Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วางลง…วางใจ

วางลง…วางใจ
วันที่ 10/5/2011

หลังจากแบ่งปันเรื่องการเป็นผู้อารักขาได้ไม่นาน งานก็เข้าเลยค่ะ กล่าวคือ มีเรื่องต้องให้ปล้ำสู้ในฝ่ายวิญญาณ เนื่องจากฉันไม่สามารถอารักขางานที่รับมาจากเบื้องบนได้ จู่ๆ ฉันก็ไม่อยากอธิษฐานซะงั้น ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าการอธิษฐานนั้นเป็นงานเงียบที่ทรงพลัง ครูแมมเคยบอกว่า “ให้อธิษฐานแม้ไม่มีแรงอธิษฐาน” แต่คราวนี้ไม่ได้ป่วย ไม่ได้หมดแรง แต่ “หมดใจ” อ้าว!!! ฉันตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมจึงไม่อยากอธิษฐาน

ขอบคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงกระตุ้นเตือนให้ฉันตระหนักว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งฉันก็พยายามหาสาเหตุ เอ๊ะ! หรือเป็นเพราะงานที่ยุ่งรัดตัวมากๆ พอสิ้นวันก็พลันจะสิ้นใจ ไม่อยากคุย ไม่อยากพูด ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น อยากนอนอย่างเดียว และฉันก็ทำอย่างนั้นจริงๆ คือ หลับตาลงด้วยการอธิษฐานเพียงน้อยนิดพอเป็นพิธี แต่พอหลายวันเข้าสัญญาณอันตรายก็ฟ้อง ฉันว้าวุ่นใจไร้สันติสุขในเวลาต่อมา นึกในใจเหมือนกันว่า “อะไรเนี่ย วันก่อนยังดีๆ อยู่เลย เผลอไม่ได้เชียว มิน่าล่ะ พระคัมภีร์จึงสอนเราว่าให้ระวังระไวรอบด้าน”

ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ถัดมา ฉันเข้าไปเรียนรู้เรื่องหลักข้อเชื่อจากอาจารย์นิกรตั้งแต่เช้าจรดค่ำคืน ตลอด 2 วันเต็มที่ได้รับความรู้อย่างมากนั้น กลับรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก ก็คิดไปเองว่า ทำงานหนักสมองมาตลอดสัปดาห์ และเสาร์อาทิตย์ยังมานั่งเรียนอีก หัวสมองที่มีความจำกัดจึงเกิดอาการเหนื่อยล้า โอ้โห! แต่ไม่รู้ว่าอาจารย์นิกรเอาพลังมาจากไหนนี่สิ ทั้งสอนทั้งเทศน์ได้น้ำไหลไฟดับ และไม่ได้สอนแบบธรรมดาด้วยนะคะขอบอก ลีลาเหลือกินจริงๆ (แหะ แหะ ขอให้ภาษาแสลงนิดหนึ่งนะคะอาจารย์ที่เคารพ)

เมื่อถึงวันจันทร์ ซึ่งเป็นอีกวันที่มีรายการสัมมนาที่คริสตจักร ฉันก็จอดแบบไม่ต้องแจว เดิมทีตั้งใจว่าจะไปร่วมงาน แต่ก็ฝืนสังขารไปไม่ไหว เพลียสุดๆ แต่ขอบคุณพระเจ้า เมื่อนอนมากหน่อยก็อาการดีขึ้น ต่อมาประมาณช่วงเที่ยง ครูแมมฝากอธิษฐานสำหรับคริสตจักรลูกที่น้ำยืน พองานเข้าเช่นนี้ก็ต้องอธิษฐาน แต่ว่าความกระวนกระวายบางประการยังคงรบกวนอยู่

เช้าวันรุ่งขึ้นก็เปิดคอมพิวเตอร์ หลังจากที่ลาจากกันไป 3 วัน โอ๊ะ! อะไรกันนี่ มีแต่สารอธิษฐาน ทั้งจากประเทศเพื่อนบ้านแถบเอเชีย อเมริกา องค์กรมิชชั่น อิสราเอล หรือแม้กระทั่งหัวข้ออธิษฐานเผื่อส่วนตัวจากพี่น้องบางท่าน พอเห็นหัวข้อเรื่องของอีเมล์แล้วไม่กล้าเปิดดูเนื้อความเลยค่ะพี่น้อง เพราะไม่มั่นใจว่าตนเองจะสัตย์ซื่อในการอธิษฐานเผื่อตามหัวข้อในสารอธิษฐานนั้นหรือเปล่า

อะไรเนี่ย ทำไมจึงไม่อยากอธิษฐาน บกพร่องในฐานะผู้อารักขา เป็นสัญญาณอันตรายระดับรุนแรง ไม่รู้ต้องใช้หน่วยซีลของอเมริกามาช่วยหรือเปล่า (อ้าว! เกี่ยวไหมนะ)

เมื่อเรารู้ว่าอะไรดีแล้วไม่ทำก็เป็นบาป! พลันก็ต้องหาทางออก “อธิษฐานทั้งที่ไม่อยากอธิษฐาน” นี่แหละ และเมื่อสบโอกาสก็ทำงานไปพร้อมกับเปิดเพลงนมัสการไปด้วย ฉันชอบฟังเพลงนมัสการลาวมาก มีพี่สาวที่รักท่านหนึ่งให้มาหลายเพลงด้วยกัน ลาวเป็นประเทศที่ไม่ได้มีเสรีภาพในการเป็นคริสเตียนเฉกเช่นพี่ไทย ดังนั้น บทเพลงที่ผู้ร้องถ่ายทอดออกมาจึงเปี่ยมไปด้วยพลัง ความหวัง และความไว้วางใจในองค์พระเยซู พี่น้องลาวถูกบีบคั้นในหลายด้าน แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอดทนพร้อมจะต่อสู้เพื่อเสรีภาพในฝ่ายวิญญาณของพวกเขาและเพื่อชาวลาวทั้งประเทศ และอีกครั้งหนึ่งที่บทเพลงทำให้ฉันกลับใจ

ช่วงเย็นเมื่อกลับถึงบ้าน ก็หยิบหนังสือของอาจารย์นิกรมาอ่าน เมื่อพลิกดูแรกๆ ไม่อยากอ่าน เพราะเนื้อหาคล้ายคลึงกับที่อาจารย์ได้เทศนาเมื่อวันอาทิตย์ แต่ก็ต้องกลับใจอีก เพราะหนังสือนี้ได้รับแจกฟรีมา ผู้เขียนและผู้ให้ต้องลงทุนอย่างมาก และฉันจะไม่ลงทุนอ่านหรือนี่ เมื่ออ่านไปก็ขอบคุณพระเจ้า มีช่วงหนึ่งของหนังสือที่แตะหัวใจฉันมาก

หนังสือ 10 คำทำนายสะท้านโลก โดย นิกร สิทธิจริยาภรณ์ หน้า 81…เมื่อเรามีภาระหนักเกินกำลังของเราก็ขอให้เราวางใจพระเจ้าจริงๆ มีพี่น้องคริสเตียนสตรีท่านหนึ่งถามผมว่า “อาจารย์คะ ดิฉันก็วางในในพระเจ้านะ แต่ทำไมยังรู้สึกว่าหนักอยู่” ผมเลยบอกให้เธอยกโต๊ะตัวหนึ่งแล้วถามเธอว่า “หนักไหมครับ?” “หนัก” เธอตอบ “ยังยกไหวไหม” ผมถามต่อ “ยังยกไหวอยู่ แต่ถ้านานๆ ก็คงยกไม่ไหว” เธอตอบ “ถ้ายกไม่ไหวแล้วทำยังไงดี” ผมถาม เธอก็ตอบว่า “ถ้าไม่ไหวก็วางซิคะ” แล้วเธอก็วางโต๊ะตัวนั้น ผมพูดต่อว่า “พอวางแล้วหนักไหม” ไม่หนักคะ “ทำไมถึงไม่หนัก” ผมถาม “อ้าว! ก็ดิฉันวางลงแล้วจะไปหนักได้อย่างไร” เธอตอบ ผมจึงพูดตอบว่า “เมื่อตะกี้คุณบอกว่าคุณวางใจในพระเจ้าแล้ว แต่ทำไมยังรู้สึกหนักอยู่ เพราะถ้าคุณวางใจพระเจ้าจริง จะไปหนักได้อย่างไร แต่การที่คนรู้สึกหนัก เพราะคุณวางใจแค่ปากเท่านั้น คุณยังไม่ได้วางใจจริงๆ”

ใช่แล้วคะ ฉันเองก็รู้สึกหนัก เพราะฉันไม่ได้วางภาระหนักที่รับไว้ จึงส่งผลกระทบต่อเนื่องตามมาอย่างน่ากลัว เมื่อฉันอธิษฐานแล้วฉันก็ยังไม่วาง เมื่อจะทำการบางอย่างก็ไม่ได้พึ่งพาพระเจ้า ภาระนั้นจึงยิ่งหนัก และเมื่อหนักมากเข้าก็ไม่อยากทำอะไรนั่นเอง…ฉันต้องขอการยกโทษจากพระบิดา และขออภัยพี่น้องที่หวังใจในการอธิษฐานจากฉัน ซึ่งฉันได้ละเลยไประยะหนึ่ง…จากนั้นฉันก็เริ่มเปิดอีเมล์ทีละรายการ และอธิษฐานตามหัวข้อต่างๆ รู้สึกขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องมากมายที่เพียรพยายามกระทำตามพระมหาบัญชาอยู่ในส่วนต่างๆ ของโลก พี่น้องเหล่านั้นเป็นเสมือนทัพหน้าที่เผชิญกับข้าศึก เราซึ่งอยู่แนวหลังจะนิ่งนอนใจกระนั้นหรือ?

Dear Lord, work in me so that I will always be alert and thankful when I pray, weather alone or with others. So much depend on prayer! Don’t’ let me be careless, or distracted, or on~and~off in my praying. (Ruth Myers, 31 Days of Prayer)

อีกครั้งหนึ่งที่ฉันขอบคุณทุกคนที่ไว้วางใจฉัน ส่งข่าวสารอธิษฐานมาให้ เพราะทำให้ฉันเห็นภาพพระราชกิจของพระเจ้าซึ่งทรงเคลื่อนไหวอยู่เหนือสิ่งสารพัดในที่ต่างๆ ได้รับรู้ถึงชีวิตบางเสี้ยวมุมของพี่น้อง และเป็นการหนุนใจผู้อธิษฐานอยู่เบื้องหลังให้เป็นผู้อารักขาการอธิษฐานไว้ในหัวใจเสมอ และสารอธิษฐานต่างๆ นั้น ทำให้ฉันอธิษฐานได้อย่างเจาะจงตรงเป้าหมายของผู้ส่ง ทั้งยังทำให้พี่น้องมากมายทั่วโลกได้อธิษฐานอย่างตรงเป้าหมายในเรื่องเดียวกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

เมื่อวางใจแล้ว ก็รู้สึกโล่ง เบาสบาย ลิ้มรสสันติสุขเช่นนี้นี่เอง…ฮาเลลูยา!!!

ไม่มีความคิดเห็น: