Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เรียงฟืน

เรียงฟืน
วันที่ 3/5/2009
เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนศิษยาภิบาลได้แบ่งปันเรื่องการเรียงฟืนจากบทปฐมกาล [ปฐก.22:9 เมื่อเขาทั้งสองมาถึงที่ซึ่งพระเจ้าตรัสบอกเขาไว้ อับราฮัมก็สร้างแท่นบูชาที่นั่น เรียงฟืนเป็นระเบียบ แล้วมัดอิสอัคบุตรชายวางไว้บนแท่นบูชาบนฟืน] เมื่อฟังแล้ว รู้สึกได้ว่าพระคำแตะลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ ภาพของการเรียงฟืนในใจของฉันไม่เคยชัดเจนเช่นนี้มาก่อนเลย ฉันรู้จักพระคัมภีร์ข้อนี้ดี ทั้งยังได้ยินได้ฟังมามาก เพราะหลายคนมักหยิบยกเรื่องอับราฮัมถวายบุตรมาแบ่งปัน แต่ฉันเพียงแค่รู้เท่านั้น ฉันยังไม่เข้าใจอย่างแท้จริง แม้จนบัดนี้ ฉันก็คิดว่ายังเข้าใจได้ไม่หมด พระคำของพระเจ้าลึกซึ้งและสดใหม่อยู่เสมอ แต่ฉันขอบคุณพระเจ้า ศิษยาภิบาลทำให้ฉันเข้าใจเพิ่มขึ้นถึงภาพของการนมัสการ การที่เราจะไปถึงแท่นบูชาของพระเจ้า การจะอุทิศถวายเพื่อพระองค์นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมการให้พรักพร้อม กล่าวคือ ต้องเตรียมชีวิตในทุกด้าน เตรียมจิตใจ จิตวิญญาณ เพื่อให้มือสะอาดและใจบริสุทธิ์ ก่อนที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้า ประดุจดังการเรียงฟืนให้เป็นระเบียบก่อนการถวายเครื่องบูชา
การเรียงฟืนที่บันทึกไว้ในเลวีนิติก็ให้ภาพที่ชัดเจนเช่นเดียวกัน [ลนต.1:7 และบุตรของอาโรนผู้เป็นปุโรหิตจะก่อไฟที่แท่น และเรียงฟืนบนไฟ] การเรียงฟืนดังกล่าวทำให้ฉันกลับมาทบทวนตนเองอีกครั้งว่า การดำเนินชีวิตของฉันได้เรียงฟืนให้เป็นระเบียบหรือยัง และก็พบว่า ชีวิตฉันยังไม่เป็นระเบียบเท่าที่ควร ชีวิตยังคงไร้ระเบียบ ยุ่งเหยิง ทั้งๆ ที่พระเจ้าของเรามิใช่พระเจ้าแห่งความยุ่งเหยิง ดังนั้น เมื่อชีวิตของฉันยังคงยุ่งเหยิง ไร้ระเบียบวินัยอยู่ ก็แสดงว่า ฉันยังไม่ได้ดำเนินชีวิตอย่างที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ ฉันต้องเรียงฟืน ต้องฝึกวินัยอีกหลายประการ
[สภษ.6:23 เขาตายเพราะขาดวินัยในชีวิต และเพราะความโง่อย่างยิ่งของเขา เขาจึงหลงเจิ่นไป] โอ้โห ข้าน้อยขอคารวะท่านซาโลมอน สุภาษิตข้อนี้โดนอย่างจัง ถ้าทั้งขาดวินัยและยังโง่อีกละก็ ชีวิตคงต้องตายจริงๆ…“จะตายเพราะขาดวินัย” ฮาไม่ออกเลย และเมื่อได้อ่านหนังสือเรื่อง กระบวนการสร้างผู้นำ ของจอยส์ ไมเออร์ ซึ่งกล่าวถึงเรื่องวินัยไว้ว่า “ผู้นำจะต้องมีวินัย” ซึ่งผู้นำที่แท้จริงคือ ผู้ที่สามารถบังคับใจควบคุมตนเองได้ ซึ่งดีกว่าการตีเมืองได้ซะอีก โอ้โห สุดยอด เจ๋งจริงๆ ฉันรับมาเต็มๆ และก็ตั้งใจว่านับแต่นี้เป็นต้นไปจะฝึกตัวเองให้อยู่หมัดมากขึ้น ขอพระเจ้าจะทรงเปิดเผยวินัยที่ฉันยังบกพร่องอยู่ให้ฉันรู้ด้วย
วินัยซึ่งฉันจะต้องรับการเปลี่ยนแปลงโดยทันทีมี 4 เรื่องด้วยกัน และฉันเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงช่วยให้ฉันไม่อ่อนล้าในการทำความดี ในการฝึกระเบียบวินัยให้เป็นไปตามน้ำพระทัยเจ้า เพื่อให้ฉันพรักพร้อมในการทำการดีในวิถีทางของพระองค์ เหมือนกับที่ทรงช่วยให้ฉันฝึกวินัยด้านอื่นมาแล้ว [1ทธ.4:8 เพราะถ้าการฝึกทางกายนั้นมีประโยชน์อยู่บ้าง ทางของพระเจ้าก็มีประโยชน์ในทุกทาง เพราะทรงไว้ซึ่งประโยชน์สำหรับชีวิตปัจจุบันและชีวิตอนาคตด้วย]
ฉันต้องเรียงฟืน เรียงชีวิต ฝึกฝนระเบียบวินัยในเรื่องต่อไปนี้
1. การออกกำลังกาย เพราะขาดการออกกำลังกายที่ดีอย่างเพียงพอ ร่างกายจึงอ่อนแอและป่วยบ่อย ทั้งๆ ที่ สถานที่ซึ่งฉันอาศัยอยู่นั้นมีห้องออกกำลังกายและอุปกรณ์พร้อมสรรพ มีสระว่ายน้ำให้ว่ายเล่นเย็นใจ แต่ฉันแทบจะไม่ได้ไปใช้บริการเลย เหตุผลที่ไม่ได้ออกกำลังกายก็มีมากมายที่จะอ้าง แต่เบื้องลึกเบื้องหลังคือ “ความขี้เกียจ และ การขาดวินัย” นั่นเอง
2. การกิน ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงให้ฉันนั้นอิ่มบริบูรณ์ แต่ทว่า หลายครั้ง ฉันกลับละเลยพระพรจากการกิน ปล่อยให้การกินเป็นช่องทางให้มารโจมตี เช่น กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ กินเพราะเห็นแก่ความอร่อย กินอาหารฟุ่มเฟือย กินอาหารไม่เป็นเวลา เป็นต้น [ลก.12:29 ท่านทั้งหลายอย่าเสาะหาว่าจะกินอะไรดีหรือจะดื่มอะไร และอย่ามีใจกังวล]
3. การฝึกภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญในการทำงาน ตลอดจนการรับใช้พระเจ้า แต่ฉันกลับละเลยไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ภาษาอังกฤษจึงยังไม่พัฒนาไปไหน 3 ปีที่แล้วเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น เผลอๆ อาจจะด้อยพัฒนาลงอีกต่างหาก…ไม่ได้แล้ว ฉันต้องเริ่มต้นใหม่ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษมากเหมือนก่อนแล้ว แต่ฉันก็ต้องฝึกฝนที่จะใช้ทุกวัน
4. การดูละครน้ำเน่า ฉันเป็นคนที่ดูละครน้อยมาก กล่าวคือ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เท่านั้น ฉันรู้ว่าสิ่งนี้ทำให้เสียเวลา และรู้ดีว่าสิ่งนี้มีผลกระทบทางลบต่อจิตวิญญาณของฉัน แต่บางครั้งก็ยังอดดูไม่ได้ เช่น เมื่อกลับถึงบ้านตอนเย็นก็จะดูข่าว และเลยเถิดดูละครหลังข่าวด้วย ฉันก็กินข้าวไปดูละครไป รู้สึกเพลินๆ จนกินข้าวเสร็จแล้ว ละครยังไม่จบ แต่อยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรก็ติดตามต่อ กว่าละครจะจบก็ดึก ซึ่งแย่งชิงเวลาที่ฉันควรนั่งลงแทบพระบาทของพระเจ้าไป [1ทธ.4:7 อย่าใส่ใจกับเทพนิยายอันหาสาระมิได้ จงฝึกตนในทางธรรม]
ฉันเคยคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย โดยหารู้ไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้นี่แหละที่จะเป็นอุปสรรคขวางกั้นการเติบโตในทางของพระเจ้า ดังนั้น ฉันจึงต้องก้าวผ่านไปให้ได้ เพราะหากฉันไม่ผ่านเรื่องเหล่านี้ พระเจ้าจะไว้วางใจให้ฉันทำสิ่งใหญ่กว่านี้ได้อย่างไร [ยรม.12:5 "ถ้าเจ้าวิ่งแข่งกับมนุษย์ และเขาทำให้เจ้าเหน็ดเหนื่อย เจ้าจะแข่งกับม้าได้อย่างไร และถ้าเจ้ายังล้มลงในแผ่นดินที่ปลอดภัย เจ้าจะทำอย่างไรในดงลุ่มแม่น้ำจอร์แดน]
“นี่ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย นิสัยที่ดี ฯลฯ แต่ยังเกี่ยวข้องกับการสร้างคุณภาพชีวิตภายในที่ดี เมื่อคุณมีชีวิตที่สมดุล มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าและตัวเอง คุณก็จะมีความสมบูรณ์ในวิญญาณ จิตใจ และร่างกาย” (คัดลอกจากหนังสือ “ทางออก” หน้า 213 โดย อนิต้า บาร์คเคอร์)

ไม่มีความคิดเห็น: