก็แสดงอาการตื่นเต้นมาก พร้อมบอกว่าพระคัมภีร์ข้อนี้เป็นข้อโปรดของเธอ ที่ใช้ประกอบในการเป็นพยานเสมอ ด้วยว่าชีวิตก่อนที่จะรู้จักพระคริสต์นั้นมืดมน ครั้นเมื่อได้รู้จักพระเจ้าแล้ว ความสว่างของพระองค์ก็ส่องเข้ามาในชีวิต สุกใสยิ่งขึ้นๆ จนเต็มวัน…ฉันจึงอธิษฐานให้แสงสว่างของพระองค์ฉายสุกใสในใจของฉัน ขอให้ฉันได้รู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้น ให้หัวใจของฉันรักพระองค์มากขึ้น ให้ความประพฤติของฉันทำเพื่อพระองค์มากขึ้น และขอที่ผลแห่งพระวิญญาณทั้ง 9 ประการ จะเด่นชัดส่งกลิ่นหอมฟุ้งมากยิ่งขึ้นในชีวิตของฉัน ขอให้พระสิริและความสว่างของพระองค์ครอบครองฉัน และขอทรงโปรดใช้ฉันให้เป็นความสว่างในชีวิตของผู้อื่น ขอที่ความสว่างนั้นจะเปล่งประกายเหมือนแสงอรุณ ซึ่งฉายสุกใสยิ่งขึ้นๆ จนเต็มวันในชีวิตของผู้อื่น
[สภษ.4:18] แต่วิถีของคนชอบธรรมเหมือนแสงอรุณ ซึ่งฉายสุกใสยิ่งขึ้นๆ จนเต็มวัน
 ฉายแสงอรุณ
อรุณรุ่งฉายแสง สุกใส
อิ่มเอมใจภายใน สุขสม
แสงอรุณจากเบื้องบน น่าชื่นชม
สุดรื่นรมย์ชมแสง ฉายอรุณ


ขอพระเจ้าทรงโปรดเมตตา ให้ตัวข้าติดปีกแสงอรุณฉาย
ให้กลิ่นหอมของพระคริสต์ฟุ้งกระจาย เปล่งประกายทอแสงเป็นพยาน
โปรดเมตตาให้ข้านั้นเป็นพร แต่งบทกลอนสรรเสริญองค์ราชา
โปรดเมตตาให้เติบโต โปรดใช้ข้า โปรดนำพาให้ฉายแสงดังอรุณ

วันที่ 19/11/2008 (พุธ) : ที่ทำงาน ถนนสี่พระยา…เวลา 12.30 น.
ค่ำคืนที่ผ่านมาฉันเข้านอนเร็วเป็นพิเศษ คือ เวลา 21.30 น. เนื่องจากรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย ขอบคุณพระเจ้าที่มีพี่อิ๋วมาอธิษฐานเผื่อก่อนนอน…ฉันตื่นมาในตอนเช้าด้วยอาการงัวเงีย มีสันติสุข แต่กลับรู้สึกอ่อนเพลียทางร่างกาย ลุกไม่ขึ้น แต่ก็อธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้า และลุกขึ้นมาได้ และพระคัมภีร์ที่เสริมเรี่ยวแรงของฉันในวันนี้คือ [อสย.40:31] แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้าจะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย พร้อมด้วยเพลง “พระองค์จะเสริมกำลังเรี่ยวแรง”…หากฉันท้อแท้ การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ก็คงไม่มีความหมายอีกต่อไป หากฉันไม่ลุกขึ้นสู้ ฉันก็คงไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ และการฟื้นคืนพระชนม์จากหลุมฝังศพขององค์พระเยซู และทรงพระชนม์อยู่นิรันดร์ของพระองค์นั้น ก็คงเป็นเรื่องหลอกลวง แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ การสิ้นพระชนม์ของพระองค์และชัยชนะแห่งการเป็นอยู่นิรันดร์ของพระองค์เป็นพระพรประเสริฐในชีวิตของฉัน
เมื่อเฝ้าเดี่ยวเสร็จ ฉันก็มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ฉันรู้สึกถึงการพักผ่อนที่เป็นพระพรจากพระเจ้า ฉันซ่อนอยู่ใต้ร่มปีกที่ปลอดภัยของพระองค์ ฉันอบอุ่นอยู่ใต้ร่มเงาความรักล้ำเลิศของพระองค์…พระองค์ทรงประทับเหนือคำสรรเสริญ ฉันจึงนมัสการพระองค์และสรรเสริญพระองค์ ไม่ว่าฉันจะอยู่ท่ามกลางความยินดีหรือความทุกข์ยากก็ตาม ขอบพระคุณสำหรับพระพรอันแสนวิเศษของพระองค์ ฉันพร้อมที่จะลุกขึ้นและก้าวไปอีกครั้งอย่างมีศักดิ์ศรี…พระองค์ทรงตรัสว่า “เราจะอวยพรเจ้าแน่”
[ปฐก.22:17] เราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์
 พระพรของพระเจ้า
เส้นทางทุกทุกก้าว กับพระเจ้า มีพระพร
แผนงานทุกขั้นตอน มีการสอน จากพระองค์
ชีวิตทุกจังหวะ มีวาระ ตามพระประสงค์
พระเจ้าสัตย์ซื่อตรง ทรงมั่นคง ทรงอวยพร

วันที่ 20/11/2008 (พฤหัสบดี) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 6.15 น.
คริสตจักรนิมิตใหม่ได้ร่วมใจกันอธิษฐานอดอาหารวิงวอนเพื่อประเทศไทย ระหว่างวันที่ 20-22/11/2008 ซึ่งการอธิษฐานอดอาหารนั้นมีความสำคัญอย่างมากในการนำฉันติดสนิทกับองค์พระผู้เป็นเจ้ามากยิ่งขึ้น
[ยน.15:4-5] จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย
 ชีวิตติดสนิท
ชีวิตติดสนิทเป็นชีวิตไม่ขาดพร หัวใจที่น้อมอ่อนเป็นหัวใจอย่างพระคริสต์
จิตที่ตั้งใจเป็นที่ชอบพระทัยพระทรงฤทธิ์ การงานที่อุทิศเป็นที่โปรดปรานของพระองค์
ชีวิตเป็นเช่นแขนงที่เสริมแรงโดยพระองค์ รับใช้ตามพระประสงค์ สัตย์ซื่อตรงต่อเถาองุ่น
เป็นคนงานที่ไฟแรงเป็นแขนงฉายแสงอรุณ ชีวิตติดสมดุลย์ก้าวเดินไปตามพระทัยพระองค์

วันที่ 21/11/2008 (ศุกร์) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 23.55 น.
ฉันได้รับบทเรียนเรื่องการถวายทศางค์ที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น คือ มิใช่ว่าเราจะถวายสิบลดก็เพียงพอแล้วเท่านั้น หากเราต้องทูลขอสติปัญญาจากพระเจ้าด้วยว่า เราจะถวายผลแห่งน้ำมือของเราอย่างไร เพื่อถวายเกียรติสูงสุดแด่พระองค์
[ลก.6:38] จงให้เขา และท่านจะได้รับด้วย และในตักของท่านจะได้รับตวงด้วยทะนานถ้วนยัดสั่นแน่นพูนล้นใส่ให้ เพราะว่าท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น"
 ทศางค์
มอบทศางค์ ถวายไซร้ ให้พระเจ้า
น้อมนำเอา พระบัญชา มาปฏิบัติ
ไม่หวงแหน แต่เต็มใจ ให้เต็มขนาด
แล้วชีวิต จะไม่ขาด พระพรใด

พระองค์ทรง ประทานให้ มีพร้อมพรั่ง
ไม่ขาดสตางค์ ไม่ขาดทรัพย์ ไม่ขัดสน
ไม่ต้องทุกข์ ไม่พานพบ ความยากจน
พระทรงชนม์ ใส่พูนล้น ยัดสั่นแน่น

วันที่ 22/11/2008 (เสาร์) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 10.17 น.
เมื่อเฝ้าเดี่ยวด้วยหนังสืออิ่มเอมรักจากพระเจ้า ของรูธ ไมเยอร์ส ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน ก็ประทับใจอีกเช่นเคยกับหัวข้อที่ว่า “ทรงรักฉันตั้งแต่นิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล”
[สดด 103:17-18] แต่ความรักมั่นคงของพระเจ้านั้นดำรงอยู่ ตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล ต่อผู้ที่ยำเกรงพระองค์ และความชอบธรรมของพระองค์ต่อหลานเหลน ต่อบรรดาผู้ที่รักษาพันธสัญญาของพระองค์ และระลึกอยู่ที่จะกระทำตามข้อบังคับของพระองค์
 ทรงรักฉันตั้งแต่นิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล
นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล ช่างนานนัก
แต่ความรักของพระเจ้า ดำรงอยู่
ทรงรักฉันก่อนจะเกิด ทรงเฝ้าดู
ทรงเป็นผู้รัดฉันไว้ ด้วยความรัก
รักอื่นใดไหนจะเทียบ รักพระองค์
รักสูงส่ง ยิ่งใหญ่ หาใดเหมือน
รักยาวนาน วันผันผ่าน ไม่อาจเลือน
ทรงย้ำเดือน แนบรักใน พระทัยพระองค์

วันที่ 23/11/2008 (อาทิตย์) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 7.15 น.
เมื่อวานมีงานด่วนที่ต้องเร่งทำให้เสร็จ ซึ่งทำตั้งแต่เมื่อคืนวันศุกร์แล้วต่อเนื่องมาเรื่อย จึงได้อธิษฐานขอพระเมตตาจากพระเจ้าตลอด แต่ดูเหมือนงานนั้นจะไม่เป็นไปตามที่ฉันหวังใจ ทำให้ฉันท้อแท้ แต่ขอบคุณพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงอยู่ ฉันจึงยังไม่สิ้นหวัง ฉันตัดใจ มอบภาระไว้กับพระเจ้า และไปงานแต่งงานสิริวรรณกับโสมนัสที่คริสตจักรนิมิตใหม่ แล้วรีบกลับมาทำงานนั้นต่อ…ในที่สุดก็ได้ขอบคุณพระเจ้าอีกครั้ง เพราะทรงมีทางออกให้สำหรับปัญหานั้น งานสำเร็จลงด้วยดี เพราะพระองค์ทรงรักฉัน พระองค์จึงไม่ทรงทิ้งฉัน เมื่อพลิกหนังสือเล่มอิ่มเอมรักจากพระเจ้า ก็พบคำว่า “พระองค์จะไม่ทิ้งฉันไป”
[สดด 73:23-24] ถึงกระนั้นก็ดี ข้าพระองค์อยู่กับพระองค์เสมอพระองค์ทรงจับมือขวาของข้าพระองค์ไว้ พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ด้วยคำปรึกษาของพระองค์และภายหลังพระองค์จะทรงนำข้าพระองค์ให้ได้รับเกียรติยศ
 พระองค์จะไม่ทิ้งฉันไป
เมื่อแผนงานไม่เป็นเช่นที่หวัง เราจะยังรักพระเจ้าอยู่หรือไม่
หรือว่าจิตใจเราจะหันเหไป หรือแน่ใจด้วยเชื่อมั่นพระสัญญา
ขอจิตใจเราหนักแน่นมั่นคง สัตย์ซื่อตรงไม่ซัดไปเซมา
ไม่หวั่นไหวไม่หันกลับเลี้ยวซ้ายขวา หากมุ่งหน้าฟันฝ่าสู่หลักชัย

การทดสอบย่อมต้องมีในชีวิต องค์พระคริสต์ก็ยังทรงถูกทดสอบ
ขอเพียงเรายืนหยัดดีรอบคอบ ขอเพียงมอบทุกแผนงานแด่พระองค์
แล้วพระองค์จะกระทำให้สำเร็จ พระเสด็จมาควบคุมสรรพสิ่ง
แม้เมื่อมองยังไม่เห็นเกิดผลจริง ขอเพียงนิ่งรู้ว่าทรงเป็นพระเจ้า

วันที่ 24/11/2008 (จันทร์) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 6.05 น.
เมื่อวานฟังเทศนาจาก อ.มาร์ค แซนดริล เรื่อง เรียนพระคำกับพระครู คือการที่เราจะอ่านพระคำให้เข้าใจลึกซึ้งถึงน้ำพระทัยพระเจ้าได้นั้น เราต้องให้พระครู คือองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ทรงสอนและนำเรา
[สดด.119:18]
ขอเบิกตาข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเห็นสิ่งมหัศจรรย์จากพระธรรมของพระองค์
เรียนพระคำกับพระครู
พระครูสอนพระคำตามพระคริสต์
พระวิญญาณทรงสถิตเมื่อค้นหา
พระประทานความเข้าใจ ให้ปัญญา
ประทานอานุภาพ วินิจฉัย
เข้าใจยากเสียจังพระคำพระคริสต์
องค์อิทธิฤทธิ์โปรดเบิกตาข้าได้ไหม
ให้ข้าเห็นสิ่งอัศจรรย์จากทรงชัย
ให้ข้าได้รักดื่มด่ำพระคำพระองค์

วันที่ 25/11/2008 (อังคาร) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 6.30 น.
ความรักของพระเจ้านั้นไร้ขีดจำกัด เทลงมาไม่ขาดสาย ไหลหลั่งมาจากฟ้าเบื้องบน เอ่อล้นเต็มปรี่อยู่ในใจ จนไม่อาจเก็บเอาไว้เพียงผู้เดียว และหากว่าจะบรรยายรักของพระองค์นั้น คงเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ แม้มนุษย์ทั้งโลกจะพรรณนาความรักของพระองค์ร่วมกัน ก็ไม่สามารถพรรณนาได้ทั้งหมด เพราะรักพระองค์นั้นแสนวิเศษ อัศจรรย์ ลึกซึ้ง ยิ่งใหญ่ เกินความเข้าใจ และนิรันดร
[สดด. 86:13] เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ที่ทรงมีต่อข้าพระองค์นั้นใหญ่ยิ่งนัก และพระองค์ทรงช่วยกู้จิตวิญญาณของข้าพระองค์จากที่ลึกของแดนผู้ตาย
 รักไร้ขีดจำกัด
ทะลักล้น ท่วมท้น ล้นไหล
อิ่มเอมใจไหลริน มิขาดสาย
เอ่อล้น ไพบูลย์ ท่วมใจ
รักพระเจ้า ยิ่งใหญ่ ไร้ขีดจำกัด
รักลึกซึ้ง กินใจ ล้นปรี่
ฉ่ำฤดี ชื่นบาน ทะลักไหล
กว้างเกินกว่า จะหยั่งถึง สุดบรรยาย
น้ำพระทัย เลิศล้ำ นิรันดร


วันที่ 26/11/2008 (พุธ) : ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 22.15 น.
แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต หรือเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองขณะนี้ แต่จิตใจของฉันยังคงขอบพระคุณพระเจ้าเสมอทุกกรณี ความหวังใจของฉันยังคงเต็มอยู่ เพราะพระองค์ทรงเทพระพรอันสดใหม่ให้กับฉันทุกวัน
[อสค.34:26] และเราจะกระทำให้เขากับสถานที่รอบๆเนินเขาของเราเป็นแหล่งพระพร เราจะส่งฝนลงมาให้ตามฤดูกาล เป็นห่าฝนแห่งพระพร
 พระพรอันสดใหม่
ขอบพระคุณพระพรอันสดใหม่ รินรดใจไหลหลั่งมาดั่งห่าฝน
เทลงสู่หัวใจของทุกคน เติมเต็มล้นและชื่นใจในพระพร
ทรงรักเรา ทรงเลี้ยงดู ทรงชูจิต ให้ชีวิตสดใสในทุกเช้า
ภาระหนัก เหน็ดเหนื่อย ทรงบรรเทา ทรงช่วยเรา ทรงจัดเตรียม ทรงอวยพร

วันที่ 27/11/2008 (พฤหัส) : สถานีรถไฟฟ้า BTS สะพานควาย…เวลา 18.35 น.
ความไม่ลงรอยกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรและรัฐบาลยิ่งร้อนระอุมากขึ้น กลุ่มพันธมิตรเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองไว้ ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ ทั้งยังปลุกประชาชนให้ร่วมใจกันใส่เสื้อแดงเพื่อแสดงพลังต่อต้านพันธมิตร…การขาดความรักสามัคคีครั้งนี้จึงนำมาซึ่งบาดแผลในหัวใจของคนไทยทั้งชาติ…พระองค์เจ้าข้า ขอทรงครอบครองย่านฟ้าอากาศไทย ขอทรงโปรดครอบครองแผ่นดินไทย ขอทรงโปรดครอบครองบัลลังก์ใจของคนไทย ขอทรงโปรดรักษาแผ่นดินของเราให้หาย
[2พศด.7:14] ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยชื่อของเรานั้นจะถ่อมตัวลง และอธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย
 โปรดรักษาแผ่นดินของเราให้หาย
เจ็บปวดร้าวรานใจไทยทั้งชาติ ใยจึงขาดความรักสมัครสมาน
คำนึงถึงแต่สิ่งที่ตนต้องการ เห็นแก่ตัวเผยสันดานความเลวทราม
เหตุอันใดจิตใจไร้สำนึก เหตุใดฝึกประพฤติมั่วสิ่งชั่วร้าย
เหตุใดจึงไม่รักกันฉันท์คนไทย เหตุใดจึงทำกันได้ ทำร้ายกัน

ขอเมตตาจากองค์บิดาเจ้า โปรดปัดเป่าโปรดช่วยเราไทยทั้งผอง
โปรดนำเราให้ประพฤติตามครรลอง โปรดให้รักฉันท์พี่น้องเสมอไป
โปรดนำพาให้คนไทยกลับใจใหม่ โปรดอย่าให้หลงเจิ่นไปในความบาป
โปรดทำลายกิจของมารให้ราบคาบ โปรดกำราบดันศัตรู สู้เพื่อไทย

โปรดรักษาแผ่นดินนี้ให้หาย โปรดสลายใจหินสร้างใจเนื้อ
โปรดกลับคืนมาเถิดใจเอื้อเฟื้อ กลับมาเถิด ใจช่วยเหลือกันและกัน
กลับมาเถิดรอยยิ้มของคนไทย กลับมาใหม่ ความจริงใจรักสุขสันต์
กลับมาเถิดสันติภาพอัศจรรย์ กลับมาเถิด คืนดีกัน พี่น้องไทย

วันที่ 28/11/2008 (ศุกร์) : ที่ทำงาน ถนนสี่พระยา…เวลา 12.30 น.
สำนักข่าวต่างๆ ของไทย ยังคงเกาะติดสถานการณ์ทางการเมืองอย่างเข้มข้น เราทั้งหลายรอคอยพระเจ้า รอที่จะพบกับพระพรที่ซ่อนอยู่ในวิกฤติการณ์นี้ของพระองค์…พระเจ้าทรงรักประเทศไทย ทรงรักคนไทย พระองค์ปรารถนาให้คนไทยรักพระองค์ นมัสการพระองค์ และทรงปรารถนาจะเทความรักและพระพรสดใหม่ลงมายังผืนแผ่นดินไทย…โอ ชาวไทยเจ้าเอ๋ย จงตื่นเถิด จงลืมตาดูเถิด จงเงี่ยหูฟังเถิด จงเปิดใจออกเถิด จงรับพระคุณความรักอันท่วมท้นสดใหม่จากองค์พระเจ้าเถิด
[พคค.3:23] ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่เคยหยุดยั้ง และพระเมตตาของพระเจ้าไม่มีสิ้นสุด เป็นของใหม่อยู่ทุกเวลาเช้า ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก
 รักพระเจ้าท่วมท้นล้นไหล
รักพระเจ้าท่วมท้นล้นไหล รักยิ่งใหญ่เติมเต็มหัวใจฉัน
เป็นพลังสดใหม่ทุกทุกวัน นิจนิรันดร์เอนกอนันต์เกรียงไกร
รักลึกซึ้งอ่อนหวานอิ่มเอม สุขเกษมปรีเปรมด์ชื่นฤทัย
ไม่จำกัด เลิศล้ำ ล้นใจ สุดสดใส เปล่งประกายรักนิรันดร์

วันที่ 29/11/2008 (เสาร์): ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 22.00 น.
เย็นวานนี้หลังเลิกงานก็นัดพบกับพี่อิ๋วที่เซ็นจูรีมูฟวี่ คุยกันจนสองทุ่ม เลยชวนต้ากับโนมานั่งกินก๋วยจั๋บ ลูกชิ้น น้ำปั่น ที่ Victory Square อนุสาวรีย์ชัยฯ งานนี้พี่อิ๋วเป็นเจ้าภาพอีกตามเคย แล้วพระเจ้าจะประทานบำเหน็จแก่ผู้ที่ให้ด้วยใจกว้างขวาง Wow! แม้มนุษย์ยังให้เราได้ขนาดนี้เลย ทำให้นึกถึงพระเจ้าพระบิดาที่ทรงรักเราและประทานทุกสิ่งแก่เราอย่างบริบูรณ์เพียงพอ ตามพระสัญญาอันเลิศของพระองค์
[2คร.9:8] และพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่างอุดมแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วย
 มีทุกสิ่งตามพระสัญญา
มีพระคริสต์ดุจชีวิตมีทุกสิ่ง เป็นสุขจริงด้วยเชื่อมั่นไม่หวั่นไหว
แม้ต้องผ่านหุบเขาเงาอันตราย ข้าไม่กลัวสิ่งใด วางใจพลัน
แม้หนทางข้างหน้าดูมืดมิด แม้ชีวิตไร้กำลังสู้ไม่ไหว
แม้ต้องพบอุปสรรคอีกมากมาย ข้าวางใจ ข้าเชื่อมั่นพระสัญญา


วันที่ 30/11/2008 (อาทิตย์) ที่พักพิง ถนนประดิพัทธิ์…เวลา 18.33 น.
อาจารย์ประยูร ลิมะหุตะเศรณี แห่ง คจ ใจสมาน ให้เกียรติมาเทศนาเรื่อง “คุณสมบัติของผู้รับใช้พระเจ้า” ให้กับชาวนิมิตใหม่ [ฮบ.6:1] เหตุฉะนั้นขอให้เราผ่านหลักธรรมเบื้องต้นแห่งคริสตศาสนา ไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ไม่วางรากฐานซ้ำอีก คือเรื่องการกลับใจจากการประพฤติที่นำไปสู่ความตาย เรื่องความเชื่อในพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้า ฉันรู้สึกว่าเป็นการยืนยันจากพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง สำหรับการที่จะมีชีวิตเพื่อเติบโตสู่ความเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์
ด้วยเหตุว่าพระเจ้าทรงดีต่อฉันยิ่งนัก ทรงกระทำการมโหฬารในชีวิตของฉัน ฉันเป็นหนี้พระองค์ ดังนั้น เหตุผลใหญ่ในการมีชีวิตนั้น ก็เพื่ออุทิศถวายเกียรติแด่พระเจ้า นมัสการพระองค์ ดำเนินชีวิตในความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ รับใช้พระองค์ เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นวิธีที่ฉันจะขอบคุณพระองค์…และนี่เป็นเหตุผลใหญ่ของการมีชีวิตอยู่ของฉัน
[สดด.126:3] พระเจ้าทรงกระทำการมโหฬารให้เรา เรามีความยินดี
 พระเจ้าทรงกระทำการมโหฬารให้เรา
เหตุผลใหญ่ของการมีชีวิต เพื่ออุทิศถวายเกียรติแด่พระเจ้า
นมัสการสรรเสริญผู้สร้างเรา สุขใจกับองค์พระเจ้านิจนิรันดร์
ฉันมีค่าในพระเนตรของพระคริสต์ พระทรงฤทธิ์ทรงมอบรักอัศจรรย์
พระเยซูทรงจัดเตรียมทางสวรรค์ ทรงเสกสรรค์ปั้นแต่งฉันตามพระทัย

พระพักตร์พระองค์ทอแสงดั่งตะวัน ส่องชีวันที่มืดมิดให้สว่าง
ทรงเลี้ยงดูอุ้มชูจัดเตรียมหนทาง เป็นแบบอย่างเป็นเจ้านายในชีวิต
รักพระองค์ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์ ทรงเพิ่มพูนพระพรให้กับฉัน
ทรงเติมเต็มยัดสั่นแน่นล้นทะนาน มโหฬาร อัศจรรย์ ฉันรักพระองค์

พระวจนะ

พระวจนะ
วันที่ 27/1/2009
[ยน.1:1] ในปฐมกาลพระวาทะดำรงอยู่ และพระวาทะทรงสถิตอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า
[ยน.1:3] พระเจ้าทรงสร้างสิ่งทั้งปวงขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นมานั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่ได้เป็นมานอกเหนือพระวาทะ
ด้วยคำนิยมของครูแมมที่หนุนใจให้อ่านหนังสือเรื่อง “พระวจนะ พระนาม พระโลหิต” ของ Joyce Myer จึงอดไม่ได้ที่จะวางหนังสือบางเล่มลงชั่วคราว แล้วอ่านเล่มนี้แทนโดยเร็วพลัน และก็พบพระพรมากมายซึ่งเปิดเผยไว้ในหนังสือเล่มนี้
มาอ่านคำนิยมของครูแมมกัน
ท่านเคยเป็นแบบนี้ไหม? อ่านพระคัมภีร์ เรียนพระคัมภีร์ ฟังเทศนา ร่วมการฟื้นฟู รับพระวจนะมาเต็ม ๆ แต่ก้าวยังไม่พ้นวัน ลืมไปหมดเลย
ข้าพเจ้าพบว่า แท้ที่จริงแล้ว มีมารมาขโมยไปนี่เอง
"..พระวจนะที่หว่านแล้ว และเมื่อบุคคลได้ฟังในทันใดนั้นซาตานก็มาชิงเอาพระวจนะซึ่งหว่านถูกใจเขานั้นไปเสีย"
แล้วทำไงดี เพราะมารจ้องทำลายไม่ให้พระวจนะอยู่ในชีวิตเรา มารกลัวพระวจนะ (ฮีบรู4:12 ยอห์น1:1,4,5)
ลองไปอ่านใน 2 คร10:4-5 ดูนะ
วันนี้บทเฝ้าเดี่ยวพลานุภาพ โยชูวา6:1-21 ก็ถามว่าทำไมให้เรามีเวลาเงียบ ไม่ส่งเสียง เพราะพระเจ้ากำลังกระทำการแทนเรา
อยากรู้เรื่องมากกว่านี้ ขอแนะนำให้ไปหาหนังสือ พระวจนะ พระนาม พระโลหิต โดย จอยซ์ ไมเออร์ ดูนะ อ่านแล้วนั่งไม่ลง(ฝ่ายวิญญาณ) มันตื่นเต้นเต็มล้นนะค่ะ ขอบอก ขอบอก
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับ เจ้าหนอนยาโคบ ที่ส่งมาให้อ่านนะ รักทุกคนเลย
หนังสือแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ซึ่งผู้เชื่อจะขาดเสียมิได้คือ การพึ่งพา พระวจนะ พระนาม พระโลหิต…ขณะนี้ฉันอ่านจบไปเพียงส่วนเดียวคือ “พระวจนะ”
ยิ่งอ่านก็ยิ่งค้นพบความมหัศจรรย์ล้ำลึกแห่งพระคำมากขึ้น และรักที่จะอ่านและดื่มด่ำกับพระคัมภีร์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ฉันอธิษฐานขอพระเจ้าตามที่กล่าวไว้ใน 2 ทธ .2:15 เสมอ [2 ทธ.2:15] จงอุตส่าห์สำแดงตนว่าได้ทรงพิสูจน์แล้วเป็นคนงานที่ไม่ต้องอาย ใช้พระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง ทั้งยังต้องขอพระเมตตาจากพระครู พระวิญญาณ ให้มาสอนพระคำแก่ฉัน [สดด.119:18] ขอเบิกตาข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเห็นสิ่งมหัศจรรย์จากพระธรรมของพระองค์ เพราะปัญญาของฉันนั้น จำกัดจริงๆ
บ้างก็เรียกพระคัมภีร์ว่า “จดหมายรักจากพระเจ้า” บ้างก็เรียก “หนังสือแห่งชีวิต” บ้างก็เรียก “แผนที่ชีวิต” บ้างก็เรียก “พระคำ” บ้างก็เรียก “พระวาทะ” บ้างก็เรียก “พระวจนะ” อย่างไรก็ตาม คำที่ใช้เรียกขานคงมิสำคัญหรือดังไปกว่าการน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะพระคัมภีร์เขียนขึ้นโดยพระวิญญาณ [2คร.3:3] ท่านปรากฏเป็นหนังสือของพระคริสต์ ซึ่งเราได้เขียนไว้มิใช่ด้วยน้ำหมึก แต่ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และมิได้เขียนไว้ที่แผ่นศิลา แต่เขียนไว้ที่แผ่นดวงใจมนุษย์
เมื่อฉันรักพระเจ้า ฉันก็ต้องรักพระคำของพระองค์ และใช้เวลากับพระองค์มากขึ้น ให้สมกับความรักที่พระองค์ทรงมีต่อฉัน และเพื่อเป็นการบอกรักพระองค์ และเนื่องด้วยความจำกัดของมนุษย์ ฉันก็อาจจะรักพระเจ้าน้อยเกินไป ฉันจึงขอพระองค์เสมอที่จะทรงช่วยฉันให้รักพระองค์มากยิ่งขึ้น โดยรักพระองค์ทุกประการด้วยวิญญาณและความจริง มิใช่เลือกรักตามใจปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังของฉัน
ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยพูดว่า “รักพระเจ้ามาก” แต่มิได้รักพี่น้องตามแบบอย่างพระคริสต์
ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยพูดว่า “รักพระเจ้ามาก” แต่ไม่ชอบอ่านพระคัมภีร์
ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยพูดว่า “รักพระเจ้ามาก” แต่ไม่สัตย์ซื่อในการถวายสิบลด
ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยพูดว่า “รักพระเจ้ามาก” แต่ไม่ชอบอธิษฐาน
ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยพูดว่า “รักพระเจ้ามาก” แต่ไม่ชอบไปโบสถ์
ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยพูดว่า “รักพระเจ้ามาก” แต่ยังคงพูดโกหกอยู่
แล้วก็…อีกสารพัดที่ฉันบอกว่าฉันรักพระเจ้ามาก แต่ฉันไม่ได้ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า ฉันเป็นคนบาปที่ทำให้พระเจ้าเสียพระทัยหลายเรื่องด้วยกัน…อย่างไรก็ตาม ฉันขอการยกโทษจากพระองค์ และพระองค์ก็ทรงอภัยให้ฉัน ให้โอกาสฉันบอกรักพระองค์
ทุกวันนี้ฉันก็ยังทำผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจำเป็นต้องกลับใจอยู่ทุกวัน ต้องระวังระไวรอบด้าน น้อมยอมใจฟังพระเจ้า ไม่กลับไปทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก
(ฟป.2:16) จงยึดมั่นในพระวาทะแห่งชีวิต เพื่อข้าพเจ้าจะมีที่อวดในวันของพระคริสต์ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งเปล่าๆและไม่ได้ทำงานโดยเปล่าประโยชน์ พระวจนะหนุนใจให้ฉันรับใช้พระองค์ตามของประทาน และมิใช่เพื่ออวดสิ่งใด นอกจากอวดถึงเรื่องไม้กางเขนของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสัญญาว่าสิ่งที่ผู้เชื่อได้กระทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์นั้น มิใช่เรื่องเปล่าประโยชน์เลย หากว่าทรงจัดเตรียมบำเหน็จบนสวรรค์ไว้ให้แล้ว
หากไม่มีพระวจนะของพระองค์ ฉันก็คงพินาศ คงไม่สามารถมานั่งหน้าแป้นคอมพิวเตอร์ได้ พระวจนะของพระองค์มีชีวิตและทรงพลานุภาพ [ฮบ.4:12] เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆแทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
ฉันต้องเรียนรู้อย่างจริงจังต่อไปเกี่ยวกับข้อความล้ำลึกแห่งพระวจนะของพระองค์ และเพื่อที่จะใช้พระวจนะแห่งความจริงได้อย่างถูกต้อง มิใช่เพื่อประโยชน์แห่งตนเอง แต่เป็นไปโดยพระองค์และเพื่อพระองค์
ฉันพบเห็นการใช้พระวจนะของพระองค์ไปในทางที่ผิด ซึ่งทุกท่านก็ทราบดีว่า แม้แต่มารก็ยังรู้พระวจนะและใช้พระวจนะ และมารนั้นฉลาด รู้พระวจนะมากกว่าฉันเสียอีก อย่างไรก็ดี ฉันรู้ว่าฉันอ่อนแอและมีปัญญาเพียงเล็กน้อย ฉันจึงขอพึ่งองค์พระเจ้า และเชื่อว่าเมื่อพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายฉันแล้ว พระองค์ก็จะทรงกระทำให้สำเร็จทุกสิ่งตามน้ำพระทัยของพระองค์
ฉันเคยถูกผู้อื่นใช้พระวจนะของพระเจ้าต่อว่าฉัน เคยถูกผู้อื่นอธิษฐานตัดสินและกล่าวโทษฉัน ซึ่งในขณะนั้น ฉันรู้สึกท้อใจมาก พระวจนะของพระเจ้านั้นทรงพลานุภาพอย่างที่ทราบแล้ว เมื่อใช้ไปในทางหนุนใจ ก็จะก่อเกิดประโยชน์ที่ประเสริฐมหาศาล แต่เมื่อใดที่มีการนำพระวจนะของพระเจ้ามาใช้ในทางที่ผิด ใช้ตามเนื้อหนังของตน ก็จะนำมาซึ่งความสูญเสียมากมายเช่นกัน…โดยพระวจนะเช่นกันที่ทำให้ฉันเป็นไท ฉันเป็นอิสระจากการกล่าวโทษของผู้อื่น เป็นอิสระจากการถูกตัดสินโดยผู้อื่น เพราะฉันไม่สนใจคนเหล่านั้นแล้ว ฉันปฏิเสธสิ่งที่ผู้อื่นยัดเยียดให้ ฉันมีพระคริสต์เป็นที่หนึ่งในชีวิตของฉัน
อีกประการหนึ่งซึ่งพบเห็นบ่อยครั้งก็คือ การนำพระวจนะมาใช้อย่างไม่ถูกต้อง นำมาใช้ไม่หมด นำมาเพียงเศษเสี้ยวเดียว ซึ่งนำไปสู่การตีความพระวจนะเข้าข้างตนเอง เช่น หญิงสาวคนหนึ่งที่ตกหลุมรักชายหนุ่ม ในขณะที่ชายหนุ่มมิได้มีใจให้เธอแบบคนรักเลย แต่เธอก็ยังแสดงออกหลากหลายวิธีที่ค่อนข้างจะล้ำขอบเขตและเกินงามไป เช่น การโทรศัพท์หรือส่งข้อความให้ชายหนุ่มยามวิกาล การให้ของขวัญของกำนัลที่เกินความพอดี เป็นต้น ทั้งนี้ ใครตักเตือนก็ไม่ฟัง แต่กลับอ้างว่าตนเองได้ถามพระเจ้าแล้ว เธอหารู้ไม่ว่าเธอได้ใช้พระวจนะอย่างผิดบริบท นำมาแก้ต่างเพื่อตัวเองเท่านั้น เช่น พระเจ้าทรงเป็นความรัก พระองค์ทรงตรัสให้เราทั้งหลายรักกันและกัน ความรักที่สมบูรณ์ย่อมต้องแสดงออกเป็นการกระทำ จึงทำให้เธอยิ่งเข้าหาชายหนุ่มผู้นั้นในเชิงรุกมากขึ้น เธอมุ่งไขว่คว้าหาวิธีการมากมายเพื่อมัดใจชายหนุ่ม มากกว่าที่จะแสวงหาความชอบธรรมและแผ่นดินของพระเจ้าก่อน เธอหมดเปลืองเวลาไปกับการรอคอยชายหนุ่ม มากกว่ารอคอยพระเจ้า ทั้งยังนำข้อพระคัมภีร์ที่ว่า ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้า มาหนุนใจตนเองให้เชื่อว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า ซึ่งพระเจ้าจะทรงกระทำให้ความรักของเธอประสบความสำเร็จ เป็นต้น …ดังนั้น การนำพระวจนะมาใช้จึงต้องพึ่งพระวิญญาณล้วนๆ โดยไม่มีความคิดของเราปะปนเลย และเมื่อความคิดของเราเต็มไปด้วยพระวจนะ เราจะมีปัญหาน้อยลง…พระวจนะของพระเจ้ามีฤทธิ์เดชที่จะปลดปล่อยให้ทุกคนเป็นไทอย่างแท้จริง
ซาตานเกลียดและกลัวพระวจนะเป็นอย่างมาก เพราะพระวจนะของพระเจ้าเป็นความสว่างซึ่งมีชัยเหนือความมืด พระวจนะของพระเจ้าเป็นชีวิต และมีชัยเหนือความตาย (Joyce Meyer)
พระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้าซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งสถิตอยู่ในผู้เชื่อทรงทราบดีว่าจะใช้ข้อพระคัมภีร์ตอนไหนในแต่ละสถานการณ์ การรู้จักพระวจนะจะปกป้องและช่วยให้ผู้เชื่อมีชัยชนะ จงดำเนินในความสว่าง แล้วศัตรูก็จะมองไม่เห็นว่าคุณอยู่ตรงไหน (Joyce Meyer)
ไม่เพียงแต่เราสามารถพูดพระวจนะเหนือชีวิตของเราเองเท่านั้น เรายังสามารถเป็นนักอธิษฐานวิงวอนที่เกิดผลได้ โดยการพูดและอธิษฐานตามพระวจนะของพระเจ้าเหนือชีวิตของผู้อื่น (Joyce Meyer)
การอธิษฐานตามพระวจนะเป็นศาสตราวุธฝ่ายวิญญาณที่จะช่วยให้เรามีชัยในสงครามฝ่ายวิญญาณ การอธิษฐานจะปิดประตูนรกและเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ (Joyce Meyer)
จงเรียนรู้พระวจนะของพระเจ้าและยอมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ในตัวคุณกวัดแกว่งถ้อยคำนั้น หรือพระแสงของพระวิญญาณ โดยการพูด ร้องเป็นเพลงหรือภาวนาบทตอนจากพระคัมภีร์ที่คุณรู้สึกว่าพระองค์ได้บรรจุไว้ในใจของคุณ (Joyce Meyer)
[คส.3:16] จงให้พระวาทะของพระคริสต์ดำรงอยู่ในตัวท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดีเพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญด้วยใจโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า
อย่าลืมอ่านหนังสือเรื่อง “พระวจนะ พระนาม พระโลหิต” นะคะ
พระวจนะ พระนาม พระโลหิต B120.00





ชื่อหนังสือ พระวจนะ พระนาม พระโลหิต

สำนักพิมพ์ เฟื่องฟ้าการพิมพ์
ชื่อผู้แต่ง จอยซ์ ไมเออร์
ชื่อผู้แปล/เรียบเรียง ประพันธ์ หน่อราช
จำนวนหน้า 144 หน้า
รายละเอียดของหนังสือเล่มนี้
พระเจ้าได้ประทานศาสตราวุธที่จำเป็นแก่เราแล้ว เพื่อทำให้ซาตานอยู่ฐานะที่มันควรอยู่ นั่นคือ ผู้แพ้ ในหนังสือเล่มนี้เธอได้เผยถึงกุญแจในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งบนพระวจนะพระเจ้า,การใช้สิทธิอำนาจในพระนามของพระเยซูอย่างถูกต้อง,และการเข้าใจถึงฤทธิ์เดชที่เรามีอยู่โดยทางพระโลหิตของพระเยซู พระเจ้าทรงประสงค์ให้คุณมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอิสระและมีเสรีภาพอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อคุณนำหลักการจากหนังสือเล่มนี้ไปใช้ คุณจะได้เรียนรู้ถึงวิธีใช้ศาตราวุธที่พระเจ้าทรงมอบให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีชีวิตในชัยชนะ

วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2552

เราจึงรักกันและกัน

เราจึงรักกันและกัน
วันที่ 21/1/2009
[ยน.13:34-35]
เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา
ช่างสุขใจเสียนี่กระไรที่ชีวิตของเรานั้นถูกโอบล้อมไว้ในอ้อมรักของพระเจ้า อ้อมรักใดๆ คงไม่แม้นเหมือนอ้อมรักจากพระองค์ พระองค์ทรงโอบกอดเราไว้ด้วยธรรมชาติอันงดงาม ยามรุ่งอรุณเราแลเห็นพระสิริของพระองค์ ดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรมของพระองค์ฉายแสงเจิดจ้าส่องลึกเข้ามาถึงอณูใจของเรา เราได้เห็นความงดงามนานาประการที่พระองค์ทรงสร้าง มนุษย์เป็นผู้ใดเล่า เล็กน้อยเหลือเกิน เล็กน้อยกว่าเศษเสี้ยวของสิ่งเล็กน้อย แต่พระองค์ก็มิทรงเพิกเฉย หากทรงห่วงใยและใส่ใจในทุกเสี้ยววินาทีชีวิตของเราแต่ละคน ทรงเทความรักลงมาสู่เราอย่างมิรู้จบ ทรงสร้างเรามาด้วยรัก ให้เติบโตด้วยความรัก และให้พำนักอยู่ในความรักร่ำไป และจะตลอดนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาลเลยทีเดียว
ความรักซึ่งพระองค์มอบให้ผ่านทางสายสัมพันธ์แห่งพี่น้องในพระคริสต์ เป็นอีกหนึ่งพระพรจากพระพรนานาประการอันทรงพลังล้ำเลิศในชีวิตของเรา พระองค์ทรงอานุภาพ มิทรงจำกัดพระองค์ ความรักของพระองค์ก็มิจำกัด ทรงห่วงใยปกป้องเราประดุจดังว่าเรานั้นเป็นลูกเพียงคนเดียวของพระองค์
ฉันอยู่กับแม่เพียงลำพัง 2 คน มาตั้งแต่เด็ก ฉันไม่มีพี่น้องที่จะพูดคุยหรือเล่นด้วย แต่เดี๋ยวนี้ฉันมีพี่น้องมากมายอยู่รายล้อม ซึ่งพร้อมเสมอที่จะแบ่งปันความรักซึ่งกันและกัน และฉันเชื่อว่าสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นในชีวิตของผู้เชื่อทุกคนเช่นเดียวกัน… ฉันได้เห็นและสัมผัสความรักของพ่อผ่านทางพี่น้องเหล่านั้นเสมอมา ยามเจ็บป่วยก็ช่วยกันดูแล ยามท้อแท้ก็ช่วยกันหนุนใจ ยามห่างไกลก็อธิษฐานถึงกัน ยามสุขสันต์ก็ขอบคุณพระเจ้า ยามได้อยู่ร่วมกันก็พร้อมใจกันสรรเสริญพระเจ้า และอีกสารพัดพระพรที่เราทำเพื่อกันและกัน นับไม่หวาดไม่ไหวเลยคะท่าน
อีกหนึ่งความสุขใจในช่วงเวลานี้ คือการที่ได้พบพี่น้องซึ่งอยู่ห่างไกล พี่น้องที่เราเฝ้าอธิษฐานเผื่อกันและกันมาได้ระยะหนึ่ง…พี่อ๋อยเป็นเพื่อนรักของพี่อิ๋วซึ่งเรียนที่โรงเรียนพระคริสตธรรมด้วยกัน ปัจจุบันพี่อ๋อยรับตำแหน่งศิษยาภิบาลอยู่ที่คริสตจักรแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย พี่อ๋อยสบโอกาสมาเยี่ยมพวกเราเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ โดยเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา พวกเราได้ใช้เวลาร่วมกันที่บ้านของฉัน คอนโดหลังเล็กใจกลางประดิพัทธ์
สายใยแห่งความรักของพวกเราถูกถักทอแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นทุกวัน ฉันได้พบพี่อ๋อยตัวจริงเสียงจริงเป็นครั้งแรกก็คราวนี้เอง แต่ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเรื่องราวที่งดงามในฐานะทาสีผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราเคยพูดคุยทักทายกันทางโทรศัพท์ และเมื่อเร็วๆ นี้ พี่อ๋อยก็ได้ดูแลพี่อิ๋วและน้องต้าอย่างดีตลอดการเดินทางเยี่ยมเยียนพี่น้องที่จังหวัดเชียงราย
พวกเรา 5 ชีวิต ก็มารวมตัวกัน มีพี่ใหญ่ คือ พี่ไก่-กรองใจ พี่อ๋อย พี่อิ๋ว น้องต้า และฉัน เราคุยกันตลอดจนต่างคนต่างหลับ น้องต้านั้นหลับตาลงก่อนเป็นคนแรก แต่หัวใจก็ยังคงเต้นโลดร่วมกับเรา เรานมัสการพระเจ้าร่วมกัน อธิษฐานอวยพรกันและกัน ก่อนแยกย้ายกันเข้านอนอย่างอบอุ่นสันติในพระทรวงของพระบิดา
ฉันสุขใจเป็นที่สุดที่ได้ต้อนรับผู้รับใช้พระเจ้า ซึ่งที่จริงแล้ว ทุกคนนั้นล้วนเป็นผู้รับใช้พระเจ้าด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ว่าต่างสถานที่ และต่างภารกิจเท่านั้น แต่ ณ ที่นี้ ฉันจะกล่าวถึงเป็นพิเศษสำหรับผู้รับใช้เต็มเวลาของพระเจ้า ฉันได้อธิษฐานกับพระเจ้าเสมอมาว่า ขอให้ฉันได้มีโอกาสสนับสนุนผู้รับใช้ของพระองค์ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งแนวคิดนี้ฉันได้รับมาเต็มๆ จากการเรียนพระคัมภีร์กับพี่น้อย-ชนัดดา ที่เฝ้าเพียรสั่งสอนให้ฉันเดินในทางของพระเจ้า และประพฤติตามเยี่ยงอย่างของคนในพระคัมภีร์ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่พึงกระทำและติดตรึงใจของฉันมาตลอดคือ การดูแลผู้รับใช้พระเจ้าเท่าที่เรามีโอกาส เช่นเดียวกับที่หญิงชูเนมดูแลเอลีชา ซึ่งพระคัมภีร์เรื่องนี้ทำให้ฉันปรารถนาที่จะถวายบ้านของฉันให้กับพระเจ้า เพื่อเป็นที่พำนักอันสันติแด่ผู้รับใช้ของพระองค์ ฉันยินดีเสมอที่มีพี่น้องมากมายมาเยี่ยมเยียน และอยู่อย่างปลอดภัยภายใต้พระหัตถ์พระเจ้าร่วมกัน
[2พกษ.4:8-10]
วันหนึ่งเอลีชาเดินต่อไปถึงเมืองชูเนม เป็นที่ที่หญิงมั่งมีคนหนึ่งอาศัยอยู่ และนางได้ชวนท่านให้รับประทานอาหาร ฉะนั้นเมื่อท่านผ่านทางนั้นไปเมื่อไร ท่านก็แวะเข้าไปรับประทานอาหาร และนางได้บอกสามีของนางว่า "ดูเถิด ดิฉันเห็นว่าชายคนนี้เป็นคนบริสุทธิ์ของพระเจ้า เดินผ่านบ้านเราอยู่เนืองๆ ขอให้เราทำห้องเล็กไว้บนหลังคาสำหรับท่าน วางเตียง โต๊ะ เก้าอี้ และตะเกียงไว้ให้ท่าน เพื่อว่าเมื่อท่านมาหาเรา ท่านจะได้เข้าไปพักในห้องนั้น"
ณ เวลานี้ ฉันคงไม่สามารถรับใช้พระเจ้าอย่างที่พี่น้องหลายคนได้กระทำ แต่ฉันขอที่จะรับใช้ในส่วนของฉันให้ดีที่สุด ทั้งสิ้นที่มีอยู่ภายในฉันนั้น ขอถวายเกียรติแด่พระองค์
พี่ป๊อบก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนฉันเสมอ ฉันขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตของพี่ป๊อบที่อุทิศเพื่อพระคริสต์อย่างไม่ย่อท้อ ฉันเป็นเด็กกว่า ช่วยอะไรพี่สาวได้ไม่มาก ให้ได้เพียงที่พักอาศัย คำอธิษฐาน และการหนุนใจด้วยความรัก
เมื่อเช้านี้ฉันอ่านหนังสือเรื่อง ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด (Reduce Me to Love) โดย Joyce Meyer มาถึงบทที่ 12 ในหัวข้อเรื่อง “การรับใช้พระเจ้าก็คือการรับใช้ซึ่งกันและกัน” แน่ทีเดียวที่เป็นเช่นนี้ และฉันชอบพระคัมภีร์ข้อนี้มากเลย
[คส.3:23]
ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนกระทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนกระทำแก่มนุษย์
พี่น้องที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนล้วนเป็นพระพรในชีวิตของฉัน ต่างก็จะนำความรัก ความรู้ และการหนุนใจมาด้วยเสมอ ฉันขอบพระคุณพระเจ้าเป็นที่สุด พวกเราทุกคนมีเสรีภาพในการที่จะรัก และเราไม่เคยเก็บกกความรักไว้แต่เพียงผู้เดียวหรือกลุ่มเดียว
กท. 5:13-14
ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ที่ทรงเรียกท่านก็เพื่อให้มีเสรีภาพ อย่าเอาเสรีภาพของท่านเป็นช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด เพราะว่าธรรมบัญญัติทั้งสิ้นนั้นสรุปได้เป็นคำเดียว คือว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง

ฉันยังคงต้องเรียนรู้ถึงเรื่องราวของความรักอีกมาก อย่างไรก็ตาม ฉันขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงสำแดงความรักต่อฉันทุกเมื่อเชื่อวัน มีโอกาสฟังเรื่องราวความรักในแง่มุมต่างๆ เช่น การดูแลกลุ่มอนุชนด้วยความรักและอดทนของพี่ไก่ การฝังตัวฝังใจไว้กับชาวบ้านของพี่อ๋อย การตั้งตารอคอยและค้นพบความรักที่สดใหม่อย่างไม่หยุดหย่อน ทว่าถ่อมใจของพี่อิ๋ว การไม่ย่อท้อ หากว่าอดทนต่อทุกอย่างด้วยความรักและสันติภาพของน้องต้า การยอมสละแล้วซึ่งความคิดของตน กำลังของตน และวิญญาณจิตของตน และน้อมยอมใจต่อพระเจ้าเพียงองค์เดียวของพี่ป๊อบ การละทิ้งการงานและความก้าวหน้าทางโลกเพื่อมารับใช้พระเจ้าเต็มเวลาของพี่จอย การอุทิศตนในฐานะหนึ่งในแม่ทัพอธิษฐาน ในฐานะภรรยาผู้ดีเลิศ ในฐานะมารดาผู้ประเสริฐ ในฐานะคุณครูผู้เมตตา และในฐานะผู้รับใช้ที่ยอดเยี่ยมของครูแมม และอีกหลายๆ ความรักที่อยู่รายล้อมเรา
ฉันมิได้ปรารถนาที่จะเยินยอผู้ใดเพื่อเห็นแก่หน้าของใคร หากฉันยกตัวอย่างของพี่น้องเหล่านึ้ขึ้นมาเพื่อให้เห็นถึงพระคุณความรักขององค์พระเจ้าในชีวิตของเราแต่ละคน เพื่อที่เราจะรักกันและกันมากขึ้น และเรารู้ว่าเรานั้นจะเล็กน้อยลง เพื่อองค์พระเจ้าจะยิ่งใหญ่มากขึ้น เราถวายพระเกียรติทั้งสิ้นแด่พระองค์

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2552

อธิษฐาน Blessing YWCA ชลบุรี

อธิษฐาน Blessing YWCA ชลบุรี
วันที่ 20/1/2009
วันสะบาโตอันแสนสุขเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2009 ที่ผ่านมา พวกเราชาวนิมิตใหม่จำนวนหนึ่งได้บุกตะลุยเข้าไปถึงดินแดน YWCA ชลบุรี เพื่อร่วมอธิษฐานอวยพรกับพี่น้อง YWCA ที่นั่น ภารกิจของเราเริ่มเมื่อเสร็จสิ้นการนมัสการ รับประทานอาหาร และสามัคคีธรรมกันเรียบร้อยแล้ว คุณเกษนำทีมจากชลบุรีมารับพวกเราถึงที่ แล้วเราก็ได้นั่งรถตู้โรงเรียนอนุบาลไป..อิอิ ซึ่งถ้าใครเห็นพวกเราลงมาจากรถอนุบาลก็คงทึ่งกึ่งตกใจ เอ? เป็นอนุบาลรุ่นไหนกันละท่าน
ไม่เพียงแค่นั่งรถอนุบาลเท่านั้น บนรถ เราก็ทำตัวคล้ายเด็กอนุบาล ร้องเพลงกันลั่นรถ โดยเฉพาะเด็กแถวหลัง เฮี้ยวจริงๆ สิท่าน…พวกเราพี่น้องสรรเสริญนมัสการพระบิดาร่วมกัน หนุนจิตชูใจกัน พร้อมใจกันส่งเสียงเจื้อยแจ้วถวายพระบิดาด้วยการร้องเพลงสรรเสริญ โดยเฉพาะพี่เป้ที่โชว์ลูกคอตลอดการเดินทางทั้งไปและกลับ ถ้าเพลงไหนร้องไม่ได้ก็ไม่เป็นไรน้อง พี่จะร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระเจ้า ฉันเชื่อว่าทุกคนสัมผัสได้ถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
[ฟป.2:2]
ขอให้ท่านทำให้ความยินดีของข้าพเจ้าเต็มเปี่ยม ด้วยการมีความคิดอย่างเดียวกัน
มีความรักอย่างเดียวกัน มีใจรู้สึกและคิดพร้อมเพรียงกัน
ภารกิจ YWCA นี้ สืบเนื่องมาจากครูแมม ท่านผู้บริหารและคุณครูใจดีซึ่งประจำอยู่ YWCA กรุงเทพฯ เป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวให้พวกเรารับรู้เสมอมา ครูแมมกล่าวถึง YWCA เสมอ มักจะเล่าว่า “วาย” อย่างนู้น “วาย” อย่างนี้ และฉันเองในครั้งแรกที่ได้ยินก็ยังไม่รู้จัก จึงมีคำถามว่า “Why” คือแบบว่าไม่เข้าใจน่ะว่า “วาย” ของครูแมมคืออะไร ทว่า ต่อมาก็ได้รู้จักมากขึ้น เมื่อครูวาย เอ้ย! ครูแมมแบ่งปันเรื่อง “วาย” บ่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งฉันได้มีโอกาสไปร่วมกลุ่มเซลของครูแมมที่วาย ทำให้รู้จักวายมากขึ้น และได้เริ่มต้นอธิษฐานเผื่ออย่างสม่ำเสมอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และเมื่อได้อธิษฐานเผื่อสิ่งใดก็ตาม พระเจ้าจะนำเราเข้าใกล้ชิดสิ่งนั้นมากขึ้น ต่อมาครูแมมก็คอยแบ่งปันเรื่องราวของวายและแนะนำพี่น้องที่วายหลายคนให้ได้รู้จักเรื่อยมา
ครานี้ครูแมมก็ส่งเรื่องของวายมาให้ผู้ที่จะร่วมเดินทางไปอธิษฐาน เตรียมจิตวิญญาณให้พรักพร้อมโดยการอ่านพระวจนะของพระเจ้า พระธรรม เอเฟซัส ร่วมกัน เป้าหมายของเราคือ ชนะด้วยพลานุภาพของพระเจ้า เราต้องชนะด้วยความคิดก่อนลงสนาม
ข้อมูล YWCA ศูนย์ชลบุรี
ปี 2535 (1992) นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทอมตะนครคอร์ปอเรชั่น ได้มอบที่ดินจำนวน 8 ไร่ ภายในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ให้แก่สมาคมฯ YWCA กรุงเทพฯ เพื่อจัดการศึกษา การฝึกอบรม และจัดกิจกรรมแก่ผู้พักอาศัยในนิคมและบริเวณใกล้เคียง และสมาคมฯ ได้ลงทุนในการก่อสร้างอาคารหอพัก โรงเรียน โรงยิม สนามแบดมินตัน สระว่ายน้ำ พร้อมลงทุนการดำเนินการ บริหารจัดการ มาโดยตลอด
พวกเราทั้งหลายจึงพร้อมใจกันอธิษฐานเผื่อ YWCA สู้เพื่อ YWCA ด้วยหัวใจและด้วยหัวเข่า
สู้ด้วยหัวใจและหัวเข่า
เคลื่อนออกไป ด้วยหัวใจ และหัวเข่า เร่งเข้าเฝ้า อธิษฐาน เพื่อการณ์ทั้งหลาย
นำพระพร สู่พี่น้อง ทั้งหญิงชาย ทุ่มเทกาย ทุ่มเทใจ ให้พระองค์

จะเคลื่อนไป ด้วยหัวใจ และหัวเข่า ทุกทุกเช้า เริ่มงานใหม่ กับพระเจ้า
ตลอดเช้า จรดคืน เร่งเข้าเฝ้า ใจเร่งเร้า เรียกร้องหา มาเฝ้าพระองค์

คุกเข่าลง ต่อพระพักตร์ ที่บัลลังก์ น้อมรับฟัง ทรงตรัสสั่ง และสอนข้า
ข้าจำนน ถ่อมใจรับ พระบัญชา ข้าอาสา เป็นคนยาม เฝ้ากำแพง

ข้าน้อมรับ การเป็น นักอธิษฐาน อุดช่องโหว่ นำวิญญาณ มาถวาย
แผ่นดินสวรรค์ มีที่ว่าง อีกมากมาย ข้าเทใจ ร่วมรับใช้ ร่วมวิงวอน

ขอพระเกียรติ มีแด่องค์ พระทรงฤทธิ์ ขอชีวิต ทุกชีวิต พบพระเจ้า
ขอทุกลิ้น สรรเสริญ พระเจ้าของเรา ขอทุกเข่า คุกเข่าลง ต่อทรงชัย

ทรงประทับ อยู่เหนือ การสรรเสริญ ข้าจักเยิน ยอพระเกียรติ พระเจ้ายิ่งใหญ่
พึ่งพระคำ อธิษฐาน ตลอดไป นมัสการสุดหัวใจ ถวายพระองค์

และแล้วล้อรถตู้อนุบาลก็หยุดกึ๊ก พวกเราชาวอนุบาลก็ลงจากรถตรงไปยังห้องนมัสการซึ่งทาง YWCA เตรียมไว้ มีเจ้าหน้าที่ของ YWCA ชลบุรี ร่วมนมัสการกับเราด้วย 3 คน คือ คุณเกษ คุณเรณู คุณภา…งานนี้พี่อิ๋วหัวหยิกนำนมัสการอีกเช่นเคย เพลงแรกที่ร้องกันคือ “โดยพระเจ้า” ซึ่งเกิดอาการสับเปลี่ยนคีย์กันนิดหน่อย แต่พวกเราก็มีความสุข ไม่มีใครบ่นว่าอะไร
ฟป.2:13-14
เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงกระทำกิจอยู่ภายในท่าน ให้ท่านมีใจปรารถนาทั้งให้ประพฤติตามชอบพระทัย
ของพระองค์ จงทำสิ่งสารพัดโดยปราศจากการบ่นและการทุ่มเถียงกัน
ท้ายสุดพี่อิ๋วจึงเชิญ ศบ.พงษ์ศักดิ์ นำเราร้องเพลง หลังจากนั้น ศบ. พร้อมทั้งครูแมมและพี่อ้อย ก็เดินอธิษฐานปกป้องสวมยุทธภัณฑ์ให้กับทุกคนในห้องนมัสการนั้น เมื่อสวมยุทธภัณฑ์พร้อมแล้ว เราก็เดินก้าวออกด้วยความเชื่อมั่นคง เราพึ่งพาฤทธิ์อำนาจขององค์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เรากล่าวยกย่องเทิดทูนพระองค์ขึ้นอย่างสูง ด้วยว่าพระนามของพระองค์นั้นเหนือนามทั้งปวง
ฟป.2:9-11
เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์ เพื่อเพราะพระนามนั้น ทุกเข่า ในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบ พระเยซู และเพื่อทุกลิ้นจะยอมรับ ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบิดาเจ้า
เราได้แยกทีมออกเป็น 4 สาย เพื่อให้การอธิษฐานครอบคลุมอาณาเขตอันกว้างขวางของ YWCA ชลบุรี ทีมที่ฉันไปนั้นมีพี่อ้อย คุณเตือนตา พี่น้อย และพี่เป้ไปด้วย เราอธิษฐานเผื่อห้องเรียนต่างๆ เผื่อครูทุกคน และจะหยุดอธิษฐานอย่างเฉพาะเจาะจงในบางกรณี โดยเน้นให้คุณเตือนตา ท่านเลขาธิการ YWCA ซึ่งพระเจ้าทรงแต่งตั้งให้ได้รับสิทธิอำนาจในฐานะผู้นำและผู้บริหาร อธิษฐานอวยพรแต่ละห้อง และพวกเราที่เหลือก็อธิษฐานสมทบ คุณเตือนตาอธิษฐานด้วยฤทธิ์เดชการเจิมจากพระเจ้า เรารู้สึกได้ถึงไฟแห่งพระวิญญาณที่หลั่งไหลลงมา พระเจ้าทรงพอพระทัยในสิ่งที่คุณเตือนตาทูลขอ
[มธ.16:19]
เราจะมอบลูกกุญแจแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน ท่านจะกล่าวห้ามสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ เมื่อท่านจะกล่าวอนุญาตสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นจะกล่าวอนุญาตในสวรรค์ด้วย
เราสุขใจอย่างยิ่งที่พระบิดาพาเราไปริมน้ำแดนสงบ ไม่ว่าเราจะเผชิญกับสถานการณ์ใดๆ เราก็ยังชื่นใจในราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์ สุขใจที่พระบิดาเทพระพรลงมายังเรา เพื่อให้เราทั้งหลายนั้นได้รับการเติมเต็มและล้นไหลออกไป เมื่อความรักที่ล้นปรี่ในใจหลั่งไหลออกไปแตะต้องชีวิตและจิตใจของผู้อื่น ก็จะนำมาซึ่งความชุ่มชื่นอิ่มเอมใจในจิตวิญญาณส่วนลึก เราปรารถนาที่จะพบพี่น้องในพระนิเวศอันงามตระการของพระองค์ เราปรารถนาเหลือเกินที่จะมีส่วนร่วมในพี่น้อง ปรารถนาที่จะให้ทุกสิ่งที่หายใจสรรเสริญพระเจ้า สาธุการแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์…พระบิดาของเรา
หลังจากอธิษฐาน พวกเราได้มารวมตัวกันบริเวณที่วางศิลาราก โดยยืนเรียงกันเป็นรูปกางเขน ยกชูกางเขนขององค์พระคริสต์ขึ้นเหนือย่านฟ้าอากาศของ YWCA ศบ.พงษ์ศักดิ์ นำเราอธิษฐานด้วยสิทธิอำนาจจากพระเจ้า
เราสุขใจที่พระบิดานำเราไปทานข้าวต้มปลา หมูสะเต๊ะ ต้มยำ เกาเหลา และปลาสะดุ้ง สุขใจที่พระบิดาขยายเขตแดนของกันและกันอย่างไม่รู้จบ แผ่นดินของพระบิดากว้างใหญ่แค่ไหนฤา เราจะก้าวออกไปค้นพบการมโหฬารที่พระบิดาได้ทรงกระทำเพื่อเราทั้งหลาย เราจะอธิษฐานเผื่อกันและกันอย่างไม่หยุดหย่อน เราจะไม่ท้อใจในการทำความดี เราจะไม่อ่อนระอาใจแม้ต้องพบกับอุปสรรคมากมายเพียงใดก็ตาม
เราสุขใจที่พ่อนำทุกคนกลับบ้านโดยปลอดภัย ให้ทุกคนได้หลับสนิทนิทราซ่อนดวงตา ซ่อนดวงใจไว้ใต้ปีกอันทรงพระคุณของพ่อ
[มธ.6:10]
ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์
ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก

ในสวรรค์เป็นอย่างไร ก็ให้เป็นไปอย่างนั้นใน YWCA ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพระพร YWCA และขยายเขตแดนของ YWCA ขอพระหัตถ์ของพระองค์อยู่กับ YWCA ขอทรงรักษา YWCA ให้พ้นจากเหตุร้าย เพื่อมิให้ทุกคนใน YWCA เจ็บใจและปวดกาย…เราเชื่อในการอัศจรรย์ของพระองค์!
“YWCA”
องค์กรของพระเจ้า
พระนิเวศของพระองค์
ที่ประทับของพระองค์
โดยพระองค์ และเพื่อพระองค์