Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เราจะอยู่กับเจ้า

วันที่ 19/7/2011

มีใครบ้างไหมที่สัญญากับคุณว่าจะอยู่กับคุณตลอดไป บางคนอาจตอบว่า “มี” แต่มีใครบ้างไหมที่ทำตามสัญญาเช่นว่านั้นได้ตลอด แน่นอนที่คำตอบคือ “ไม่มี”

ฮาเลลูยา! มีท่านผู้หนึ่งที่สัญญากับเราว่า “เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไปจนกว่าจะสิ้นยุค” (มธ.28:20) และท่านกระทำตามสัญญาเช่นว่านั้นได้ สัญญาดังกล่าวถือเป็นพระสัญญาข้อโปรดของฉันเลยทีเดียว อ่านทีไร ได้ยินทีไร นึกถึงทีไรก็หนุนใจทุกที

บางครั้งเมื่อประสบกับภาวะการทำงานที่ยากลำบากหรือมีอุปสรรคบางประการหรือหลายประการ ก็ทำให้ท้อแท้ชิมิ? เวลามีงานสักชิ้นเข้ามาเนี่ยก็ต้องร้องโอ้โห! “งานเข้า!” แต่ไม่ยักมีปัจจัยช่วยเหลือเข้ามาแฮะ ทำไมเป็นอย่างนั้นละ?

การทำงานประจำวันในฐานะพนักงานบริษัทนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ยากซะทีเดียว เพราะมีปัจจัยเบื้องต้นที่เกื้อหนุนการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ที่เรียกกันว่า 4 M หรือ ทฤษฏีทางเศรษฐกิจร่วมกับทฤษฏีทางการบริหารการผลิต คือ Man, Money, Material, Management (คน, เงิน, เครื่องมือ อุปกรณ์ สถานที่ และทรัพยากรอื่นๆนอกเหนือจากที่กล่าวมา, การจัดการ) กล่าวคือ มีงบประมาณให้ มีแผนงานสั่งตรงมาจากบริษัท มีผู้บังคับบัญชาคอยให้คำปรึกษา มีเพื่อนร่วมงานคอยให้การสนับสนุน มีลูกน้องคอยช่วยแบ่งเบาภาระ มีเครื่องมืออุปกรณ์ให้ เป็นต้น ซึ่งเป็นธรรมดาของการทำงานในโลกธุรกิจหรืองานในฝ่ายโลกทั่วไป ทว่า การทำงานรับใช้พระเจ้านั้นมีความแตกต่างกันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เพราะในหลายครั้ง เงินก็ไม่มี แผนงานก็ไม่มี ทีมงานก็ไม่มี เครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่มี(แง แง แง) ทำไมนะ พระเจ้าให้ทำงานรับใช้พระองค์ แต่พระองค์ไม่ทรงเตรียมอะไรให้เลย ก็ไหนทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียมไม่ใช่หรือ? ช่างขัดแย้งกับพระคัมภีร์ซะจริงเชียว “พระสัญญาของพระองค์เป็นจริงทุกประการ ไม่เคยล้มเหลวแม้แต่คำเดียว” มิใช่หรือ ดังนั้น ต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่เลย (ในส่วนที่เกี่ยวกับเรานะ ไม่เกี่ยวกับพระเจ้า) หรือไม่ก็มีเหตุผลบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ ซึ่งเราไม่รู้ (ส่วนนี้เป็นกิจของพระเจ้าที่จะทรงกระทำ)

งานใหญ่ประการหนึ่งของกษัตริย์ซาโลมอน คือ การสร้างพระวิหารถวายพระเจ้า ซึ่งกษัตริย์ดาวิด พระบิดา ได้ทรงจัดเตรียมแผนงาน เงินทอง เครื่องมือ อุปกรณ์ ตลอดจนช่างผู้ชำนาญในสาขาต่างๆ ไว้ให้ ชนิดที่ว่า “จัดเต็ม” โอ้ว!!! ซาโลมอน คร้าบ ช่างดีอะไรเช่นนี้ ขอแอบอิจฉาหน่อยนะคะ บวกกับความน้อยใจ เอ๋ พอเป็นเรา ไหงไม่มีใครเตรียมอะไรไว้ให้เลย?

ที่กล่าวมานั้นเป็นการตัดพ้อต้อว่าพระเจ้า ซึ่งก็ผิดมหันต์เต็มทีที่เราไม่เข้าใจพระลักษณะของพระองค์ หากกลับไปอ่านพระคัมภีร์อีกครั้งหนึ่งอย่างตั้งใจ อ่านไปเพียงไม่กี่บทกี่ตอน เราก็จะพบความสัตย์ซื่อของพระองค์ที่หาใดเทียบเทียม พระองค์ไม่ใช่เพียงพระเจ้าที่ทำให้มนุษย์สบายใจเหมือนที่หลายคนกล่าวถึงเท่านั้น หากพระองค์เองเป็นพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ คือ มีฤทธิ์มากเกินกว่าที่จะกล่าวถึงหรือคิดได้ทั้งหมด สิ่งที่พระองค์ตรัสจึงเป็นจริงทุกประการอย่างแน่แท้ที่สุด

เมื่อวิเคราะห์เพียงส่วนท้ายของพระธรรมมัทธิว 28:20 สิ่งที่พระองค์ตรัสว่า “เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไปจนกว่าจะสิ้นยุค”จึงพบความหมายมากมายเกินบรรยาย แต่ก็ขอบรรยายในมุมมองที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งแห่งความอัศจรรย์ของพระสัญญานี้เท่านั้น เนื่องจากฉันไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด ด้วยสติปัญญาและความรู้ที่จำกัด

การเดินกับพระเจ้าในแต่ละวันนั้นอัศจรรย์และตื่นเต้นอย่างยิ่ง ในความธรรมดาที่ไม่ธรรมดานี่แหละ คือการอัศจรรย์ที่ยากจะบรรยาย ในพระกิตติคุณกล่าวถึงตั้งแต่ก่อนที่พระเยซูจะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ จนกระทั่งค่อยๆ เติบโต และเริ่มพระราชกิจของพระองค์บนโลกนี้ ถึงการตรึงตายที่ไม้กางเขน ตลอดจนการฟื้นคืนพระชนม์ ราชกิจก่อนเสด็จกลับสู่สวรรค์ ราชกิจเมื่อทรงอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า

พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าอย่างที่ทรงเป็น อย่างที่ทรงตรัสว่า “เราเป็น” องค์เยโฮวาห์ยิเรห์จึงทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียมอย่างแท้จริง เป็นสิ่งอัศจรรย์ที่สุดที่ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงอยู่กับเราตั้งแต่ก่อนก่อร่างสร้างโลก ก่อนเราเกิด ทรงกำหนดแน่นอนอย่างไม่ผิดพลาดว่าผู้ใดจะเป็นพ่อเป็นแม่เรา ทรงจัดวางอย่างไม่ผิดพลาดว่าเราจะเกิดเป็นชนชาติใด ภาษาใด ทรงจับตาดูเราอยู่ในแต่ละย่างก้าวของชีวิต ทรงนับแม้กระทั่งเส้นผมหรือลมหายใจเข้าออกของเรา ทรงเก็บน้ำตาที่ไหลรินแต่ละหยดของเราอย่างใส่พระทัย หากฉันบรรยายต่อไป บรรยายอย่างไรก็ไม่หมดว่าพระองค์ทรงดีต่อเราเพียงใด รู้เพียงว่า ในบางครั้งที่แม้จะรู้สึกว่าก้าวผ่านบางชั่วโมงด้วยความยากลำบาก พระเจ้าก็ทรงจับตาดูเราอยู่ พระองค์ทรงรักเราและปรารถนาที่จะเทพระพรอันอุดมลงสู่ชีวิตของเรา ทรงให้เรานมัสการพระองค์ เพื่อพระพรที่ไม่ยั้งหยุดจะไหลหลั่งลงมาอย่างชื่นใจ ทรงให้เรารับใช้พระองค์ เพื่อให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จในชีวิตของเรา เพื่อบำเหน็จที่ไม่มีวันร่วงโรยซึ่งพระองค์ได้ทรงเตรียมไว้เพื่อเรา ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่รับใช้พระองค์ตามการทรงนำของพระองค์ เราก็จะไม่ขาดแคลนสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นทีมงาน งบประมาณ แผนงาน และอื่นๆ

พระเจ้าผู้ทรงเริ่มต้นการดีแล้ว พระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ พระองค์กระทำให้สำเร็จผ่านเรา การที่พระองค์มีพระมหาบัญชาให้กับเรานั้น พระองค์มิได้สั่งแล้วสั่งเลย หากทรงจัดเตรียมปัจจัยอันแสนวิเศษมากมายไว้ให้แก่เรา

หากกล่าวถึงด้านคนหรือทีมงาน ความจริงคือ ไม่มีใครอยู่กับใครได้ตลอดชีวิต และการทรงเรียกของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน พระเจ้าอาจจะนำคนบางคนเข้ามาในชีวิตเรา เพื่อให้ร่วมงานกับเราในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วก็จากไปเพื่อทำในส่วนของเขา ส่วนเราก็ทำในส่วนของเรา ทว่า พระเจ้าทรงบอกวิธีเตรียมทีมงานด้วยการอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนาให้ส่งคนงานลงมา เมื่อเราอ้อนวอนอธิษฐาน พระวิญญาณก็จะทรงดลใจและนำใครบางคนที่มีนิมิตเดียวกันเข้ามาในชีวิตของเรา

หากกล่าวถึงด้านเงินหรืองบประมาณ ความจริงคือ พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้าง ทั้งคลังทรัพย์ของพระองค์นั้นบริบูรณ์เป็นอันมาก พระองค์ย่อมไม่หวงสิ่งดีอันใดไว้สำหรับคนที่รักพระองค์ เรื่องเงินจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพระองค์ เมื่อมีพระองค์ก็มีทุกสิ่งจริงๆ หลายครั้งที่เมื่อต้องการงบประมาณสำหรับบางเรื่องที่พิเศษออกไป พระเจ้าก็ทรงมีวิถีทางที่เราคิดไม่ถึง และหลายครั้งเช่นกันที่คำอ้อนวอนของเราได้แตะต้องพระทัยพระองค์ การดลใจจึงเกิดขึ้นถึงใครบางคนที่มีของประทานในการถวายซึ่งอาจจะอยู่คนละมุมโลกกับเรา ให้เกิดภาระใจในการถวายอย่างเต็มใจ

หากกล่าวถึงด้านอุปกรณ์เครื่องมือ ความจริงคือ พระเจ้าทรงมอบแผนที่ชีวิตให้กับเรา ที่เป็นมากยิ่งกว่าอุปกรณ์ซะอีก สิ่งนั้นคือ พระคัมภีร์ เมื่อเราค้นดูอย่างตั้งใจในแต่ละบทแต่ละตอน และเลือกหยิบใช้อุปกรณ์ฝ่ายวิญญาณชิ้นนี้ด้วยใจอธิษฐาน โอ้โห! พี่น้องคะ เครื่องมือใดๆ ในโลกนี้ก็แทบจะเล็กน้อยลงไปเลยเชียว

หากกล่าวถึงด้านแผนงานน่ะหรือ ความจริงคือ พระเจ้าทรงประทานสติปัญญาให้เราคิดและวางแผนงานตามสถานการณ์ เมื่อเราทูลขอสติปัญญาจากพระองค์ คำว่าจนปัญญาจึงไม่มีสำหรับคนที่รักพระองค์เช่นกัน ทั้งในพระคัมภีร์เอง พระเจ้าก็ทรงให้แบบอย่างของนักวางแผนและนักปฏิบัติมากมายให้กับเรา

มิเพียงเท่านั้น พระเยซูยังทำให้เราดูอีกต่างหาก ทรงเป็นพระอาจารย์ เป็นแบบอย่างให้กับเราในทุกเรื่อง ขอย้ำอีกครั้งว่าในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการนมัสการ การอธิษฐาน การประกาศ การสั่งสอนเทศนา การปฏิบัติต่อคนในทุกชนชั้น และแบบอย่างอีกมากมาย ทั้งยังตรัสด้วยว่า “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดี ทรงมอบไว้แก่เราแล้ว” (มธ.28:18) ว้าว! เมื่อถึงตรงนี้แล้วก็ยิ่งเห็นพระปัญญาอันเลิศล้ำของพระองค์ในฐานะจอมเจ้านาย พระองค์ทรงมอบสิทธิอำนาจให้กับผู้ทาสอย่างเราก่อน จากนั้น จึงทรงมีพระมหาบัญชาให้กับเรา “เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ (มธ.28:19-20ก) พระมหาบัญชาของพระองค์นั้น ทรงแจ้งรายการพันธกิจในการสร้างสาวกจากมวลประชาชาติไว้เป็นขั้นตอน คือ (1) ออกไป (2) ให้เขารับบัพติศมา (3) สอนเขาให้เชื่อฟังทุกสิ่งที่พระคริสต์ทรงสั่งไว้

ยิ่งไปกว่านั้น พระเยซูยังทรงอยู่กับเราเสมอ ดังที่ทรงตรัสว่า “เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค” (มธ.28:20ข) เป็นถ้อยคำจากพระเยซูผู้ทรงฤทธิ์ที่ให้ความมั่นใจและมีฤทธิ์เดชของพระองค์แก่เรา พระองค์ไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเตรียมอะไรให้กับเราในการทำพันธกิจของพระองค์ ไม่ได้ทรงเตรียมทรัพย์ไว้ให้เรา ไม่ได้ทรงเตรียมทีมงานไว้ให้เรา ไม่ได้เตรียมแผนการไว้ให้เรา แต่ทรงมอบกุญแจแผ่นดินสวรรค์ไว้ให้กับเรา เพื่อให้ได้มาซึ่งทุกสิ่งที่จำเป็นทั้งสำหรับเราและสำหรับผู้อื่น ทรงมอบกุญแจเพื่อให้เราไขประตูแห่งแผ่นดินสวรรค์

พระเยซูผู้ซึ่งประทานพระองค์เองให้กับเรา ผู้ซึ่งบังเกิดเป็นมนุษย์ ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์ ผู้ซึ่งทรงพระชนม์ และผู้ซึ่งจะเสด็จมา พระเยซูผู้นี้ทรงอยู่กับเราเสมอไป ไม่ใช่เพียงแค่สิ้นลมหายใจ แต่ตลอดไป จนกว่าจะสิ้นยุค!

ไม่มีความคิดเห็น: