Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

อรุณสวัสดิ์พระเจ้า

อรุณสวัสดิ์พระเจ้า
วันที่ 16/2/2009
05.00 น. อรุณสวัสดิ์!
แสงอรุณมาเยี่ยมเยียนแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ฉายแสงเต็มที่ เป็นเพียงแสงสลัวรำไร แต่เจ้าโต้งก็โก่งคอขันขับขานเป็นทำนอง ในความเป็นจริงเจ้าโต้งจะขันเจื้อยแจ้วตั้งแต่ราวๆ ตีสี่โน่นแนะ
อิดออด อิดออด อิดออด…ไม่ใช่เสียงประตูนะคะ แต่เป็นอาการของฉันที่ไม่อยากลุกในตอนเช้า ประมาณว่าขี้เกียจ ก่อนหน้านี้ร่างกายอ่อนกำลังจึงสามารถนอนตื่นสายได้โดยไม่มีผลอะไร แต่ตอนนี้ร่างกายเริ่มกลับสู่ภาวะปกติแล้ว จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ตื่นสายอีกต่อไป…โธ่เอ๋ย อยากนอนต่อน่ะ ไม่อยากลุกเลย กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง แต่สักพักหนึ่งก็นึกถึงผลร้ายของความขี้เกียจซึ่งกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ โอ้ว! น่าตกใจมาก คือแค่นึกก็ตกใจน่ะ “กลัว” อีกต่างหาก [ปญจ.10:18 เพราะความขี้เกียจ หลังคาจึงหักพังลง และเพราะความเกียจคร้าน เรือนจึงรั่วเฉอะแฉะ] มีอีกนะ ในสุภาษิต [สภษ.6:6-11 คนเกียจคร้านเอ๋ย ไปหามดไป๊ พิเคราะห์ดูทางของมัน และจงฉลาด โดยปราศจากผู้หัวหน้า เจ้าหน้าที่หรือผู้ปกครอง มันเตรียมอาหารของมันในฤดูแล้ง และส่ำสมของกินของมันในฤดูเกี่ยว คนเกียจคร้านเอ๋ย เจ้าจะนอนนานเท่าใด เมื่อไรเจ้าจะลุกขึ้นจากหลับ หลับนิด เคลิ้มหน่อย กอดมือพักนิดหน่อย และความจนจะมาเหนือเจ้าอย่างคนจร และความขัดสน อย่างคนถืออาวุธ] จ๊ากกกกก มดกัด เอ้ย! ไม่ใช่ พระคัมภีร์แทงทะลุในใจ ละอายใจ อายมด ทันทีทันใดต้องรีบลุก อยู่ไม่ได้แล้วคะพี่น้อง
การใช้ชีวิตของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน การกิน การอยู่ การนอน การตื่น ล้วนแตกต่างกันเป็นสิ่งเฉพาะตัว ทว่าบางคนก็จะถูกปลุกขึ้นมากลางดึก ตีสองตีสาม หรือตีสี่ตีห้า แล้วแต่บุคคลอีกนั่นแหละ และก็แล้วแต่ช่วงเวลาด้วย ฉันเองเคยถูกปลุกมาตอนตีสามเหมือนกัน แต่ไม่บ่อย นานทีปีหน และขออย่าเป็นเช่นนั้นเลยพระเจ้า มันเช้าเกินไปน่ะ (อ้าว!) โดยทั่วไปฉันจะตื่นมาตอนตีสี่หรือตีห้ามากกว่า ตื่นเองนะ ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก ตื่นเป็นช่วงๆ บางช่วงก็ตีสี่ อาจเป็นอย่างนี้อยู่สักระยะหนึ่ง แต่ว่าระยะนี้จะตื่นขึ้นมาตอนตีห้า พระเจ้าทรงน่ารัก ทรงรู้กำลังของฉันดี หากตื่นก่อนตีห้าช่วงนี้ก็เหลือกำลังจะรับ มีหวังหลับขณะทำงานเป็นแน่ แต่ว่ายังไงช่วงนี้ก็ต้องตื่นตีห้านะ ห้ามเบี้ยว ถ้าเบี้ยวปุ๊บฉันก็จะเกิดอาการคันตามร่างกาย คันไม่หยุด คันอะไรกันนักกันหนานะ คันจนต้องลุกขึ้นมา สารภาพบาป และเริ่มต้นใช้เวลากับพระเจ้า อาการคันก็หายไป…ขอย้ำอีกครั้งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันนี้เป็นเหตุการณ์เฉพาะบุคคลอีกนั่นแหละ เป็นประสบการณ์ของฉันเอง
พระเจ้าปรารถนาให้ลูกของพระองค์ใช้เวลาชิดใกล้พระองค์ และสำหรับฉันแล้ว พระองค์ประสงค์ให้ฉันตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อนมัสการ อธิษฐาน และดื่มด่ำกับพระวจนะของพระองค์ เพราะหากฉันไม่ทำตอนเช้า ตลอดทั้งวันฉันก็ทำงานตลอด แม้ว่าจะสามารถตรึกตรองพระคัมภีร์หรืออธิษฐานในพระวิญญาณ แต่ก็หาเวลาเข้าสนิทกับพระองค์เป็นการส่วนตัวค่อนข้างยาก ไม่เหมือนการใช้เวลาตามลำพังกับพระเจ้าอยู่ที่บ้าน ครั้นเวลาเย็น ฉันก็เลิกงานไม่แน่นอน แม้ว่าจะทำงาน 8.30-17.00 น. แต่บ่อยครั้งที่ไม่สามารถออกจากที่ทำงานได้ตรงเวลา เมื่อกลับถึงบ้านจึงเหนื่อย และพักกายพักสายตาลงโดยไม่ได้พักหัวใจและวิญญาณไว้กับพระเจ้า ในขณะที่พระเจ้าสร้างเรามาเพื่อนมัสการพระองค์ เพื่อสรรเสริญถวายเกียรติแด่พระองค์ เพื่อดื่มด่ำกับพระวจนะของพระองค์ เพื่ออธิษฐานเผื่อธรรมิกชนทั้งหลาย
มดต้องเตรียมเสบียงกรัง ส่ำสมอาหารเพื่อรักษาชีวิตฉันใด ยิ่งไปกว่านั้น ฉันซึ่งเป็นลูกของพระเจ้าก็ต้องเตรียมอาหารฝ่ายจิตวิญญาณ เตรียมพร้อมสำหรับชีวิตนิรันดร์ในสรวงสวรรค์แห่งพระองค์ ฉันต้องฝึกฝนวินัยตนเองอย่างจริงจัง เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ [สภษ.5:23 เขาตายเพราะขาดวินัยในชีวิต และเพราะความโง่อย่างยิ่งของเขา เขาจึงหลงเจิ่นไป]
“ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่เคยยั้งหยุด พระเมตตาคุณหลั่งลงมาอยู่เสมอ ใหม่ทุกเช้าเร้าในดวงใจ ซาบซึ้งทุกๆ วันใหม่ พระองค์ทรงความเที่ยงตรงยิ่งนัก พระองค์ทรงความเที่ยงตรง” ฉันชอบเพลงนี้มาก มักจะร้องทุกเช้า [พคค.3:22 ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่เคยหยุดยั้ง และพระเมตตาของพระเจ้าไม่มีสิ้นสุด]
เพราะความรักของพระองค์นั้นมั่นคง และฉันเองซึ่งปรารถนาจะเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ก็ต้องทูลขอพระวิญญาณให้ดลจิตใจของฉันให้ตื่นเช้าทุกวันเพื่อรับพระพรอันสดใหม่ของพระองค์ เริ่มต้นเช้าวันใหม่โดยมีพระองค์เป็นผู้แรกและผู้เดียวในหัวใจ รวมทั้งหลับตาลงในยามดึกโดยมีพระองค์เป็นผู้สุดท้ายและผู้เดียวในหัวใจ ทั้งนี้ มิใช่ว่ากลัวอาการคันจะเกิดขึ้นจนต้องเกาคะยึกคะยือ แต่เพื่อให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์

ไม่มีความคิดเห็น: