Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

เมื่อฉันปฏิเสธพระเยซู

เมื่อฉันปฏิเสธพระเยซู
วันที่ 15/02/2010
ฉากเด่นฉากหนึ่งก่อนที่พระเยซูจะทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน คือ ฉากที่เปโตรปฏิเสธพระเยซู ซึ่งมีปรากฎในพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่ม [มธ.26:33-34 ฝ่ายเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า "แม้คนทั้งปวงจะทิ้งพระองค์ ข้าพระองค์จะทิ้งก็หามิได้เลย" พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ในคืนวันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง"]
เปโตรเองคงคิดไม่ถึงว่าตนเองจะเป็นผู้ที่ปฏิเสธพระเยซู แต่พระเยซูผู้ทรงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ทรงอธิษฐานเผื่อเขา และพระองค์ไม่ได้ประนามในสิ่งที่เปโตรปฏิเสธพระองค์ แต่กลับทรงให้เกียรติเปโตร ทรงตามหาเขา เมื่อพระองค์ฟื้นคืนพระชนม์ และเปโตรนี่แหละ เป็นหนึ่งในอัครฑูตผู้ประกาศข่าวประเสริฐอย่างเข้มแข็ง
ฉันเองก็เช่นกัน นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วิกฤติทางความเชื่อเมื่อหลายปีก่อน ก็ตั้งใจว่าจะไม่หันหลังกลับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ฉันจะติดตามพระองค์ไปตลอดชีวิต ทว่า เมื่อมองย้อนกลับไปในหลายๆ เหตุการณ์ ก็พบว่าตนเองได้ปฏิเสธพระเยซูเช่นกัน
[มธ.26:75 เปโตรจึงระลึกถึงคำที่พระเยซูตรัสไว้ว่า "ก่อนไก่ขันเจ้าจะปฏิเสธเราสามครั้ง" แล้วเปโตรก็ออกไปข้างนอกร้องไห้เป็นทุกข์ยิ่งนัก] เปโตรปฏิเสธพระเยซูเพียง 3 ครั้ง เขาก็สำนึกผิด เสียใจ ร้องไห้ และ กลับใจใหม่ แต่ฉันล่ะ ฉันเองกลับปฏิเสธพระเยซู มิเพียงแค่ 3 ครั้ง แต่หลายครั้งเหลือเกิน หากนับเฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ 3 ครั้งแล้วสินะ
ครั้งแรก ขณะขึ้นรถตู้เดินทางกลับบ้าน ฉันนั่งอยู่ตรงแถวที่ 2 โดยด้านหลังฉัน คือในแถวที่ 3 มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ 6-7 ขวบ นั่งอยู่บนตักพ่อ เธอไอเสียงดังตลอดทาง จนฉันรู้สึกอึดอัด เธอไอใส่ฉันตรงๆ เลย ตรงหูพอดีเลยอ่ะ ฉันก็คิดในใจว่า โอ้โห! ทำไมพ่อเธอไม่สอนลูกให้ปิดปากเมื่อไอจามล่ะ เวลาเด็กไอ ฉันก็โยกตัวหนี ไม่กล้าบอกตรงๆ ว่า เสียงดังมากๆ และไอใส่หูฉันเลย และก็นึกตำหนิสองพ่อลูกนี้ไปตลอดทาง พร้อมกับนึกว่า เมื่อไรเขาจะลงซักทีนะ และก็อยากให้ถึงที่หมายของตัวเองเร็วๆ แต่ปรากฎว่าสองพ่อลูกนั้นลงรถป้ายเดียวกับฉัน ฉันมองดูพวกเขา แต่คราวนี้หัวใจฉันสั่นไหว รู้สึกถึงความบกพร่องของตัวเอง หากพระเยซูทรงนั่งอยู่ที่เดียวกับฉัน พระองค์จะปฏิบัติเช่นไรนะ พระองค์คงไม่ประพฤติเยี่ยงฉันเป็นแน่ แทนที่ฉันจะถามไถ่อาการ แสดงความเห็นใจ หรือแม้แต่อธิษฐานเผื่อเด็กในใจ ฉันก็ไม่ได้ทำเลย ในใจฉันมีแต่การกล่าวโทษ แถมยังแสดงกิริยารังเกียจเธออีก
ครั้งที่ 2 สดๆ ร้อนๆ บ่ายวันอาทิตย์ หลังจากฟังเทศนาเรื่องความรักจบเรียบร้อยแล้ว แต่ฉันกลับสอบตกเรื่องความรักในวันนั้นเอง ฉันรีบกลับบ้านมาก เพราะนัดช่างไว้ เพื่อทำธุระเรื่องบ้าน พี่สาวคนหนึ่งก็ชวนฉันทานข้าว ให้รีบทานแล้วค่อยกลับก็ได้ ฉันก็ตกลง ทานไปได้สักพัก ก็ได้ยินคุณลุงและพี่สาวอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน กำลังสนทนาเรื่องการไปต่างประเทศ ซึ่งคุณลุงมีลูกสาวคนหนึ่งที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ ไปใช้ชีวิตอยู่ยุโรป และปรารถนาให้คุณพ่อไปเยี่ยมเธอ คุณพ่อก็พยายามหาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่รู้ว่าจะติดต่อที่ไหน ฉันจึงจดชื่อและเบอร์โทรให้คุณลุง คุณลุงก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าต้องเป็นไทยอินเตอร์นะ และตามมาด้วยคำถามอีกกระบุงโกย ซึ่งฉันต้องพูดกับคุณลุงดังๆ เพราะคุณลุงมีปัญหาในการฟัง พี่คนนั่งข้างๆ ก็ช่วยพูดด้วยอีกคน สุดท้ายคุณลุงขอให้ฉันโทรคุยกับลูกสาวคุณลุงที่ต่างประเทศ ฉันก็ปฏิเสธทันที เป็นอีเมล์ได้ป่ะคุณลุง โทรไปยุโรปมันแพงนะ…คุณลุงก็หา! อีอะไรนะ (ผ่าง!) สลับกับการพูดเรื่องตั๋วเครื่องบิน คุณลุงบอกว่าอธิษฐานเผื่อเรื่องที่ดินด้วยนะ ฉันก็รับปากว่า คะ คะ คะ เวลานั้นคุยกับคุณลุงจนเหนื่อย ประกอบกับต้องการรีบกลับไปทำธุระ จึงบอกคุณลุงว่า คุณลุงโทรไปตามเบอร์ที่ให้ละกัน ไปละนะ หนูรีบค่ะ บ้ายบ่าย!!! คุณลุงตะโกนไล่หลังมาว่า อธิษฐานเผื่อลุงด้วยนะ อธิษฐานเผื่อที่ดินด้วย
ครั้งที่ 3 ติดๆ กันเลยคะพี่น้อง ขณะที่กำลังจะกลับบ้าน พี่สาวอีกคนหนึ่งก็เข้ามาคุยด้วย เธอเปิดเผยถึงเรื่องราวบางอย่างที่บ้านให้ฟัง เธออยากให้ฉันอธิษฐานเผื่อ เธอเล่าไปได้หน่อยหนึ่ง ก็มีบางอย่างมาขัดจังหวะ ฉันจึงถือโอกาส ลาแล้วนะคะพี่ น้องมีธุระต้องรีบกลับบ้านค่ะ (แป่ว)
ขณะขึ้นรถกลับบ้าน ภาพเหตุการณ์ทั้ง 3 ได้ผุดขึ้นมา ฉันต้องร้องทูลต่อพระเจ้า ขอการยกโทษจากพระองค์ ที่ฉันได้ปฏิเสธพระองค์ถึง 3 ครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน เป็นความสะเทือนใจเหลือเกินสำหรับลูกของพระเจ้าที่ปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นนั้น จริงอยู่ที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า “ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง เพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป” [มธ.24:12] โอ้พระองค์เจ้าข้า จะมิเป็นเช่นนั้นในลูกของพระองค์เลย
ฉันรู้สึกว่าตนเองพลาดจากพระบัญญัติข้อใหญ่ของพระองค์ ฉันมีความรักน้อยเหลือเกิน ฉันรักพระองค์น้อยเกินไป และรักผู้อื่นน้อยเกินไปเช่นกัน ฉันจำเป็นอย่างยิ่งต้องขอรับการเติมเต็มจากพระองค์ หลังจากทำธุระเรียบร้อยแล้ว ฉันก็เข้าเฝ้าพระเจ้าอย่างเร่งด่วน จำนนอยู่จำเพาะพระพักตร์พระองค์ เพราะความรักของพระองค์ยิ่งใหญ่ที่สุด ฉันขอที่จะรักพระองค์มากกว่าเดิม ขอความรักจากพระองค์ท่วมทะลักอยู่ในหัวใจของฉัน จนไม่อาจเก็บเอาไว้ แต่ให้ไหลล้นออกไปยังทุกคนรอบข้าง ให้สมกับความรักของพระองค์ที่ทรงมอบให้กับฉัน
[ยน.14:15]
"ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา”
เมื่อกลับใจแล้ว ก็ต้องแก้ตัวด้วย สำหรับรายแรกนั้น ฉันคงไม่ได้พบเขาอีก ก็อธิษฐานอวยพรเขา สำหรับรายที่ 2 และ 3 นั้น เกี่ยวเนื่องกับการรีบกลับบ้านของฉัน ซึ่งการรีบกลับบ้านไม่ใช่สิ่งผิด แต่ท่าทีในใจของฉันนั้นผิดต่อพี่น้อง เนื่องจากฉันคิดถึงแต่ตัวเองฝ่ายเดียว วันนี้จึงโทรไปขอโทษคุณลุง และสอบถามว่าคุณลุงจะไปเมืองไหน คุณลุงบอกว่าไม่รู้ (อ้าว!) อืม ก็ต้องโทรไปคุยกับลูกสาวคุณลุงนะ แต่เนื่องจากคุณลุงอยู่นอกบ้าน ไม่สะดวกที่จะให้เบอร์โทรศัพท์ ประกอบกับงานเข้าตลอดทั้งวัน วันนี้จึงยังไม่ได้คุยกับลูกสาวคุณลุงเลย แต่ฉันก็ตั้งใจว่าจะรับใช้คุณลุงให้ถึงที่สุด จนกว่าจะได้บทสรุปเรื่องตั๋วเครื่องบิน แต่เอ๊ะ เรื่องที่ดินนั้นคืออะไร ก็คงต้องไปคุยกับคุณลุงอีกนั่นแหละ สำหรับรายที่ 3 วันนี้ฉันก็ได้โทรไปหาเธอ ซึ่งเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากในรายละเอียด เพราะบางสิ่งนั้นต้องนั่งลงคุยกันเป็นการส่วนตัว แต่เราก็อธิษฐานเผื่อกันและกัน จนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่พระเจ้าอนุญาตให้เรานั่งลงเพื่อใช้เวลาร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
[ยน.13:17]
“เมื่อท่านรู้ดังนี้แล้วและท่านประพฤติตาม ท่านก็เป็นสุข”
ขอบคุณพระเจ้า!

ไม่มีความคิดเห็น: