Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552

โดยรอยแผล

วันที่ 2/4/2009

เมื่อวันที่ 29/3/2009 ที่ผ่านมา พวกเราชาวนิมิตใหม่บางส่วนที่ถูกเรียกว่า “ป้าอนุชน” อะจึ๋ย อันนี้พี่แขกตั้งฉายาให้ ด้วยว่าอายุอานามก็ขึ้นเลขสามกันแล้ว…วี๊ดปิ้ว เป็นไงเป็นกัน เราไม่หวั่นแม้วันอายุมาก!

เรื่องของเรื่องคือ พี่น้องชาวนิมิตใหม่ช่างมนุษยสัมพันธ์ดีเหลือหลาย รู้จักพี่น้องจากคริสตจักรอื่นๆ ทั่วราชอาณาจักร อาณาเขตความสัมพันธ์และคำอธิษฐานกว้างไกลจนสุดปลายแผ่นดินโลก ฉันไม่ได้อวด และไม่ได้โม้ถึงผู้ใด แต่กำลังจะอวดเรื่องของพระเจ้า กำลังอวดถึงไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์ที่ตรึงโลกใบนี้ไว้ด้วยความชอบธรรม

พี่แขกกับพี่จบของเรารู้จักสนิทสนมและสามัคคีธรรมกับพี่น้องคริสตจักรวัฒนาเสมอมา เหตุผลหนึ่งของความสนิทสนมคือ การที่ลูกสาวของแต่ละครอบครัวอยู่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยเหมือนกัน และก็ได้สนิทสนมกันมากขึ้นจากการเข้าร่วมค่าย ESC เมื่อปีที่แล้ว ครอบครัวที่ฉันจะกล่าวถึงคือ ครอบครัวของพี่ต้อมและพี่แหม่ม

ขอบอกกล่าวเล่าขานย้อนไปนิดหนึ่งนะคะว่า พี่แหม่มนั้นรับเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าก่อน ซึ่งเมื่อรับเชื่อแล้ว ชีวิตก็เปลี่ยนไป พฤติกรรมใหม่เกิดขึ้นละม้ายคล้ายคลึงพระเยซูขึ้นทุกวัน ทุกวัน จนกระทั่งคุณสามีมองเห็นพระเยซูในชีวิตของภรรยาสุดที่รัก เป็นเหตุให้รับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นจริงดังพระคัมภีร์ว่า เมื่อเรารอด ครอบครัวของเราจะรอดด้วย [กจ.16:31 … "จงเชื่อและวางใจในพระเยซูเจ้า และท่านจะรอดได้ทั้งครอบครัวของท่านด้วย"] นับแต่นั้น ครอบครัวนี้ก็เป็นครอบครัวที่ยำเกรงพระเจ้า เข้มแข็งทางความเชื่อเสมอมา ในวันนั้นพี่แหม่มใส่เสื้อสุดเทห์ บ่งบอกถึงหัวใจซึ่งเต้นโลดอยู่ภายใน ด้วยข้อความที่ว่า [ยชว.24:15] … แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระเจ้า"]

การสามัคคีธรรมท่ามกลางธรรมชาติในเขตพระประแดง ซึ่งโอบล้อมไปด้วยอ้อมรักขององค์พระเจ้า เราทั้งหลายจึงชื่นชมยินดี เราเปรมปรีด์ในพระองค์ ทุกคนต่างมีส่วนร่วมในสวนองุ่นแห่งนั้น บ้างก็ปิ้งข้าวโพด ปิ้งบาร์บีคิว บ้างก็ปอกผลไม้ บ้างก็ตำส้มตำ บ้างก็เตรียมจานชาม เป็นต้น

เด็กๆ และอนุชนใส่เสื้อชูชีพ พายเรือไปเก็บหอยกันกลางลำน้ำ เมื่อไปถึงช่วงกลางน้ำ ทุกคนสามารถลงไปเก็บหอยในน้ำตื้นได้ พวกเราจึงได้ทานหอยแครง และกุ้งสดๆ เอร็ดอร่อยดุจดังอยู่ในดินแดนคานาอัน [ฉธบ.26:9 พระองค์ทรงนำเรามาที่นี่และประทานแผ่นดินนี้แก่เรา เป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์]

และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ก็ใครซะอีกล่ะ พี่อิ๋วของเรานี่เอง พายเรือไปส่งน้องๆ กลางลำน้ำ แต่ตอนขากลับไม้พายกับมือเกี่ยวกันอย่างไรก็ไม่ทราบ แต่สร้างรอยแผลให้พี่อิ๋ว เห็นเนื้อฉีกออกมาเป็นก้อนเลย พี่อิ๋วร้องจ๊าก แต่เสียงร้องของคนที่เห็นเหตุการณ์ดังกว่า กลบเสียงพี่อิ๋วไว้ได้ พี่ต้อมเจ้าบ้านรีบนำเบทาดีนมาทำแผล พี่อิ๋วเจ็บมากจนต้องกัดผ้าเช็ดหน้าไว้ ครูแมมและอีกหลายๆ คนก็ช่วยกันอธิษฐานเป็นการใหญ่ พี่อิ๋วเจ็บมาก หน้าซีด นอนแผ่หลาเลย…ขอบคุณพระเจ้าสำหรับหัวใจที่แข็งแกร่ง พี่เราฟื้นสภาพอย่างรวดเร็ว และไปโอ้ลั่นล้าต่อได้ นำความสนุกสนานไปให้ผู้อื่น แม้ว่าตนเองจะยังเจ็บอยู่…พี่อิ๋วเล่าให้ฟังภายหลังว่า เหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ระลึกถึงพระเยซูที่ทรงถูกตะปูตอกเข้าไป ตอกเข้าไป ระลึกถึงรอยแผลของพระองค์ที่ถูกโบยในแต่ละครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งนั้นได้จิกเนื้อของพระองค์ขึ้นมาด้วย ระลึกถึงพระโลหิตของพระองค์ที่หลั่งชะโลม ไหลรดความบาปผิดให้กับพวกเรา…ขอบคุณพระเยซู สำหรับบทเรียนก่อนวันอีสเตอร์

สันติสุขจงดำรงอยู่ ณ บ้านของพี่ต้อมพี่แหม่มเถิด…ก่อนจากกันในวันนั้น หนึ่งได้นำทุกคนร้องเพลงอวยพรเจ้าของบ้าน ครูแมมนำพวกเราอธิษฐาน พวกเราล้อมวงร้องเพลงด้วยกันอีกครั้ง ก่อนลาจากเจ้าของบ้านด้วยความขอบคุณ

วันรุ่งขึ้น คุณหมอจับพี่อิ๋วเย็บถึง 4 เข็ม โดยต้องขูดแผลให้สดใหม่ ก่อนที่จะทำการเย็บ อู้ย! เจ็บจริงๆ…พี่อิ๋วรู้สึกยินดีที่ได้มีส่วนรับรู้ถึงความทนทุกข์ขององค์พระเยซู แม้ว่าสิ่งที่พี่อิ๋วประสบอยู่นั้นจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวในสิ่งที่พระองค์ทรงเผชิญ แต่สิ่งนี้ก็ทำให้พี่อิ๋วรู้สึกขอบคุณพระองค์มากขึ้น และรักพระองค์มากขึ้น ทุกวัน และทุกวัน…ตอนนี้ แผลของพี่อิ๋วดีขึ้นตามลำดับแล้ว เนื้อเริ่มติดสนิทกันดังเดิม ดุจดังพระสัญญาของพระองค์ [อสย.58:8 แล้วความสว่างจะพุ่งออกมาแก่เจ้าอย่างอรุณและแผลของเจ้าจะเรียกเนื้อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมของเจ้าจะเดินนำหน้าเจ้า และพระสิริของพระเจ้าจะระวังหลังเจ้า]

พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มาอย่างแปลกประหลาด เมื่อเกิดบาดแผลขึ้น พระองค์ทรงรักษาให้หาย ทั้งนี้รวมถึงสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างทั้งปวง พระองค์มิเพียงสร้างเท่านั้น แต่ทรงเลี้ยงดูปกปักรักษา ดังเช่นที่ทรงรักษามนุษย์เมื่อมีบาดแผล กลไกในร่างกายจะทำงานอย่างอัศจรรย์ และทำให้แผลนั้นหายไปในที่สุด สิ่งนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับสัตว์หรือพืชพันธุ์ต่างๆ ที่พระองค์ทรงสร้าง โดยบาดแผลของพระองค์ ทรงรักษาเราให้หาย และพระองค์มิเพียงรักษาบาดแผลทางกายเท่านั้น หากทรงรักษาบาดแผลทางใจให้กับเราด้วย [สดด.147:3 พระองค์ทรงรักษาคนที่ชอกช้ำระกำใจ และทรงพันผูกบาดแผลของเขา]

ถึงฉันจะไม่ได้พบกับอุบัติเหตุแบบพี่อิ๋ว แต่ฉันรู้สึกได้ถึงพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และอ่อนโยนของพระองค์ที่ได้ยื่นมาสู่ฉัน พันบาดแผลให้กับฉัน เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าองค์มหิทธิฤทธิ์ ทรงแบกรับความบาปแห่งโรคภัยไข้เจ็บ ความขมขื่นชอกช้ำระกำใจ ความยากจน และบาปช้าเลวทรามอื่นๆ ไว้ทั้งสิ้นแล้ว [1ปต.2:24 พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ ที่ต้นไม้นั้น เพื่อว่าเราทั้งหลายจะได้ตายจากบาปได้ และดำเนินชีวิตตามคลองธรรม ด้วยบาดแผลของพระองค์ ท่านทั้งหลายจึงได้รับการรักษาให้หาย]

พระเยซูสิ้นพระชนม์แล้วบนไม้กางเขน และทรงเป็นขึ้นมาแล้วเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่พี่น้องบางคนที่รับรู้ถึงพระกิตติคุณประการนี้ดี แต่ยังดำเนินชีวิตราวกับว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้วเท่านั้น ลืมไปแล้วหรือไรว่าพระองค์มิได้อยู่ในอุโมงค์แล้ว พระองค์ทรงเป็นขึ้นในวันที่ 3 และพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ พระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในเราทุกคน [รม.6:5 เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเข้าสนิทกับพระองค์ ในการเป็นขึ้นมาอย่างพระองค์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายด้วย] ดังนั้น ต้องระลึกไว้เสมอว่า เราเป็นขึ้นจากความบาปและความตายในฝ่ายวิญญาณแล้ว และเรานั้นจะดำเนินชีวิตให้สมกับพระคุณความรักของพระองค์ [2คร.5:15 และพระองค์ได้ทรงวายพระชนม์เพื่อคนทั้งปวง เพื่อคนเหล่านั้นที่มีชีวิตอยู่จะมิได้อยู่เพื่อประโยชน์แก่ตัวเองอีกต่อไป แต่จะอยู่เพื่อพระองค์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์ และทรงเป็นขึ้นมาเพราะเห็นแก่เขาทั้งหลาย]

He is Risen!

ไม่มีความคิดเห็น: