Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

เป็นคนใหม่โดยพระคุณขององค์พระคริสต์

เป็นคนใหม่โดยพระคุณขององค์พระคริสต์
วันที่ 28/1/2009
วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสแวะเวียนไปนมัสการพระเจ้าร่วมกับพี่น้องที่คริสตจักรไมตรีจิต หลังสวน ซึ่งปีนี้คริสตจักรมีหัวข้อประจำปีว่า “ปีแห่งการรับใช้” โดยใช้ข้อพระคัมภีร์ 1 ทิโมธี 4:14 เป็นแนวทาง [1 ทิโมธี 4:14 อย่าละเลยความสามารถที่มีอยู่ในตัวท่าน ซึ่งได้ทรงประทานแก่ท่านตามคำพยากรณ์…]
คริสตจักรไมตรีจิต หลังสวน ซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็กท่ามกลางมหานครกรุงเทพ…เพียงก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าไป ก็สัมผัสได้ถึงความรักความอบอุ่นของคริสตจักรเล็กๆ แห่งนี้ ทั้งยังเห็นภาพของนิมิตที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกซึ่งฉายออกมาอย่างชัดเจนจากคริสตจักรแห่งนี้…จะเห็นได้ว่า คริสตจักรมิได้ละเลยศักยภาพของตนเอง และมิได้ดูถูกความอ่อนเยาว์ของตนเอง นาทีนี้มีคริสตจักรลูกแล้วถึง 3 แห่ง คือ ไมตรีจิตคำพระพร ไมตรีจิตพระราม 2 และ ไมตรีจิตรับพร [1 ทิโมธี 4:12 อย่าให้ผู้ใดหมิ่นประมาทความหนุ่มแน่นของท่าน แต่จงเป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง ทั้งในทางวาจาและการประพฤติ ในความรัก ในความเชื่อ และในความบริสุทธิ์]
ฉันจึงขอหนุนใจให้ทุกคนที่อ่านมาถึงนี้ น้อมรับพระมหาบัญชาของพระเจ้า ด้วยการระลึกถึงคริสตจักรไมตรีจิตหลังสวนไว้ในคำอธิษฐาน ของคุณเสมอ [มธ.28:18-20 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า "ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค"]
ในวันดังกล่าวเทศนาโดย อ.วิไลลักษณ์ พลเยี่ยม หรือ ครูอ๋อย แห่ง คริสตจักรไมตรีจิต คำพระพร จ.เชียงราย ซึ่งเป็น คริสตจักรลูก ของ คริสตจักรไมตรีจิต หลังสวน
ครูอ๋อย เดินทางมาร่วมสัมมนาเกี่ยวกับมิชชั่นที่พัทยา ซึ่งจัดโดยภาค 12 และได้ใช้เวลาสะสางงานรวมทั้งประชุมร่วมกับคริสตจักรแม่ ทั้งยังได้เทศนาให้พวกเราฟัง ในหัวข้อ “พระคุณกับการรับใช้” โดย ครูอ๋อย ได้แบ่งปันเรื่องราวตั้งแต่เก่าก่อนที่จะรู้จักพระเจ้าว่า เป็นคนสำมะเลเทเมา แค่นึกถึงโซดากับน้ำแข็งก็ชื่นใจแล้ว เงินทองที่ได้มาก็หมดเปลืองไปกับแอลกอฮอล์จนไม่เหลือแม้แต่เงินซื้อข้าวกิน ไปขอยืมเงินใครเขาก็ไม่ให้ มีความทุกข์มาก จนกระทั่งได้รู้จักพระเจ้า ชีวิตก็เปลี่ยนไป จากคนเก่าที่ไม่เอาไหน จากคนที่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ กลับกลายเป็นคนใหม่ที่ได้รับการเจิมมากมายจากพระเจ้า โดยพระคุณของพระองค์
ครูอ๋อย ให้หลักการในการรับใช้พระเจ้าว่า เราต้องจริงจัง จดจำ และ เจาะลึก
ครูอ๋อยเริ่มต้นรับใช้ที่คริสตจักรไมตรีจิต หลังสวน จนกระทั่งคณะธรรมกิจเห็นหน่วยก้านดี จึงแต่งตั้งให้ ครูอ๋อย รับตำแหน่งศิษยาภิบาล เพื่อรับใช้พระเจ้าที่คริสตจักรไมตรีจิต คำพระพร
ฉันยังไม่ได้รู้จัก ครูอ๋อย เป็นการส่วนตัวเท่าไรนัก แต่ได้ยินเรื่องราวอันชื่นบานผ่านคำบอกเล่าโดยเพื่อนรักของ ครูอ๋อย ซึ่งอยู่ที่คริสตจักรนิมิตใหม่เช่นเดียวกับฉัน ครูอ๋อย เป็นผู้ที่มีความรักความเมตตาสูงมาก โดยเฉพาะกับเด็กๆ ครูอ๋อยทุ่มสุดตัวสุดใจ มีมุขตลกเฮฮามาสร้างความสุขให้กับเด็กเสมอ สามารถแสดงละครให้เด็กสนุกได้โดยลำพัง เช่น ใช้ฉากใส่แว่น ถอดแว่น ใช้น้ำเสียงและท่าทางที่มีอยู่ ช่วยสร้างสีสรรท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามในจังหวัดเชียงราย นอกจากนั้นแล้ว ยังทุ่มเทสุดตัวสุดหัวใจเพื่อให้สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในใจของชาวบ้านได้ โดยเข้าไปฝังตัวอยู่กับชาวบ้าน ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ กับชาวบ้าน เช่น ปลูกข้าว ดำนา ตกปลา ทำกับข้าว และอื่นๆ
ครูอ๋อยเป็นคนมีอารณ์ขัน แต่ก็เป็นคนจริงจังกับงานรับใช้ ทั้งยังถ่อมใจและพร้อมเสมอที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จ เช่น จากคนที่แต่งตัวแบบง่ายๆ ตามสไตล์อ๋อยๆ ก็พร้อมเสมอที่จะเปลี่ยนไปสวมกระโปรงใส่สูทเพื่อเทศนา จากคนที่เคยนอนตื่นสายโด่ง ก็รับฟังคำตักเตือนของเพื่อนรัก และกลับใจ ฝึกตน กลายเป็นคนที่นอนตื่นเช้าขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้มีเวลาเข้าเฝ้าติดสนิทกับพระเจ้ามากขึ้น เป็นต้น [1 ทิโมธี 4:8 เพราะถ้าการฝึกทางกายนั้นมีประโยชน์อยู่บ้าง ทางของพระเจ้าก็มีประโยชน์ในทุกทาง เพราะทรงไว้ซึ่งประโยชน์สำหรับชีวิตปัจจุบันและชีวิตอนาคตด้วย]
ครูอ๋อยได้สละความเป็นตัวตนฝ่ายเนื้อหนังออกไป และน้อมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ตามแบบอย่างขององค์พระคริสต์ที่ได้ทรงสละพระองค์เพื่อเรา [กาลาเทีย 1:4 พระเยซูทรงสละพระองค์เองเพราะบาปของเราทั้งหลาย เพื่อช่วยเราให้พ้นจากยุคปัจจุบันอันชั่วร้าย ตามน้ำพระทัยพระบิดาเจ้าของเรา] นอกจากนั้น ครูอ๋อยยังทำให้ฉันนึกถึง อ.เปาโล ซึ่งท่านเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย จากผู้ที่ข่มเหงคริสตจักร กลายเป็นอัครฑูตผู้ถ่อมใจรับใช้องค์พระคริสต์จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต [กาลาเทีย 1:23-24 เขาเพียงแต่ได้ยินว่า "ผู้ที่แต่ก่อนเคยข่มเหงเรา บัดนี้ได้ประกาศความเชื่อซึ่งเขาได้เคยพยายามทำลาย" พวกเขาได้สรรเสริญพระเจ้าก็เพราะข้าพเจ้าเป็นเหตุ]

ไม่มีความคิดเห็น: