Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อย

ผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อย

วันที่ 12/6/2009
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24/5/2009 ที่ผ่านมา ณ คริสตจักรนิมิตใหม่ มีน้องหนึ่งเป็นผู้นำนมัสการ ซึ่งเพลงหนึ่งที่ทีมนมัสการนำเราร้องคือ “ผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อย” เนื้อร้องมีดังนี้
ผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงเข้ามาหาพระเยซู พระองค์จะให้เรา หายเหนื่อยและ เป็นสุข จงมอบชีวิตแด่พระองค์ ***พระองค์จะเสริมเรี่ยวแรง ให้เข็มแข็งในหัตถ์พระองค์ เราจะเดินไปและจะไม่เหน็ดเหนื่อย พระองค์จะเสริมกำลังเรี่ยวแรง ให้เต็มล้นด้วยไฟพระวิญญาณ เราจะบินไป เหมือนนกอินทรี
โอ้โห! โดนใจสุดๆ กำลังเหน็ดเหนื่อยอยู่พอดี เพราะช่วงก่อนหน้านั้นทำงานหนักจนถึงดึกดื่น สองสามคืนติดกัน พอเช้าวันอาทิตย์ตื่นมาก็ไม่มีแรง เพลียมากๆ แต่ก็ขอบคุณพระเจ้า ยังฮึดสู้ลุกขึ้นมา และแหกปากร้องเพลง “ผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อย” ลั่นบ้าน และก็นมัสการพระเจ้าต่ออีกหลายเพลง เมื่อมาโบสถ์แล้วได้ร้องเพลงนี้อีก…ซาบซึ้ง ซาบซึ้ง
พลังแห่งการนมัสการช่างสดชื่นงดงามจริงๆ…และแล้วจิตสำนึกก็เตือนให้กลับใจ เพราะตอนแรกจะไม่ไปโบสถ์เนื่องจากเหนื่อยและเพลียมาก แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด ถึงแม้ว่าเราจะนมัสการพระเจ้าเป็นการส่วนตัวแล้วก็จริง แต่เราก็ต้องนมัสการพระเจ้าร่วมกับพี่น้องด้วย [ฮบ.10:25 อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนที่ขาดอยู่นั้น แต่จงพูดหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะท่านทั้งหลายก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว] หากขาดการประชุมที่โบสถ์ด้วยเหตุผลอันไม่สมควร ก็เป็นบาปเช่นกัน
เมื่อได้ร้องเพลงนี้ร่วมกับพี่น้องในโบสถ์แล้ว ก็สัมผัสได้ถึงพระกำลังจากพระเจ้าจริงๆ ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ท้อแท้ ก็พลันมลายไป…ขอบคุณพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระสัญญาของพระองค์ที่ตรัสไว้ [มธ.11:28 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข] พระเจ้าของเราเป็นจอมราชาผู้ยิ่งใหญ่ ทรงพระสิริเลิศล้ำ ไม่มีผู้ใดเปรียบปานพระองค์ ไม่มีใครเคยเห็นพระพักตร์ของพระองค์ และเราก็มิควรที่จะเห็นพระองค์ด้วย พระองค์จึงเป็นพระเจ้าผู้ทรงไม่ประจักษ์แก่ตา ทว่า ทรงเป็นพระเจ้าผู้ที่ประจักษ์แก่ใจ เราสามารถพบพระองค์และสัมผัสพระองค์ได้ด้วยหัวใจของเรา พระองค์เป็นผู้เดียวซึ่งสมควรที่เราจะนมัสการ ทรงประทับเหนือคำสรรเสริญ ทรงเทฤทธิ์เดชลงมาเหนือประชากรของพระองค์ขณะที่เขาเหล่านั้นนมัสการ เมื่อเรามาหาพระองค์ เราจึงหายเหนื่อย และเราเป็นสุขจริงๆ…ฮาเลลูยา
พระเจ้าทรงให้เราหายเหนื่อย เป็นสุข ทรงเสริมกำลังให้กับเรา แข็งแกร่งดุจนกอินทรีเลยเชียวนะ [อสย.40:31 แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้าจะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย]
แล้วคุณละคะ วันนี้รู้สึกลำบากหรือเหน็ดเหนื่อยด้วยเรื่องใดอยู่หรือไม่…พระเจ้าอยู่กับคุณนะคะ พระองค์ปรารถนาให้คุณติดสนิทกับพระองค์! หรือหากว่าวันนี้คุณอยู่สุขสบายดี พระองค์ก็ยังทรงปรารถนาให้คุณติดสนิทกับพระองค์เช่นกัน
ขอยืมคำคม คำขวัญของชาวบ้านมาแบ่งปันหน่อยนะคะ…จะอย่างไรก็พระเจ้า
Happy moments, PRAISE GOD
Difficult moments, SEEK GOD
Quiet moments, WORSHIP GOD
Painful moments, TRUST GOD
Every moment, THANK GOD
เช่นนี้แล้ว เรามานมัสการพระเจ้าร่วมกันนะคะ พบกันที่คริสตจักรนิมิตใหม่ วันเสาร์ที่ 13/6/2009 เวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการนมัสการและอธิษฐาน “Praise & Pray” ที่จัดขึ้นทุกวันเสาร์ สัปดาห์ที่ 2 ของทุกเดือน…และแน่นอนว่า พบกันทุกวันอาทิตย์ โดยเริ่มนมัสการเวลา 10.30 น. ห้ามพลาดเด็ดขาด…ช้าหมด อดฟังเพลงบางเพลงนะคะ

บทเรียนจากนกอินทรี
นกอินทรี เป็นนกที่สง่างามกว่านกทั้งหลายและ ถูกกล่าวถึง 36 ครั้งในพระคัมภีร์มาก กว่านกอื่นๆ โดยทั่วไปนกอินทรีที่โตเต็มที่จะสูงถึง 90 ซม. และเมื่อกางปีกจะยาวถึง 2 ม. นกอินทรีมีชีวิตยืนยาวที่สุดในบรรดาสัตว์ปีก คือ 70 ปี แต่นกอินทรีจะต้องพบการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของมันเมื่ออายุได้ 40 ปี
เมื่ออายุ 40 ปี จงอยปากที่แหลมคมเริ่มโค้งงอ กรงเล็บเริ่มใช้การไม่ค่อยได้ ปีกที่หนาและหนัก ขนที่ยาวรุงรังจะไปรวมกันที่อกของมันทำให้มันบินได้ลำบากมากขึ้นร่างกายของมันจึงอ่อนแอเกินกว่าจะบินขึ้นและหาอาหารอย่างเข้มแข็งได้อีก ในช่วงเวลานั้นมันจะมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือตายไปพร้อมกับความอ่อนแอหรืออยู่ต่อไป ซึ่งต้องเผชิญความเจ็บปวดอย่างสุดๆกับขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงชีวิต ซึ่งยาวนานถึง 150 วัน นี่คือช่วงเวลาแห่งการรอคอย
ในช่วงเวลานี้มันจะต้องบินขึ้นไปบนยอดเขาสูง และอยู่ที่รังของมัน ต้องคอยใช้จงอยปากที่โค้งทื่อของมันจิกเคาะกับก้อนหิน และกรงเล็บกระแทกไปที่ก้อนหินครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งจงอยปากมีเลือดไหลและหลุดออกมา จากนั้นมันจะต้องรอให้จงอยปากอันใหม่งอกขึ้นมา เช่นเดียวกับกรงเล็บ ที่จะงอกขึ้นมาใหม่ด้วย เมื่อกรงเล็บใหม่ที่งอกขึ้นมาสมบูรณ์แล้ว มันก็จะเริ่มใช้จงอยปากใหม่ จิกถอนขนที่ดกหนาทั้งหมดทิ้งเสีย เพื่อการผลัดขนใหม่ทั้งหมด หลังจาก 5 เดือนหรือ 150 วันผ่านไป ขั้นตอนแห่งการรอคอยหรือขั้นตอนแห่งการเปลี่ยนแปลงก็จะเสร็จสมบูรณ์ นกอินทรีก็จะบินสูงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง และจะมีชีวิตที่ยืนยาวและเข้มแข็งต่อไปได้อีก 40 ปี....

ไม่มีความคิดเห็น: