Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

พระเยซูผู้งามเลิศ

พระเยซูผู้งามเลิศ
วันที่ 18/9/2009

ในชั้นเรียน Alpha*** ที่คริสตจักรนิมิตใหม่ ราวกลางปี 2008 ได้มีการนำรูปหน้าคนลักษณะต่างๆ มาให้ทุกคนดู พร้อมกับตั้งคำถามว่า “คุณคิดว่าภาพไหนคือพระเยซู” แล้วคนส่วนใหญ่ก็จะชี้ไปที่รูปพระเยซูซึ่งเป็นภาพวาดที่เราเห็นอยู่ทั่วไป แต่ผิดถนัดเลยค่ะ เพราะคำตอบที่ถูกต้องสำหรับภาพพระเยซูคือ ชายผิวคล้ำผู้หนึ่งที่มีหนวดเครารกขรึ้ม หน้าตาดุดัน อาฮ้า! ช่างแตกต่างจากภาพในความคิดของฉันเสียลิบลับ (แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภาพที่ถูกต้องนั้นก็มิอาจกล่าวได้ว่าเป็นภาพพระเยซูเช่นกัน เพราะเป็นเพียงภาพวาดจากจินตนาการของจิตรกรผู้หนึ่งซึ่งได้รับการดลใจเป็นการส่วนตัวเท่านั้น)
เมื่อเรียนวิชาอิสยาห์กับอาจารย์มาร์ค แซนด์ลิน จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ได้รับรู้ว่าพระเยซูขณะเมื่อทรงอยู่ในโลกนี้นั้น มิได้ทรงสง่าราศีหรืองามเลิศจนเป็นที่สังเกตแต่อย่างใด แต่ตรงกันข้าม พระองค์ทรงเป็นเพียงกุมารน้อยที่เกิดจากหญิงพรหมจารีย์นามว่ามารีย์ พระองค์บังเกิดในคอกสัตว์ และบรรทมอยู่ในรางหญ้า พระองค์เติบโตมาเป็นเพียงลูกช่างไม้ชาวนาซาเร็ธ ครั้นเมื่อพระชนม์มายุได้ 30 ซึ่งพระองค์ทรงเริ่มพระราชกิจของพระองค์นั้น พระองค์ก็ยังคงเป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แม้แต่ยอห์นผู้ให้บัพติศมาก็ยังสงสัยว่าพระองค์เป็นพระคริสต์แน่หรือ จนกระทั่งศิษย์ของยอห์นเล่าพระราชกิจของพระเยซูให้ยอห์นฟัง และยอห์นก็ยิ่งเชื่อมั่นอย่างเต็มหัวใจเมื่อพระบิดาบนสวรรค์ทรงตรัสว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก” [มก.1:11 แล้วมีพระสุรเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ว่า "ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก"] บรรดาผู้ต่อต้านพระคริสต์ในสมัยนั้นก็ยิ่งไม่รู้จักพระเยซู ถึงกับต้องให้ยูดาสชี้ตัวพระเยซูด้วยจุบทรยศ [มธ.26:48 ผู้ที่จะอายัดพระองค์นั้นได้ให้อาณัติสัญญาณแก่เขาว่า "เราจะจุบคำนับผู้ใดก็เป็นผู้นั้นแหละ จงจับกุมเขาไว้"]
พระธรรมอิสยาห์ทำให้เราเห็นภาพขององค์พระเยซูมากขึ้นว่าพระองค์มิได้ทรงงดงามเลย [อสย.52:14-15 ด้วยคนเป็นอันมากตะลึงเพราะท่านฉันใด (หน้าตาของท่านเสียโฉมมาก เหลือที่จะเหมือนมนุษย์และรูปร่างของท่านก็เสียโฉมเหลือที่จะเหมือนบุตรของมนุษย์) ท่านก็จะกระทำให้บรรดาประชาชาติเป็นอันมากตกตะลึง {หรือ ประพรม} ฉันนั้น บรรดาพระราชาก็จะปิดพระโอษฐ์เพราะท่านนั้น เพราะเขาทั้งหลายจะเห็นสิ่งที่ไม่มีใครบอกเขา และเขาจะเข้าใจสิ่งซึ่งเขาไม่เคยได้ยิน] ถ้อยคำที่ว่าพระองค์จะ “ประพรมบรรดาประชาชาติเป็นอันมาก” นั้น ภายใต้พันธสัญญาเดิมปุโรหิตจะนำเลือดของสัตว์ที่ถวายแล้ว ประพรมพระวิหารและเครื่องใช้ในนั้น โดยการทำเช่นนั้น พวกเขาได้ชำระและทำให้สิ่งที่ได้รับการประพรมนั้นกลายเป็นสิ่งสะอาดบริสุทธิ์ ส่วนในพันธสัญญาใหม่ พระโลหิตของพระเมษโปดกจะทรงประพรมบรรดาประชาชาติมากมาย คนบาปอย่างเราจึงกลายเป็นคนสะอาดบริสุทธิ์โดยพระโลหิตของพระเมษโปดกนั้น
เมื่อระลึกถึงพระราชกิจของพระเยซูบนไม้กางเขน เราก็มิอาจบรรยายได้ว่า ความทุกข์ทรมานที่พระองค์ทรงรับแทนเรานั้น จะทำให้พระองค์เสียโฉมได้ถึงเพียงใด บางที พระองค์อาจจะทรงถูกทำร้ายร่างกาย จนกระทั่งพระกายเกรอะกรังไปด้วยเนื้อที่แหลกเหวะหวะ และพระโลหิตของพระองค์ก็ไหลรินรดแผ่นดินโลก ตั้งแต่พระเศียรของพระองค์จรดปลายพระบาท คงมิอาจบอกได้ว่านั่นคือมนุษย์ ทรงเสียโฉมยิ่งนัก ไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปเลย
แต่สำหรับสายพระเนตรของพระบิดาบนสวรรค์แล้ว พระเยซูทรงงามเลิศกว่ามนุษย์ทั้งปวง
1. พระองค์เป็นพระผู้ไถ่ซึ่งพระบิดาประทานให้กับคนบาปอย่างเรา [ยน.3:16]
2. พระองค์เกิดจากฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธ์ ในครรภ์ของหญิงพรหมจารีย์ ทาสีที่พระเจ้าโปรดปราน [ลก.1:26-38]
3. พระองค์ทรงเจริญวัยแข็งแรงขึ้น ประกอบด้วยสติปัญญาและพระคุณของพระเจ้าอยู่กับพระองค์ [ลก.2:40]
4. พระองค์ทรงกระทำตามน้ำพระทัยพระบิดา [ยน.6:38 เพราะว่าเราได้ลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อกระทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่เพื่อกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา]
5. พระองค์กระทำกิจซึ่งได้รับมอบหมายจากพระบิดาโดยสำเร็จและงดงาม จนกระทั่งถึงความมรณา [ยน.19:30 เมื่อพระเยซูทรงรับน้ำส้มองุ่นแล้ว พระองค์ตรัสว่า "สำเร็จแล้ว" และทรงก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์]
6. พระองค์ทรงเป็นขึ้น ทรงสถิตเบื้องขวาขององค์พระบิดา ทรงเหนือกว่าพระทั้งหลาย [อฟ.1:20-23 ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำในพระคริสต์ เมื่อทรงชุบให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย และให้สถิตเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในสวรรคสถาน สูงยิ่งเหนือบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เหนือเทพอาณาจักร และเหนือนามทั้งปวงที่เขาเอ่ยขึ้น มิใช่ในยุคนี้เท่านั้น แต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย พระเจ้าได้ทรงปราบสิ่งสารพัดลงไว้ใต้พระบาทของพระคริสต์ และได้ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุขเหนือสิ่งสารพัดแห่งคริสตจักร ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ คือซึ่งเต็มบริบูรณ์ด้วยพระองค์ ผู้ทรงอยู่เต็มทุกอย่างทุกแห่งหน]
7. พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และเป็นนิตย์ [ฮบ.7:25 ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงสามารถเป็นนิตย์ที่จะช่วยคนทั้งปวง ที่ได้เข้ามาถึงพระเจ้า โดยทางพระองค์นั้นให้ได้รับความรอด เพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ เพื่อช่วยทูลขอพระกรุณาให้คนเหล่านั้น]
เหตุผลข้างต้น 7 ประการ เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่นำพาเราร้องเรียกพระองค์อย่างสุดใจว่า “พระเยซูผู้งามเลิศ” พระองค์ทรงงามเลิศด้วยประการทั้งปวง หากจะนำน้ำและเลือดทั่วโลกมาแทนหมึกเพื่อจรดปากการ้อยเรียงเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก ก็มิอาจบรรยายความงดงามของพระองค์ได้หมดสิ้น
พี่น้องที่รักคะ ถ้าเราจะติดตามพระเยซู การบาดเจ็บจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พระเยซูทั้งเสียโฉมและมีแผล ถ้าเราจริงใจในการเสาะแสวงหาพระลักษณะของพระองค์ เราก็จะบาดเจ็บเช่นกัน ทว่า การร่วมทุกข์กับพระองค์และการเลือกที่จะมีชีวิตร่วมเทียมแอกกับพระประสงค์ของพระคริสต์นั้น เป็นความเจ็บปวดเพราะความรักซึ่งจะนำเราให้ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้น เมื่อเราเป็นหนึ่งกับพระเยซู เราก็ทำให้พระบิดาพอพระทัยมากขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะยอมเสียโฉมไหม? เพื่อที่จะงดงามตามน้ำพระทัยของพระบิดา
พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงโปรดให้ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริศในพระสิริอันตระการล้ำของพระองค์ ขอให้ทุกคนตื่นตะลึงในความงามเลิศขององค์พระเยซู จนไม่อาจหักห้ามใจเพื่อมิให้หลงใหลหรือหลงรักพระองค์ได้ ขอความรักอันอัศจรรย์และทรงอานุภาพขององค์พระเจ้าจะเต็มล้นในทุกอณูหัวใจของทุกคน จนต้องหลั่งไหลออกไปเป็นพรถึงชนนานา ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงโปรดดลใจให้ทุกคนเทใจดำเนินในพระวจนะของพระบิดา เต็มไปด้วยฤทธิ์เดช กำลัง ความรู้และสติปัญญาซึ่งมาจากพระองค์ ขอสันติสุขอันเกินความเข้าใจของพระองค์จะซาบซ่านอยู่ในวิญญาณจิตของทุกคน ขอพระเกียรติ พระราชอำนาจ ฤทธิ์เดช และพระสิริ เป็นของพระองค์สืบๆ ไป เป็นนิตย์…Amen!
***คอร์สอัลฟ่า (Alpha) เป็นการประกาศโดยวิธีการพบปะพูดคุยกันในเรื่องความเชื่อในเรื่องของพระเจ้า แบบเพื่อนฝูงในกลุ่ม โดยมีอาหารว่าง เครื่องดื่ม การพูดคุย และกลุ่มย่อย หัวข้อในการพูดคุยประกอบไปด้วย ศาสนาคริสต์ พระเยซูเป็นใคร ทำไมพระเยซูถึงสิ้นพระชนม์ เราจะมั่นใจในสิ่งที่เราศรัทธาอยู่ได้อย่างไร ทำไมจึงต้องอ่านพระคัมภีร์และจะเริ่มอ่านอย่างไร ทำไมเราต้องอธิษฐานและจะอธิษฐานอย่างไร พระเจ้าทรงนำเราอย่างไร พระวิญญาณบริสุทธิ์คือใคร เราจะถูกเติมเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้อย่างไร พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานอย่างไร ทำไมเราต้องบอกผู้อื่นและจะบอกพวกเขาอย่างไร พระเจ้าทรงรักษาพวกเราอยู่ทุกวันหรือ ทำไมต้องมีโบถส์ เราจะใช้ชีวิตที่เหลือให้คุ้มค่าที่สุดได้อย่างไร

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก http://www.alphathailand.org/thai/

ไม่มีความคิดเห็น: