Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วางใจพระเจ้า

วางใจพระเจ้า
วันที่ 26/6/2009

สืบเนื่องจาก Walk with Jesus ฉบับที่แล้ว ได้มีผู้ถามเข้ามาว่า แล้วตกลงจะเพิ่มอะไร จะตัดหรือลดอะไร เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดละจ๊ะ…ก็ตอบคำถามก่อนนะคะว่า สิ่งที่จะลดคือ การเรียนพระคัมภีร์ภาคค่ำ ให้เหลือเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็พอ ดังนั้น หากปรารถนาจะได้ปริญญาเหมือนนักศึกษารุ่นพี่ ก็คงต้องใช้เวลาประมาณ 7-10 ปี (แป่ว!) แต่ไม่เป็นไรคะ จะได้มีอาจารย์และเพื่อนหลายๆ คน อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างวางไว้ที่พระเจ้า…อีกรายการหนึ่งซึ่งจะตัดออกคือการที่ต้องอ่านหนังสืออื่นๆ ให้น้อยลง เพื่อจะมีเวลากับหนังสือของพระเจ้ามากขึ้น ส่วนสิ่งที่จะเพิ่มก็คือ ต้องนอนมากขึ้น โดยนอนอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง หรือหากนอนได้ 8 ชั่วโมงก็ยิ่งดี พร้อมทั้งปรับกิจกรรมบางรายการเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต ทั้งนี้ เพื่อชีวิตที่สมดุลในทุกด้าน [สดด.16:9] “เพราะฉะนั้นจิตใจข้าพเจ้าจึงยินดีและจิตวิญญาณก็ปรีดา ร่างกายของข้าพเจ้าก็อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยด้วย”
วันนี้ฉันขออนุญาตพาไปพบกับฉากหนึ่งใน 1 พกษ.18-19 เพื่อพบกับท่านเอลียาห์นะคะ เอลียาห์สามารถเอาชนะผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลจำนวน 450 คนที่ภูเขาคารเมลได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเอลียาห์ต้องทุ่มเทกำลังอย่างมากในการท้าทายผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น โห! แค่มารตัวเดียวเราก็ต้องใช้พลังสู้อย่างมากอยู่แล้ว แต่นี่ มากันตั้ง 450 ตัว เอ้ย! คน เอลียาห์จึงต้องใช้พลังอย่างมากทางด้านจิตวิญญาณ ทั้งยังต้องเสียพลังงานในการฆ่าทั้ง 450 คน อีก งานนี้หินน่าดู เอลียาห์จึงเหนื่อยล้าทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณ แต่นั่นยังไม่พอ เขายังไม่หยุดพัก เขาเผยพระวจนะกับกษัตริย์อาหับ และอธิษฐานขอฝนอีกต่างหาก เมื่อนางเยเซเบลส่งคนไปฆ่าเอลียาห์ เขาจึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปไกลหลายไมล์ และไปนอนหมดสภาพอยู่ใต้ต้นซาก…เอลียาห์ขาดสมดุลในชีวิต เขาเหนื่อยอ่อน ท้อแท้ จนกระทั่งเขาอธิษฐานต่อพระเจ้าให้เอาชีวิตไปจากเขาเสีย ช่างน่าเศร้าจริงๆ คะ พี่น้อง เขาไม่ได้วางแผนชีวิตตามที่เคยทำ เขารู้สึกกลัว หดหู่ ท้อใจ จนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย และพระเจ้าก็ตรัสกับเขาว่า “เจ้าเหนื่อยเกินไป เจ้าจะต้องกินอาหารสัก 2 มื้อ และหลับยาวๆ สักตื่น” และเมื่อเอลียาห์ฟื้น กำลังของเขาก็กลับมา เขาเดินทางต่อไปยังโฮเรป และพระวจนะของพระเจ้าก็มาถึงเขาที่นั่น และด้วยพระคำของพระองค์ที่สดใหม่อยู่เสมอ เอลียาห์ก็ถูกส่งออกไปอีกครั้งเพื่อรับใช้พระองค์ต่อไป (ศึกษาเพิ่มเติมใน 1 พกษ.18-19 และหนังสือ กระบวนการสร้างผู้นำ ของจอยส์ ไมเออร์ นะคะ)
เรื่องราวของเอลียาห์ได้ย้ำเตือนให้ฉันรู้ว่า “สิ่งที่ดีเป็นศัตรูของสิ่งที่ดีที่สุด” นั้นเป็นอย่างไร การทำหลายอย่าง การสวมหมวกหลายใบ โดยไม่ประเมินกำลังของตนเอง ทำให้ยุ่งจนเกินไป แล้วอ่อนแอฝ่ายวิญญาณ ไม่เป็นพรต่อชีวิตตัวเองและต่อชีวิตผู้อื่นด้วย ถ้าอย่างนั้นเห็นทีต้องขอบคุณอาการไมเกรนซะละมั้ง ที่ทำให้ฉันได้กลับมาทบทวนการดำเนินชีวิตอีกครั้งหนึ่ง จนได้คำตอบว่า “สิ่งที่ดีที่สุด คือ การได้อยู่แทบพระบาทพระเจ้า” แค่นั้นยังไม่พอ ฉันยังได้รับบทเรียนที่ต่อเนื่องตามมาติดๆ ซึ่งพร้อมจะเล่าให้ทุกท่านฟังแล้ว…แท่น แทน แท้น
อาการไมเกรนเริ่มเล่นงานฉันตั้งแต่ต้นเดือน แต่เหตุการณ์ที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้นั้น เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 15-21/6/2009 โดยฉันได้ไปพบแพทย์ในวันจันทร์ และหยุดงานต่อเนื่องทั้งวันอังคารและวันพุธ ส่วนวันพฤหัสบดี ตื่นมาตอนเช้าโดยไม่มีอาการปวดศีรษะแล้ว ฉันก็ดีใจว่าตัวเองหายแล้วนะ และก็โอ้ลั่นล้าไปทำงาน ยาไมเกรนก็ไม่ได้พกไป เพราะกินแล้วจะง่วงมาก อาจทำงานไม่ได้ เมื่อทำงานไปสักพักอาการไมเกรนก็ถามหา จนต้องลางานต่อในช่วงบ่าย เพื่อนที่ทำงานน่ารักใจดี ขับรถมาส่งถึงบ้าน ส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งซื้ออาหารกลางวันให้มาด้วย
เมื่อทานยาแล้วก็นอนสิคะ แต่ตื่นขึ้นมาก็กลับรู้สึกไม่อยากอยู่บ้านซะงั้น ทำไงดีล่ะ อยากไปต่างจังหวัด เปลี่ยนบรรยากาศ ปรารถนาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และก็คิดถึงทะเล ‘โอ้ทะเลแสนงาม ฟ้าสีครามสดใส ข้าปรารถนาจะไป ข้าจะไปทะเล’ ไปทะเลดีกว่า ก็คิดจะไปชะอำตามลำพัง เพราะไม่คิดว่าจะไม่ใครว่างพอที่จะไปกับฉัน จึงถามเบอร์รีสอร์ทจากเพื่อน แต่ฉับพลันก็นึกถึงพี่น้อย พี่เลี้ยงฝ่ายวิญญาณขึ้นมา จึงสะบัดใจจากชะอำ ขอไปนอนบ้านพี่น้อยสักคืนดีกว่า เมื่อโทรหาพี่น้อย พี่น้อยก็เทศนากัณฑ์ใหญ่ว่าสาเหตุที่เป็นไมเกรนเพราะไม่รู้จักดูแลตัวเอง แต่พี่น้อยก็เต็มใจต้อนรับฉันด้วยความยินดี พร้อมทั้งบอกด้วยว่าในวันรุ่งขึ้นพี่น้อยกับกลุ่มสตรีซึ่งเรียนพระคัมภีร์กับพี่น้อยนั้นจะเดินทางไประยองกัน ว้าว! โลกนี้พระเจ้าประทาน พระเจ้าช่างรู้ใจจริงๆ ทรงใส่ใจหัวใจที่บอบช้ำของฉัน คืนนั้นฉันจึงได้ค้างคืนที่บ้านพี่น้อย
เข้าวันศุกร์ พี่น้อยปลุกแต่เช้าเพื่อจะพาไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ ใกล้บ้าน ฉันก็เพลียเล็กน้อยเพราะในช่วงกลางคืนอาการไมเกรนเขากลับมาอีก...ฉันจึงได้รับบทเรียนเพิ่มเติมอีก 2 ประการ
1. ความเป็นคนดี รอบคอบ [มธ.5:48] “เหตุฉะนี้ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบ เหมือนอย่างพระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ” หากฉันพกยามา และรีบทาน อาการไมเกรนก็คงไม่กำเริบ และฉันคงจะนอนหลับด้วยความสันติตลอดคืน
2. ความไว้วางใจ…เพราะว่าฉันเป็นห่วงงานมาก ฉันจึงกลับไปทำงาน ทั้งๆ ที่อาการไมเกรนยังไม่หายขาด ฉันควรจะวางใจพระเจ้า มอบภาระงานทั้งหมดไว้กับพระองค์ มิใช่มาแบกเองเช่นนี้ [สภษ.16:3] “จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระเจ้า และแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนาไว้”
พี่น้อยเตือนสติให้ฉันใส่ใจดูแลร่างกายให้มากกว่านี้ ให้สมกับที่พระเจ้าทรงรักเรา พระองค์จะเสียพระทัยเพียงใดที่ฉันไม่ดูแลร่างกาย ซึ่งเป็นพระวิหารของพระองค์ ฉันคงจะจากโลกนี้ไปเร็วกว่ากำหนด เนื่องจากไม่ดูแลตัวเอง [1คร.3:16] “ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน” พี่น้อยย้ำแล้วย้ำอีก ให้ฉันใช้ชีวิตอย่างสมดุลในทุกๆ ด้าน
ฉันไม่ได้ไปทะเลคะ แต่พระเจ้าทรงนำฉันไปอีกที่หนึ่ง ซึ่งฉันได้เห็นพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่เหนือผู้คนของพระองค์ที่นั่น…พี่ต่าย น้องบอส (ลูกชายของพี่ต่าย) พี่น้อย และฉัน เดินทางไประยองในช่วงเย็น และถึงที่หมายในเวลาค่อนข้างดึก เราขอบคุณพี่ต่ายที่พาเรามาถึงที่พักด้วยความปลอดภัย สถานที่ซึ่งเราไปนั้นเป็นรีสอร์ทซึ่งซุกตัวอยู่ในสวนผลไม้พื้นที่ร้อยกว่าไร่ของพี่ต่ายและครอบครัว ปลูกไม้ผลไว้หลายชนิด เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน ลองกอง ระกำ ส้มโอ พวกเราทุกคนจึงได้สนุกสนานกับการทานผลไม้สดๆ จากต้น พี่ต่ายดูแลพวกเราเป็นอย่างดี เราสะดวกสบายและอิ่มหนำกับอาหารอย่างดีทุกมื้อ พอช่วงบ่าย บรรดาสตรีซึ่งเรียนพระคัมภีร์กับพี่น้อยก็ทะยอยตามมา เธอพาลูกและสามีมาด้วย พวกเราจึงไม่เหงาด้วยเสียงสดใสของเด็กๆ ตกกลางคืน เราสนุกสนานกับการปิ้งย่างบาร์บีคิว ชิมอาหารทะเล และจิบไวน์รสละมุนจากโรงงานของพี่ต่าย
B.J.Garden Vill Resort เป็นสถานที่ซึ่งเราไปแอบอิงยามสุดสัปดาห์ ด้วยบริการที่ประทับใจ อาหารอร่อย ราคาประหยัด นอกจากจะมีสวนผลไม้ล้อมรอบแล้ว รีสอร์ทดังกล่าวยังมีโรงงานผลิตไวน์ชั้นเลิศซ่อนตัวอยู่ด้วย ไวน์ของพี่ต่ายได้รับคัดเลือกจากทางการให้นำไปต้อนรับสำหรับงานสุดยอดผู้นำ APEC ซึ่งได้จัดขึ้นในเมืองไทย นอกจากนั้น ไวน์ของที่นี่ยังได้รับรางวัลนวัตกรรมดีเด่นจากยุโรปอีกด้วย แต่พี่ต่ายไม่ได้เดินทางไปรับรางวัลซะงั้น (แป่ว)
พี่ต่ายนำเราเยี่ยมชมกรรมวิธีผลิตไวน์ ซึ่งซับซ้อนมาก พี่ต่ายมีตะลันต์ในการคิดค้นสูตรไวน์ใหม่ๆ เสมอ โรงงานแห่งนี้จึงผลิตไวน์คุณภาพจากพืชในท้องถิ่น เช่น มังคุด กระชายดำ แมงเม่า ลูกยอ และอาจจะมีอีก แต่ฉันจำไม่ได้ รู้แต่ว่า ยังมีการผลิต น้ำมังคุด มังคุดกวน ทุเรียนกวน อีกด้วย…แม้ว่ากิจการรีสอร์ทและสวนผลไม้จะดำเนินไปด้วยดี แต่พี่ต่ายก็ปรารถนาที่จะขาย โดยพี่ต่ายมุ่งที่จะดำเนินกิจการด้านไวน์อย่างเดียว เพื่อที่พี่ต่ายจะสามารถรับใช้พระเจ้าได้อย่างเต็มกำลังมากขึ้น
เช้าวันอาทิตย์ มีการนมัสการร่วมกัน นำโดยมือกีตาร์ชาวสิงคโปร์ จากนั้นพี่น้อยจึงเทศนาในหัวข้อ “วางใจพระเจ้า” โอ้โห ฉันกำลังขับเคี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พอดีเลย สิ่งที่พี่น้อยเทศนาจึงทันเวลาสำหรับฉัน แต่มิเพียงเท่านั้น หลายคนก็พูดว่า พระเจ้าก็ตรัสกับเขาผ่านทางการเทศนาของพี่น้อยเช่นกัน เช่น น้องบอส ลูกชายสุดหล่อของพี่ตาย เพิ่งรับเชื่อและบัพติศมาเมื่อปีที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังเรียนชั้นปีที่ 1 ในสาขาด้านวิศวกรรม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นานาชาติ บอสตั้งใจว่าจะเรียนให้ได้เกรด 4 ทุกวิชา พร้อมทั้งตั้งแผนการในการไปเรียนต่อต่างประเทศไว้ด้วย เมื่อจบการเทศนา บอสได้แบ่งปันว่า บอสยอมแล้ว บอสไม่เอาแล้วสำหรับความตั้งใจของตนเอง บอสคิดแต่ว่าบอสจะทำอย่างนั้น จะทำอย่างนี้ แล้วขอพระเจ้าอวยพรสำหรับสิ่งที่บอสคิด ซึ่งเป็นความบาปแห่งความหยิ่งผยอง การไม่ไว้วางใจ และเป็นการพึ่งพาความรอบรู้ของตัวเอง ต่อไปนี้ บอสจะทูลถามพระเจ้าก่อนว่าทรงปรารถนาจะให้บอสทำสิ่งใด แล้วบอสก็จะทำอย่างเต็มกำลัง
[รม.9:15-16] “เพราะพระองค์ตรัสกับโมเสสว่า เราประสงค์จะกรุณาผู้ใด เราก็จะกรุณาผู้นั้น และเราจะเมตตาใคร เราก็จะเมตตาผู้นั้น เพราะฉะนั้นทุกสิ่งจึงไม่ขึ้นแก่ความตั้งใจหรือการตะเกียกตะกาย แต่ขึ้นอยู่กับพระกรุณาของพระเจ้า” พระคัมภีร์ข้อนี้แทงทะลุจิตวิญญาณของฉันอย่างจริงจัง ขณะเฝ้าเดี่ยวในวันเสาร์ ฉันจึงได้คุยเรื่องนี้กับพี่น้อย และให้พี่น้อยอธิษฐานเผื่อ ฉันทูลต่อพระเจ้าว่า ฉันยอมจำนนต่อพระองค์ ฉันยอมพระองค์ทุกอย่าง ที่ผ่านมา ฉันทำหลายอย่างด้วยความตั้งใจและความสามารถของตนเอง ฉันจะกะแผนงานของตัวเองไว้ (Plan before Pray) เช่น เมื่อเรียนจบ จะต้องทำงานที่นั่นที่นี่ จะซื้อบ้านภายในเวลากี่ปี จะซื้อรถภายในเวลากี่ปี จะเก็บเงินให้ได้จำนวนเท่าไรภายในระยะเวลากี่ปี จะเป็นนั่นเป็นนี่ภายในเวลากี่ปี เป็นต้น ฉันทำผิดอย่างมหันต์ทีเดียว ที่คิดแผนงานของตนเอง แล้วบังคับให้พระเจ้าอวยพรแผนงานที่ฉันคิดขึ้นมา โดยมิได้ถามพระองค์สักนิดว่า พระองค์ปรารถนาจะให้ฉันทำอะไร หรือเป็นอะไร ทั้งๆ ที่พระเจ้าทรงตรัสสอนไว้แล้ว แต่ฉันกลับไม่เชื่อฟัง [สภษ.3:5] “จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง” พระเจ้าตรัสแล้วแน่แท้ไม่แปรเปลี่ยน แต่ฉันกลับทำตรงกันข้าม ฉันไม่ได้ถ่อมใจฟังพระสุรเสียงของพระองค์เลยแม้แต่นิดเดียว ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับลูซิเฟอร์เลย
พี่น้อยเทศนาด้วยหัวข้อ “การวางใจพระเจ้า” ซึ่งสรุปได้ดังนี้
การวางใจ หมายถึง ความมุ่งหวัง ความมั่นใจในความสัตย์ซื่อ ในคุณธรรม ในความสามารถ หรือในคุณลักษณะของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
พระเจ้าสร้างเรามาเพื่อพระเกียรติยศของพระองค์ ทรงสร้างเรามาเพื่อนมัสการพระองค์ พระองค์ทรงสะอิดสะเอียดความหยิ่งยโส ดังนั้น เราจึงต้องเดินกับพระองค์ด้วยความไว้วางใจ อย่าพึ่งพาตนเองหรือผู้อื่น พึ่งพาพระองค์เท่านั้น
1. อย่าวางใจตนเอง อย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง แสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าก่อนเสมอทุกครั้ง ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ตาม (สภษ.3:5-7)
2. อย่าวางใจในเจ้านาย (ผู้มีตำแหน่งสูงกว่าเรา หรือผู้มีอำนาจ ผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย ฯลฯ) เมื่อมีปัญหา ให้พึ่งพาและปรึกษาองค์พระเจ้าสูงสุดก่อนผู้อื่น เมื่อเดินในทางของพระเจ้า การยกย่องก็มาจากพระองค์ (สดด. 75:6-7, สดด.118:8-9, 1 ซมอ. 2:6-9)
3. จงวางใจในพระเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม จงวิ่งเข้าหาพระเจ้าก่อน แสวงหาน้ำพระทัยของพระองค์ก่อนเสมอ พระเจ้าเกี่ยวข้องกับเราในทุกทาง ทรงรักเรามาก ทรงทอดพระเนตรความหวังใจของเรา ทรงเคลื่อนไหวในทุกเหตุการณ์ของเรา พระเจ้าทรงควบคุมทุกสิ่ง (สดด.121:1-8, สดด.62:8, สดด.42:11, ยรม.33:3)
พี่น้อยตบท้ายด้วยพระวจนะใน [1พศด.29:11-12] “ข้าแต่พระเจ้าความยิ่งใหญ่ ฤทธานุภาพ พระสิริชัยชนะและความโอ่อ่าตระการเป็นของพระองค์ และบรรดาสิ่งที่มีอยู่ในฟ้าสวรรค์ และในแผ่นดินโลกเป็นของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ราชอาณาจักรเป็นของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเป็นจอมของสิ่งสารพัด ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติมาจากพระองค์ และพระองค์ทรงครอบครองอยู่เหนือทุกสิ่ง ฤทธานุภาพและมหิทธิฤทธิ์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และอยู่ที่พระหัตถ์ของพระองค์ที่จะทรงกระทำให้ใหญ่ยิ่งและประทานกำลังแก่ทั้งมวล”
การวางใจพระเจ้าเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ ฉันทำไม่ได้ มันยากมาก ขอบอก! แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงอยู่ฝ่ายฉัน ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระองค์ อย่างไรก็ตาม ฉันรู้ว่าจะต้องพบกับสนามสอบเรื่องการวางใจในมิติที่ยากขึ้นเรื่อยๆ และการถ่อมใจเท่านั้นที่จะทำให้ฉันผ่านไปได้ ขอพระเจ้าทรงโปรดเมตตาช่วยฉันในเรื่องนี้ [สดด.25:9] “พระองค์ทรงนำคนใจถ่อมไปในสิ่งที่ถูก และทรงสอนมรรคาของพระองค์แก่คนใจถ่อม”
ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงอภัยให้เมื่อฉันกลับใจ ฉันต้องเก็บแผนงานทุกอย่างที่คิดไว้พับใส่กระเป๋าและโยนลงทะเลไป และจะไม่ขุดมันขึ้นมาอีก พร้อมทั้งมอบงานทั้งสิ้นไว้กับพระเจ้า ฉันไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วว่าฉันจะทำงานปัจจุบันได้นานแค่ไหน จะมีเงินเท่าไร จะเป็นอะไร จะทำอะไรในอนาคต (Pray before Plan) …และแล้วสันติสุขซึ่งเกินความเข้าใจก็ซาบซ่านอยู่ในวิญญาณจิต
โธ่ เธอจ๋า ถ้าวางใจพระเจ้าซะตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องเป็นไมเกรนแล้ว!

ไม่มีความคิดเห็น: