Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

นอน

นอน
วันที่ 31/8/2009

“ถ้ามีเวลาเพิ่มขึ้นหนึ่งชั่วโมง คุณจะใช้ทำอะไร” …ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ไม่ต้องคิดเองคะพี่น้อง หนังสือรีดเดอร์สไดเจสท์ ฉบับเดือนมิถุนายน 2552 ได้ระบุไว้ในคอลัมน์รอบโลกกับ 1 คำถามดังกล่าว ผลก็คือ หากวันหนึ่งมี 25 ชั่วโมงนั้น หลายคนยอมรับว่าอยากอยู่กับครอบครัวมากขึ้น โดยชาวสเปนครึ่งหนึ่งยินดีอุทิศเวลาให้แก่บุคคลใกล้ชิดผู้เป็นที่รัก จนได้คะแนนนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยชาวบราซิล แคนาดาและอังกฤษ มีเพียงชาวอินเดียที่อยากอุทิศเวลาที่เพิ่มขึ้นให้กับงานเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนชาวไทยเทคะแนนให้แก่การนอนเป็นอันดับหนึ่ง (ฮา) ตามด้วยการทำงาน
อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงกำหนดแต่ละวันไว้แล้ว ใน 1 วัน มี 24 ชั่วโมง ดังนั้น การจะมีเวลาเพิ่มขึ้นอีก 1 ชั่วโมง เป็น 25 ชั่วโมง ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่เราก็สามารถมีเวลาเพิ่มขึ้น 1 ชั่วโมง โดยที่วันหนึ่งยังคงมี 24 ชั่วโมง เหมือนเดิมได้ ซึ่งเป็นความท้าทายของเราที่จะต้องบริหารเวลา 24 ชั่วโมงนี้ ให้มีคุณภาพมากที่สุด
มีผู้กล่าวและแนะนำไว้ว่า ควรแบ่งเวลาออกเป็น 3 ส่วน สำหรับทำงาน 8 ชั่วโมง นอน 8 ชั่วโมง เวลาส่วนตัวและครอบครัวอีก 8 ชั่วโมง ซึ่งหากยึดกฎเกณฑ์ดังนี้แล้ว แต่ต้องทำงานเกินกว่า 8 ชั่วโมงล่ะ ก็อาจต้องกินเวลานอน เวลาส่วนตัวและครอบครัวไป และถ้าเวลาส่วนตัวและครอบครัวต้องไปติดอยู่บนถนนอีกวันละ 2-3 ชั่วโมงล่ะ ก็อาจต้องกินเวลานอน และเวลาทำงานไป (อ้าว…แป่ว) คิดไปแล้วก็ปวดหัวจริงเชียว เอาเป็นว่า แต่ละคนมีภารกิจและความจำเป็นไม่เหมือนกัน การบริหารเวลาย่อมไม่เหมือนกันนั่นเอง แต่ยังไง ยังไง ก็ขอหนุนใจให้ทุกคนนอนและพักผ่อนอย่างเพียงพอนะคะ และที่สำคัญคือ ได้มีเวลาดื่มด่ำเต็มอิ่มกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัวในทุกๆ วันด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันต้องทำงานวันละกว่า 8 ชั่วโมง ติดต่อกันหลายวัน ทำให้นอนดึก ในขณะที่ต้องตื่นเวลาเดิม ทั้งยังไม่ได้ลดกิจกรรมอื่นๆ ลง จึงเกิดอาการอ่อนเพลีย แม้ใจยังสู้อยู่ แต่ก็ไม่ไหวแล้วคะ ป่วยอีกรอบ และคราวนี้คุณเธอหยุดงาน 5 วันรวด จันทร์ถึงศุกร์ การนอนป่วยอยู่บ้านครั้งนี้จึงไม่มีความสุข เพราะเป็นห่วงงาน
นับจากวันแรกของการป่วยเป็นต้นมา อาการของฉันแย่ลงตามลำดับ แค่เดินจากห้องพักไปที่ลิฟต์ก็เป็นเรื่องยากซะแล้ว แต่ในวันที่ 3 ของการป่วย อาการดีขึ้นนิดหน่อย พยุงตัวเองได้แล้ว จึงไปหาหมอสักนิด หมอก็วินิจฉันว่าเป็นไข้หวัด และคออักเสบ หมอแนะนำว่าควรหยุดอยู่บ้าน อย่าออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น เพราะเห็นแก่ผู้อื่น เดี๋ยวคนอื่นจะมาติดเชื้อจากฉัน แม้แต่หมอเอง เมื่อตรวจชีพจรฉันเสร็จ หมอก็รีบล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทันที ฉันจึงรู้ตัวตอนนั้นเองว่า ฉันน่ากลัวมาก (บรื้อ!) และแล้วก็เกิดภาระใจที่ต้องอธิษฐานเผื่อบรรดาหมอ พยาบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับผู้ป่วย ขอพระเจ้าดูแลปกป้องเธอและเขาด้วย ให้มีกำลัง มีสติปัญญา มีพลานามัยที่สมบูรณ์ และมีจิตใจที่ร่าเริงชื่นชมยินดี
ในช่วง 3 วันแรกของการป่วย กำลังใจยังดีอยู่ ก็ไม่รู้สึกอะไรมาก แต่พอเริ่มเข้าสู่วันที่ 4 ก็เริ่มท้อแท้ เสบียงก็เริ่มหมด กองทัพต้องเดินด้วยท้องซะด้วยสิ “โอ พระเจ้าค่ะ ป่วย 4 วันแล้วนะ มันมากเกินไปหรือเปล่าคะเนี่ย องค์เยโฮวาห์รัฟฟาของลูกอยู่ที่ไหน” แต่ฉันก็กินยาอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นก็นอน แล้วก็นอน
วันที่ 5 ของการป่วย พี่อ้อยมาเยี่ยม พร้อมด้วยเสบียงกรังเพื่อเตรียมรบกับข้าศึก (เชื้อโรค) พี่อ้อยอธิษฐานเผื่อ และหนุนใจให้พักผ่อนมากๆ ไม่ต้องรู้สึกผิดที่หยุดงานหลายวัน ไม่ต้องห่วงงาน วางใจพระเจ้า พระองค์จะทรงผดุงไว้ “การนอนเป็นการรับใช้พระเจ้า” ว้าว! กิ๊บเก๋จริงๆ เลยคำนี้ เป็นความรู้ใหม่นะเนี่ย พี่อ้อยก็บอกว่า เป็นความจริง เพราะร่างกายของเราคือพระวิหารของพระเจ้า การดูแลตัวเองจึงเป็นการรับใช้พระเจ้า การนอนก็เป็นการรับใช้พระเจ้า เป็นการเสริมกำลังให้กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งอยู่ภายในเรา
ฉันขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องหลายท่านที่ได้อธิษฐานเผื่อ บ้างก็ส่งข้อความ หรือส่งเสียงมาให้กำลังใจ แม้บางสายจะไม่ได้รับ แต่ก็ซึ้งใจเสมอ บ้างก็แวะมาเยี่ยมเยียนด้วย ขอบำเหน็จบนสวรรค์จงเป็นของพี่น้องทุกท่าน [มธ.25:40 "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย"]
วันที่ 6 ของการป่วย เป็นวันเสาร์แล้วสินะ พี่น้องหลายคนไปสามัคคีธรรมกันถึง YWCA ชลบุรีแน่ะ แต่ฉันต้องนอนป่วยอยู่คนเดียว อะไรกันนี่ “พระเจ้าคะ ลูกรู้สึกน้อยใจยิ่งนัก” ฉันระบายความในใจให้พระองค์ฟัง แต่ถึงแม้ฉันไม่พูด พระองค์ก็ทรงรู้ความคิดของฉันอยู่ดี แต่ฉันก็ขอบอกกับพระองค์ เพราะฉันเป็นคนชอบเล่าเรื่องอยู่แล้ว และก็ดูเหมือนว่าการได้พูดออกไปนั้น เป็นการเยียวยาไปในตัว เปิดโอกาสให้พระวิญญาณเริ่มทำงานแข่งกับอ้ายซาตานอย่างแข็งขัน และแล้วพระเจ้าก็ทรงใส่หัวใจใหม่ให้ฉันได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้คนมากมายที่เขาต้องอยู่คนเดียว ผู้คนมากมายที่ขาดการเอาใจใส่เหลียวแล ผู้คนมากมายที่ด้อยโอกาส ผู้คนมากมายที่ป่วยเจียนตายอยู่เพียงลำพังนานนับเดือนปี โอ! พระองค์เจ้าข้า สิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกนั้นไม่ติดฝุ่นเศษเสี้ยวของการทนทุกข์แห่งองค์พระเยซู และอัครสาวก รวมถึงบรรดามิชชันนารี และผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อทั้งหลายของพระองค์เลย จากนั้นฉันก็ต้องรีบกลับใจโดยเร็วพลัน เปลี่ยนจากการคร่ำครวญเพื่อตัวเองเป็นการวิงวอนเพื่อผู้อื่นอีกครั้งหนึ่ง [อสค.36:26 เราจะให้ใจใหม่แก่เจ้าและเราจะบรรจุจิตวิญญาณใหม่ไว้ในเจ้า เราจะนำใจหินออกไปเสียจากเนื้อของเจ้า และให้ใจเนื้อแก่เจ้า]
ตลอดวันที่ 6 จึงเป็นวันที่ได้ดื่มด่ำกับพระคำของพระเจ้า ได้ปิติยินดีเป็นอันมากในพระบัญญัติของพระองค์ และในค่ำคืนของวันที่ 6 ก็เกิดความท้าทายแบบใหม่ เป็นความหวังใจและเชื่อมั่นว่าถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงรักษา ก่อนหลับตาลง ฉันร้องเรียกพระองค์ องค์พระเยซู องค์เยโฮวาห์รัฟฟา…อัศจรรย์!!! พระวจนะของพระองค์รักษาฉันไว้ ยามดึกตื่นมาพร้อมกับอาการโล่งที่คอและหายใจสะดวกขึ้น สรรเสริญพระเจ้าที่ปีกของพระองค์หอบรักษาโรคภัย [สดด.41:3 เมื่อเขานอนเจ็บ พระเจ้าทรงค้ำจุนเขา เมื่อเขาป่วยไข้พระองค์ทรงรักษาความเจ็บไข้ทั้งสิ้นของเขาให้หาย]
เช้าวันที่ 7 ของการป่วย วันอาทิตย์แล้วสินะ วันสะปาโต ฝนตกหนักแต่เช้าเลย อาการป่วยทุเลาแล้ว แต่ก็ยังไม่หายดี วันนี้จึงไม่ได้ไปนมัสการที่โบสถ์ ทำได้เพียงนมัสการอยู่คนเดียวที่บ้าน อธิษฐาน อ่านพระคำ ดูทีวี อ่านหนังสือ และก็นอน พอตกเย็น พี่อิ๋วกับพี่น้อยก็มาเยี่ยม จึงได้นมัสการพระเจ้าร่วมกัน อันว่าการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าคนเดียวก็ดีอยู่หรอก แต่การได้นมัสการร่วมกับพี่น้องก็วิเศษมาก มีชีวิตชีวา น่าประทับใจมากกว่าฟังเพลงจากเครื่อง MP3 หรือฟังเพลงจากศิลปินเอกเป็นไหนๆ นอกจากนั้น เรายังได้อธิษฐาน และแบ่งปันพระคำร่วมกันอีกด้วย
ขอบพระคุณพระเจ้าและขอบคุณพี่น้องทุกท่านอีกครั้ง ฉันอธิษฐานขอให้พี่น้องทุกท่านพักผ่อนอย่างสมดุลมีคุณภาพ กอปรไปด้วยจิตใจที่ยินดี จิตวิญญาณที่ปรีดา และร่างกายก็อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยด้วย (สดด.16:9) เพราะท่านคิดถึงพระองค์ขณะอยู่บนที่นอนและภาวนาถึงพระองค์ทุกๆ ยาม (สดด.63:6)

ไม่มีความคิดเห็น: