Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ผ่อนหนักผ่อนเบา

ผ่อนหนักผ่อนเบา
วันที่ 12/5/2010

[รม.15:1 พวกเราซึ่งมีความเชื่อเข้มแข็ง ควรจะอดทนต่อความเชื่อของคนที่เคร่งในข้อหยุมๆหยิมๆและไม่ควรกระทำสิ่งใดตามความพอใจของตัวเอง]
ฉันรู้สึกเจ็บๆ คันๆ กับพระคัมภีร์ข้อนี้จริงเชียว ก็อาจารย์เปาโลแนะนำให้พวกเราซึ่งมีความเชื่อเข้มแข็งนั้น อดทนต่อความเชื่อของคนที่เคร่งในข้อหยุมๆ หยิมๆ แต่การณ์กลับเป็นว่า ฉันเป็นคนที่เคร่งในข้อหยุมๆ หยิมๆ ซะเอง และเจ้าความหยุมหยิมนี่แหละที่ทำให้ฉันหงุดหงิด และก็ไม่ได้หงุดหงิดกับใครด้วย แต่หงุดหงิดกับคุณแม่ที่บ้าน อ้าว! บาปซ้ำบาปซ้อน น่าละอายจริงๆ

คุณแม่จะเป็นคนที่เฉยๆ ยังไงก็ได้ แต่ฉันจะตรงกันข้าม คือ ใจเร็วใจร้อน คาดหวังให้สิ่งต่างๆ เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ซึ่งบางครั้งก็บ้าบอคอแตกในความคิดของคนอื่น เช่นว่า แยกช้อนกับซ้อมไว้ถาดใครถาดมัน และเวลาหยิบใช้ก็ต้องเป็นช้อนส้อมคู่เดียวกัน, แยกฟองน้ำล้างแก้ว กับฟองน้ำล้างจาน, แยกจานชามตามชุดของมัน ฯลฯ

และแล้วฉันก็บ่นนะสิ เมื่อเห็นว่าข้าวของต่างๆ อยู่กันคนละทิศละทาง ฉันก็บ่นๆๆ นานวันเข้าฉันก็เหนื่อยเอง ไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากจะทำให้ตัวเองรำคาญและแม่รำคาญอีก จนกระทั่งสำนึกได้ว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนใครหรือสถานการณ์ใดได้ เราต้องเริ่มเปลี่ยนจากตัวเองก่อน ทุกสิ่งต้องเริ่มจากตัวเราเอง ส่วนเรื่องเล็กน้อยหยุมหยิมก็อย่าได้แคร์สื่อ เอ้ย! อย่าได้ใส่ใจให้มากนัก เพราะมันไม่ถึงกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ต้องเอาชนะกันเสียเมื่อไร

การบ่นเป็นความบาปอย่างหนึ่ง เป็นความเห็นแก่ตัวที่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามใจของเรา และประการสำคัญคือ ถ้าฉันนำสิ่งหยุมหยิมเข้ามาในใจ ก็จะปิดกั้นสิ่งยิ่งใหญ่ที่ฉันจะได้รับจากพระเจ้า คิดได้ดังนี้แล้ว จากคำบ่นที่พ่นไปในอากาศก็เปลี่ยนเป็นคำอธิษฐานที่ล่องลอยสู่เบื้องบน แต่ก่อนอื่นฉันก็ระบายความในใจก่อนคะ ระบายแล้วก็จบเลยนะคะ จากนั้นก็ขอกลับใจเริ่มต้นใหม่ เป็นคนใหม่นิสัยใหม่ตามชอบพระทัยพระเจ้า

เป็นอันประหลาด แต่ก็ไม่ประหลาดหรอกคะ เป็นกฎเกณฑ์ที่เราทราบกันอยู่ เมื่อเราเปลี่ยนวิถีคิด วิธีแห่งความสุขใจก็เกิดขึ้น จานชามบนโต๊ะอาหารสารพัดลายก็เป็นศิลปะอีกแบบหนึ่งในแต่ละมื้ออาหาร ช้อนส้อมคนละคู่ที่ยาวสั้นไม่เท่ากันหรือหนักเบาไม่เท่ากัน ก็ฝึกเราในการเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างง่ายๆ ขอบคุณพระเจ้าที่มีอาหารรับประทาน มีจานชามช้อนส้อม ว้าว! มีอะไรตั้งเยอะแยะให้ขอบคุณพระเจ้า

แต่ยิ่งกว่านั้นอีก คือ ต่อมาคุณแม่เริ่มเปลี่ยนคะ (ฮา) แม่เริ่มยอมรับแนวคิดบ้าบอคอแตกของฉัน เพราะเวลาใครมาบ้านก็ชมแม่ว่าจานชามสวย บ้านช่องเป็นระเบียบ คุณแม่จึงเป็นปลื้มคะ ตอนนี้เธอจึงกลายเป็นผู้ที่จะแยกสิ่งของเครื่องใช้อย่างเป็นระเบียบซะเอง

ฉันได้เรียนรู้ว่า
ต้องผ่อนหนักผ่อนเบากับผู้อื่น!
ต้องผ่อนหนักผ่อนเบากับตนเอง!
แต่ต้องจริงจังกับทางของพระเจ้า!

[คส.3:13 จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน และถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงยกโทษให้กันและกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน]

ไม่มีความคิดเห็น: