Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ราชินีในห้องมืด

ราชินีในห้องมืด

วันที่ 24/2/2009
พี่อ๋อย สาวน้อยร้อยเอ็ด เป็นพระพรสำหรับฉันด้วยการแบ่งปันหนังสือเล่มหนึ่งให้ “ราชินีในห้องมืด” ฉันเคยเห็นบางคนที่โบสถ์ถืออยู่เหมือนกัน ซึ่งขณะที่เห็นนั้นก็นึกอยากได้อยู่ในใจ และฉันก็ได้หนังสือเล่มนี้มาจริงๆ
ครั้งแรกที่ฉันอ่านนั้น อ่านขณะเดินทางไปทำงาน บนรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานควายถึงสถานีสยาม ผู้คนพลุกพล่าน แต่ฉันกลับไม่รู้สึกอะไร นอกจากจดจ่ออยู่กับหนังสือที่อ่าน ดื่มด่ำซาบซึ้งตั้งแต่อ่านคำนำ การพลิกไปแต่ละหน้าช่างเป็นความหอมหวานฟุ้งขจรในจิตใจ พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ ผู้ใดฤาจะเทียบพระองค์ได้ ฉันปรารถนาอย่างยิ่งที่จะทิ้งตัวลง ซบอยู่ที่แทบพระบาทของพระองค์ หากเวลานั้นอยู่ที่โบถส์หรืออยู่บ้าน ฉันคงทำเช่นที่หัวใจเรียกร้อง แต่ในสภาวะเช่นนั้น บนรถไฟฟ้า ฉันก็ไม่อาจทำได้ ขืนคุกเข่าลงก็มีหวังโดนเหยียบอย่างแน่นอนเลยเชียว ฉับพลัน ผู้คนก็เบียดเสียดกันมากขึ้นผิดปกติ เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น อ่อ! ถึงสถานีสยามแล้วนี่เอง เวลาผ่านไปเร็วโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลยจริงๆ
หัวใจฉันอัดแน่นไปด้วยความชุ่มชื่นและกระตือรือร้น กระหายที่จะเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า ฉันปรารถนาที่จะเป็นพระพรต่อผู้อื่น ดังเช่นธรรมิกชนทั้งหลายได้ประพฤติปฏิบัติเป็นแบบอย่าง และต้นแบบที่ล้ำเลิศคือองค์พระเยซู
ชีวิตของมิสช่าย ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้นั้น เป็นพระพรต่อผู้คนมากมายจริงๆ ซึ่งฉันคงไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้ทั้งหมด นอกจากจะหนุนใจให้ผู้ที่ยังไม่เคยอ่าน ได้มีโอกาสอ่านบ้าง
ชีวิตของมิสช่ายพรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติและทรัพย์สมบัติ รวมถึงญาติพี่น้อง แต่ยังยอมเป็นคนยากจนเพื่อรับใช้พระคริสต์ ต้องทนทุกข์กับปัญหาและวิกฤติซึ่งรุมเร้าเข้ามาทุกด้าน แต่เธอก็อดทนได้ เพื่อเห็นแก่พระคริสต์
มิสช่ายทำให้ฉันนึกถึงพระคัมภีร์ 2 คร.4:8-10
[2คร.4:8-10] เราถูกขนาบรอบข้าง แต่ก็ไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว เราจนปัญญาแต่ก็ไม่ถึงกับหมดมานะ เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีลงแล้ว แต่ก็ไม่ถึงตาย เราแบก "ความตาย" ของพระเยซูไว้ที่กายเราเสมอ เพื่อว่า "ชีวิต" ของพระเยซูจะปรากฏในกายของเราด้วย
มิสช่ายต้องทนทุกข์กับโรคร้ายซึ่งไม่มีทางรักษาให้หายได้ แต่เธอยังยืนหยัด แม้ว่าเธอจะต้องอยู่ในห้องมืดตลอดเวลา แต่พระเจ้าผู้งามเลิศนั้นเป็นความสว่างตลอดชีวิตของเธอ
[2คร.4:15-18] เพราะว่าสิ่งสารพัดนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่านทั้งหลาย เพื่อว่าเมื่อพระคุณมาถึงคนเป็นจำนวนมากขึ้น ก็จะมีการขอบพระคุณมากยิ่งขึ้น เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน เพราะว่าการทุกข์ยากเล็กๆน้อยๆของเรา ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้ เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์
มิสช่ายกล่าวว่า “เธอเป็นราชินีในห้องมืด แต่พระเจ้าทรงเป็นราชาแห่งความสว่างของเธอ” ใช่แล้ว พระองค์ทรงเป็นความสว่าง และเราทั้งหลายซึ่งเป็นลูกของพระองค์นั้น ก็เป็นลูกแห่งความสว่าง เป็นความสว่างท่ามกลางโลกที่มืดมิดด้วยความบาปชั่วร้าย แต่ในยามที่มืดมิดที่สุดนี้แหละ ลูกแห่งความสว่างจะฉายชัดเปล่งประกายมากที่สุด
หนังสือ “ราชินีในห้องมืด” แปลโดย ศจ.สุพิชญ์ วิจักษณ์โยธิน อดีตศิษยาภิบาลคริสตจักรคลองเตย(สุขุมวิท 93) ท่านแปลให้ฟรีๆ ทำหนังสือเล่มนี้แจกฟรีๆ ทั้งยังนำไปลงใน Website ที่พี่น้องสามารถเข้าไปอ่านและแบ่งปันได้ตลอดเวลาอีกด้วย http://www.ktc93.com/
หลายคนคงอ่านหนังสือเล่มนี้มาบ้าง เพราะเล่มที่ฉันอ่านนี้ พิมพ์เป็นครั้งที่ 10 แล้ว ในการนี้ ฉันขออธิษฐานเป็นพิเศษสำหรับผู้แปล คือ ศจ.สุพิชญ์ ท่านได้รับเปล่าๆ ก็ให้แบบเปล่าๆ [มธ.10:8] น้ำใจของท่านประเสริฐเหลือเกิน และทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า
ขอร่วมถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วยเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น: