Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทเรียนจากน้องหมา

วันที่ 14/8/2011

ระหว่างวันที่ 12-13 สิงหาคมที่ผ่านมา ชาวนิมิตใหม่ส่วนหนึ่งได้เข้าร่วมค่ายอธิษฐานที่อัมพวา เรามีบทเรียนฝ่ายวิญญาณและกิจกรรมมากมายตั้งแต่เช้าจรดดึก ยามค่ำคืนเวลานิทรา พวกเราหลายคนจึงหลับสนิท ฉันพักห้องเดียวกับครูแมม เมื่อถึงที่พักครูแมมก็จัดการอาบน้ำอาบท่าราตรีสวัสดิ์ไปก่อนซะแล้ว…คร่อก!

กลางดึก ณ รีสอร์ทริมน้ำแม่กลอง ควรจะเงียบสงัด หรือหากมีเสียงบ้างก็ควรจะเป็นแมลง จิ้งหรีดเรไร หรือนกกลางคืน ซึ่งสิ่งที่กล่าวไปแล้วนั้นมันก็มีอยู่หรอก แต่ฉันตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอันไม่พึงประสงค์ของน้องหมาฝูงใหญ่ เห่าเสียงดังรับส่งกันไปมา บางครั้งก็เป็นเสียงแบบเห่าตัวเดียว บางครั้งก็เป็นเหมือนเสียงหมาหมู่ (ฮา) ซึ่งฉันแยกไม่ออกหรอกว่ามันเห่าเพราะอะไร แต่ครูแมมบอกตอนเช้าว่า มันไม่น่าจะเห่าเพราะว่าทะเลาะกันหรอก

พี่น้องบางท่านจะมีความสามารถพิเศษในการแยกเสียงสัตว์ได้ เช่น พี่เต็ม พี่สาวที่โบสถ์เรานี่เอง พี่เต็มสามารถแยกเสียงแมวร้องได้ชนิดขั้นเทพ เธอระบุเสียงได้ว่า แมวร้องเพราะหิว ร้องเพราะขี้อ้อน ร้องหาคู่ หรือร้องเพราะโดนเหยียบหาง!

รีสอร์ทที่เราไปพักนั้นชื่อว่าบ้านแสงจันทร์ และบ้านเรือนไม้หลังเล็กแต่ละหลังก็จะมีชื่อที่ลงท้ายว่าจันทร์ เช่น บ้านที่ครูแมมกับฉันพัก ชื่อว่า บ้านชิดจันทร์ แต่ฉันแอบเปลี่ยนชื่อเป็น “บ้านชิดหมา” ก็บ้านเราเป็นบ้านหลังแรกที่ติดถนน จึงได้รับสิทธิพิเศษในการฟังเสียงน้องหมาแบบใกล้ชิด ชิดหมา

ฉันแยกเสียงน้องหมาไม่ออกหรอก แต่ว่าเมื่อเหล่าหมู่หมาเห่าแบบจัดเต็มขนาดนั้น ใครจะไปทนนอนอยู่ได้ เพลียจะแย่ เห่ากันอยู่นั่นแหละ เห่านานซะด้วย คิดว่ามากกว่าครึ่งชั่วโมง ทำยังไงกับมันดีนะ ฉันเอามืออุดหูไปสักพักหนึ่ง ก็ไม่ช่วยอะไรเลย ครูแมมลุกขึ้นจากเตียง ฉันกะว่าครูแมมอาจจะไปจัดการกับหมาน่ะ แต่ครูแมมลุกมาดูนาฬิกาและเดินเข้าห้องน้ำ และกลับมานอนตามปกติ ฉันไม่รู้หรอกว่าครูแมมทำยังไง แต่สักพัก ก็มีสัญญาณบ่งบอกว่าครูแมมหลับสบายแฮไปแล้ว

ครูแมมชิงหลับไปซะแล้ว ฉันจึงอธิษฐานอยู่ในใจ แต่เอ๊ะ! อธิษฐานยังไงดี ตอนแรกคิดในใจว่าจะอธิษฐานขอให้ฑูตสวรรค์ปิดปากหมา แต่นั่นเป็นฉันคนเก่า และถ้าเป็นฉันคนเก่ากว่าที่ยังไม่รู้จักพระเยซูละก็ เจ้าหมาหมู่พวกนั้นคงได้กินไม้หน้าสามยามค่ำคืนเป็นแน่

ครั้งนี้ฉันกลับนึกถึงบรรดาผู้รับใช้มากมาย โดยเฉพาะมิชชันนารีที่อยู่ห่างไกล บางคนก็อยู่ในประเทศที่เมื่อเราได้ยินชื่อแล้วก็ต้องเกาหัวแหงกๆ ว่า “มีชื่อประเทศนี้อยู่ในโลกด้วยหรือนี่?” ผู้รับใช้พระเจ้าแต่ละคนอาจจะหลับๆ ตื่นๆ อยู่ตลอดคืน เนื่องจากความไม่ปลอดภัยในสถานที่อยู่ บางคนอาจจะหลับลงท่ามกลางเสียงปืนและไฟสงคราม บางคนอาจจะหลับลงท่ามกลางเสียงร้องของคนยากจนและเจ็บป่วย บางคนอาจจะหลับลงไปโดยไม่แน่ใจว่าจะสามารถมีชีวิตรอดอยู่เพื่อเห็นแสงตะวันของอีกอรุณรุ่งหนึ่งได้หรือไม่ บางคนหลับลงด้วยความหนาวจับขั้ว บ้างก็หลับลงด้วยความเหงาลึกจับใจ บ้างก็หลับลงด้วยอากาศที่ร้อนระอุจับจิต และมีอีกมากมายหลายคนที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอนเป็นหลักแหล่ง และมีอีกหลายคนที่อาจจะไม่ได้นอนในยามค่ำคืนด้วยซ้ำไป…คิดได้ดังนั้นแล้ว ฉันก็ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงให้ฉันนอนหลับอาศัยอยู่ในที่ปลอดภัย อยู่ใกล้ๆ คุณแม่ฝ่ายวิญญาณที่ฉันรัก ฉันอธิษฐานขอให้ทุกคนได้หลับอย่างสันติในทุกค่ำคืน

รุ่งเช้าของอีกวัน หัวข้อน้องหมาถูกหยิบยกมาถกก่อนเรื่องอื่น ครูแมมเล่าให้ฟังว่าตื่นมาเพราะเสียงน้องหมา จึงลุกขึ้นมาดูนาฬิกาพบว่าเป็นเวลาตีสาม ครูแมมจัดการกับน้องหมาโดยคิดว่าเป็นเสียงดนตรี เสียงกลอง และพระเจ้าก็ทรงสนองตอบนิสัยคิดบวกนี้ เพราะเจ้าอึ่งอ่างก็พากันร้องขึ้นขานรับ ครูแมมจึงหลับลงด้วยทำนองขับกล่อมจากธรรมชาติของพระผู้สร้าง

“ถ้าเจ้านั่ง เจ้าจะไม่กลัว เมื่อเจ้านอน ก็จะหลับไปอย่างผาสุขสดชื่น” [สภษ.3:24]

ไม่มีความคิดเห็น: