Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เพียงคลิกเดียว

เพียงคลิกเดียว
วันที่ 3/6/2009

สุขสันต์วันเปิดเทอมค่ะ…เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นวันเปิดเทอมของสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ซึ่งที่ทำงานของฉันนั้นต้องผ่านมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนั้น ภาพที่เห็นจึงเป็นนิสิตหนุ่มสาววัยใสจำนวนมากมุ่งหน้าสู่รั้วสถาบันที่เขาและเธอคาดหวังว่าจะเป็นประตูสู่อนาคตอันรุ่งโรจน์
นิสิตบางคนก็เดินเข้าประตูคนเดียวด้วยอาการประหม่า แต่บ้างก็มากันเป็นกลุ่ม เล็กบ้างใหญ่บ้าง ตามขนาดของเขา พอเห็นอย่างนี้แล้วก็ทำให้หวนคิดไปถึงชีวิตวัยเรียนอันแสนตื่นเต้น เป็นช่วงชีวิตที่หอมละมุน เป็นช่วงที่กำลังถูกปรับแต่งเพื่อก้าวสู่ระดับของชีวิตที่สูงยิ่งขึ้น
ฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบเรียน แม้ว่าหลายครั้งจะสอบตกหรือโดดเรียนบ้างก็ตาม (แป่ว) แต่ตอนนี้เป็นคนใหม่แล้วคะ ไม่โดดเรียนอีกต่อไป ทั้งเมื่อถึงวันอาทิตย์ซึ่งต้องนมัสการพระเจ้า ฉันก็เข้าร่วมประชุมมิได้ขาด เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์
หนุ่มสาวมากมายที่ชิงกันเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัยนั้น ต้องผ่านการคัดกรองมาอย่างหนัก ต้องฝ่าฝันอุปสรรคและเคี่ยวเข็ญตนเองให้อยู่หมัด กว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาสามารถก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยอย่างเต็มภาคภูมิ
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งนี้ทำให้ฉันระลึกถึงแผ่นดินสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งผู้เชื่อทั้งหลายปรารถนาจะเห็นผู้คนมากมายชิงกันเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์ [ลก.16:16 มีธรรมบัญญัติและผู้เผยพระวจนะมาจนถึงยอห์น ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า และคนทั้งปวงก็ชิงกันเข้าไปในแผ่นดินนั้น]
แผ่นดินสวรรค์มิใช่เรื่องของคำพูด แต่เป็นเรื่องของฤทธิ์เดช ดังนั้น แผนการที่จะนำผู้คนมากมายเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์จึงมิอาจกระทำได้โดยลำพัง หากต้องพึ่งพาฤทธิ์เดชจากพระเจ้า เราทั้งหลายต้องร่วมมือกันจัดเตรียมทาง เพื่อสนองพระมหาบัญชาของพระองค์ [อสย.62:10 จงไป จงไปทางประตูเมือง จัดเตรียมทางไว้ให้ชนชาตินี้ จงพูน จงพูนทางหลวงขึ้น เก็บกวาดหินเสียให้หมด จงยกสัญญาณไว้เหนือชนชาติทั้งหลาย]
ก่อนหน้านี้ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเปิดปากเอ่ยถึงเรื่องราวของพระเจ้ากับคนที่ฉันพบ ตอนนั้นฉันอาย ฉันกลัวปฏิกิริยาการต่อต้านของพวกเขา ทั้งๆ ที่ หลายๆ คน ฉันไม่มีโอกาสได้พบกับเขาอีกตลอดทั้งชีวิต…ทว่า เหตุนี้ทำให้ต้องกลับใจ และขอบคุณพระเจ้า เมื่อเวลาผ่านไป ได้เรียนรู้ว่า พระวิญญาณจะทรงนำเสมอในการที่ฉันจะหว่านเมล็ดพันธ์จากแผ่นดินสวรรค์ลงในใจของผู้หลงหายเหล่านั้น หน้าที่ของฉันคือ เปิดปากพูดเท่านั้น แล้วพระวิญญาณจะทรงนำและดลให้สิ่งที่ออกจากปากของฉันเป็นถ้อยคำแห่งความรอด
เมื่อเดือนที่แล้วฉันมีโอกาสฟัง อ.Chris มิชชันนารีชาวสวิส ครูอาสาสมัครซึ่งสอนภาษาอังกฤษให้กับนักศึกษาที่ประตูน้ำเซ็นเตอร์ โดยในการสอนแต่ละครั้งนั้น จะแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าเข้าไปด้วยทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน อ.Chris ได้เล่าเรื่องกำแพงให้เราฟัง
เพื่อนเกลือ เอ้ย! เพื่อนเกลอ 3 คน เอ้ย! 3 ตัว ได้แก่ พี่ลิง พี่เสือ และพี่งู เดินทางมาไกล แล้วมาหยุดยืนอยู่หน้ากำแพงแห่งหนึ่ง ทั้ง 3 เกลอ ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งของกำแพง ด้วยได้ยินเสียงร่ำลือมาว่า อีกฟากฝั่งหนึ่งของกำแพงมีความงดงามและอุดมสมบูรณ์เป็นนักหนา แต่อนิจจา กำแพงตรงหน้าช่างหนา สูง และใหญ่เหลือเกิน…อะฮ้า แต่อุปสรรคตรงหน้ากลับทำให้ลิงฮึกเฮิม ประกาศลั่นว่าตนเองสามารถปีนข้ามกำแพงได้ เพราะลิงมีความเชี่ยวชาญสูงในการปีนป่ายเหนือผู้ใดในปฐพี ว่าแล้วเจ้าลิงก็ปีนกำแพงขึ้นไป มันปีน ปีน และก็ปีน มันปีนขึ้นไปไกลเกินกว่าที่จะไปต่อได้เสียแล้ว กำแพงนี้สูงเกินไปสำหรับลิง และดูเหมือนว่ากำแพงนี้จะสูงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ
เมื่อลิงผิดหวัง พี่เสือก็ไม่น้อยหน้า ปลอบโยนเพื่อนรัก และสัญญาว่าจะพากันไปถึงฝั่งฝันให้ได้ โดยเสือจะวิ่งไปสำรวจก่อน จะไปดูว่ากำแพงนี้สิ้นสุดที่ตรงไหน ‘จะยาวสักแค่ไหนกันเชียว’ เจ้าเสือนึกอยู่ในใจ และมิรอช้า เสือวิ่ง วิ่ง วิ่ง ด้วยความเร็วกว่าเสียง เสือวิ่งไปเรื่อยๆ จนเหนื่อยหอบ แต่หาได้พานพบสุดปลายแห่งกำแพงไม่ เสือกลับมาด้วยความผิดหวัง
พี่งูก็เป็นหนึ่งในตองอูเช่นกัน จึงขอใช้ความสามารถกาจเก่งของตนทะลายอุปสรรคข้างหน้าบ้าง แล้วพี่งูก็เลื้อยเข้าไปตามรอยแตกของกำแพง เพื่อที่จะข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง แต่เมื่อเลื้อยไปเรื่อยๆ พี่งูพบว่ารอยแตก รอยร้าวบนกำแพงนั้นเล็กลง เล็กลง จนในที่สุดพี่งูไม่สามารถแทรกตัวรอดรูกำแพงได้ดังหวังใจ พี่งูหางตก กลับมาด้วยความผิดหวัง
ทั้ง 3 เกลอ ยังมีความปรารถนาที่จะข้ามไปอีกฟากหนึ่งให้ได้ จึงได้พยายามสุมหัว เอ้ย! ระดมสมองกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ดูเหมือนแต่ละวิธีจะใช้ไม่ได้ผลเอาซะเลย ตอนนั้น การบินไทยก็ไม่มีซะด้วย เรื่องจะถึงที่หมายสบายผิดกัน ก็เลยเลิกพูด ครั้นจะใช้เรือไททานิค ก็ไม่ได้อีก เพราะชนหินโสโครกจมลงไปในมหาสมุทรซะแล้ว จะให้โดเรมอนมาช่วยก็ไม่ได้อีก เช่นกัน เพราะโนบิตะหวงมาก…ใครก็ได้ช่วย 3 เกลอหน่อยครับ
ในที่สุด 3 เกลอ ก็ยอมแพ้ และจะพากันกลับ แต่พลันทั้ง 3 ก็มองเห็นประตูกำแพงถูกซ่อนไว้ใต้เถาวัลย์รกเรื้อ พวกเขาจึงพากันไปดู…ว้า แย่จัง ประตูปิดอยู่…ถ้าอย่างนั้นลองเปิดประตูดูนะพวกเรา…และแล้ว “คลิก” ประตูเปิดออกได้อย่างง่ายดาย…เย้! 3 เกลอ เจอทางเข้าประตูสวรรค์แล้ว
มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน ไม่อาจข้ามกำแพงที่ขวางไปได้ เพราะกำแพงที่หนาสูงใหญ่ ก็คือความบาปที่มากมายของมนุษย์ และความบาปนี้เองที่เป็นกำแพงขวางกั้นมนุษย์ออกจากพระเจ้า แต่โดยแผนการไถ่อันเลิศของพระองค์ พระองค์มิได้คิดค่าจ้างของความบาปจากมนุษย์ มนุษย์จึงรอดโดยเพียงรับพระคุณของพระองค์ มนุษย์ไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถที่มีอยู่ทะลายกำแพงบาปที่อยู่ตรงหน้า มนุษย์เพียงแค่เปิดประตู “คลิกเดียว” เพียงแค่ “คลิกหัวใจ” รับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดเท่านั้น เพียงแค่นี้ มนุษย์ก็สามารถก้าวสู่ประตูนิรันดร์ ก้าวสู่แผ่นดินสวรรค์ไปถึงพระบิดาได้
ยน.14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา”
เมื่อเราปรารถนาที่จะเห็นผู้คนมากมายชิงกันเข้าสู่แผ่นดินของพระองค์ เราต้องร่วมมือกันจัดเตรียมทาง นำเขาไปถึงประตูสวรรค์ให้ได้ แล้วพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นผู้เปิดประตูด้วยตัวของเขาเอง เพียงคลิกเดียวเท่านั้น!

ไม่มีความคิดเห็น: