Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553

เหตุใดจึงร้องไห้

เหตุใดจึงร้องไห้
วันที่ 1/10/2009
ผลสำรวจเผย ผู้หญิงใช้เวลาร้องไห้ในชีวิต 1 ปีกับ4 เดือน…ผลสำรวจโดย WWW.TheBabyWebsite.com กระทำต่อกลุ่มตัวอย่าง 3 พันคน ระบุว่า ผู้หญิงจะใช้เวลาในชีวิตร้องไห้เฉลี่ยราว 1 ปี กับ 4 เดือน เริ่มตั้งแต่ช่วงเป็นเด็กอายุ 1-3 ขวบ เด็กผู้หญิงจะใช้เวลาร้องไห้ 2 ชม.และ 5 นาทีต่อวัน เพราะล้ม เหนื่อย และถูกออกคำสั่ง ส่วนช่วงวัยรุ่น เด็กสาวจะใช้เวลาร้องไห้ราว 2 ชม.และ 13 นาทีต่อสัปดาห์ สาเหตุจากการเปลี่ยนทางฮอร์โมนเพศ เถียงกับเพื่อน ๆ อกหัก และถูกกักบริเวณ ส่วนในช่วงอายุ 19-25 ปี พวกเธอจะเสียน้ำตาให้แก่หนังเศร้าซึ้ง ความไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ระยะยาวกับคนรัก และการสูญเสียคนรัก และเมื่ออายุ 25 ปี สาเหตุใหญ่ที่จะทำให้ผู้หญิงเสียน้ำตาคือเรื่องระเบิดอารมณ์ ซึ่งรวมทั้งถูกคู่รักทิ้ง ได้ยินเรื่องร้ายของคนอื่น และรู้สึกเหนื่อยล้า โดยทั้งหมดนี้เท่ากับว่า ผู้หญิงจะใช้เวลาร้องไห้ในชีวิตเฉลี่ย 12,000 ชม. (ข้อมูลจากประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 17:22:06 น)
ข้อมูลข้างต้นนั้นมิได้หมายถึงผู้หญิงทุกคน แต่ก็ให้ภาพบางประการที่น่าสนใจ แต่เพื่อให้ข้อมูลที่เข้มข้นมากขึ้นน่าจะมีการสำรวจด้วยว่าผู้ชายใช้เวลาร้องไห้ในชีวิตมากเพียงใด แต่ที่แน่ๆ ใครละว่าผู้ชายร้องไห้ไม่เป็น เพราะแม้แต่กษัตริย์ดาวิด มหาบุรุษผู้เข้มแข็ง ก็ยังร้องไห้ด้วยความทุกข์หลายครั้ง [สดด.6:6 ข้าพระองค์อ่อนเปลี้ยด้วยการคร่ำครวญ และหลั่งน้ำตาท่วมที่นอนทุกคืน ที่เอนกายก็ชุ่มโชกไปด้วยการร้องไห้] ฮือ ฮือ น่าสงสารดาวิดยิ่งนัก…เพียงแค่อ่านพระคัมภีร์ก็ทำให้หลายคนร้องไห้ได้แล้ว
พระเยซูเองก็ทรงกันแสงเนื่องด้วยสงสารกรุงเยรูซาเล็ม [ลก.19:41 ครั้นพระองค์เสด็จมาใกล้เห็นกรุงแล้ว ก็กันแสงสงสารกรุงนั้น] พระเยซูทรงกันแสงด้วยความสะเทือนพระทัยและทรงเป็นทุกข์เนื่องด้วยการจากไปของลาซารัส [ยน.11:32-36 ครั้นมารีย์มาถึงที่ซึ่งพระเยซูประทับอยู่และเห็นพระองค์แล้ว จึงกราบลงที่พระบาทของพระองค์ทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ถ้าพระองค์ประทับอยู่ที่นี่ น้องชายของข้าพระองค์ก็คงไม่ตาย" เมื่อพระเยซูทรงเห็นเธอร้องไห้ และพวกยิวที่มากับเธอก็ร้องไห้ด้วย พระองค์ก็ทรงสะเทือนพระทัยและทรงเป็นทุกข์ พระองค์ตรัสว่า "พวกเจ้าเอาศพเขาไปไว้ที่ไหน" เขาทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า เชิญเสด็จมาดูเถิด" พระเยซูทรงพระกันแสง …] นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายตอนของพระคัมภีร์ที่บอกเราว่าพระเยซูของเราทรงเป็นทุกข์และสะเทือนพระทัยเพียงไร
หลายครั้งที่การร้องไห้นั้นเป็นความตื้นตันใจยินดี แต่การร้องไห้อันเนื่องมาจากการทนทุกข์หรือเจ็บปวดก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน แต่โดยพระคุณของพระเจ้า ไม่ว่าเราจะต้องร้องไห้เพราะความทุกข์ประการใดก็ตาม เราก็แน่ใจได้เต็มร้อยว่าพระเจ้าทรงรักเรา ทรงเปลี่ยนการไว้ทุกข์เป็นการเต้นรำ ทรงทอดพระเนตรหัวใจที่บอบช้ำของเรา ทรงประสงค์จะเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดของเรา เพราะน้ำตาแต่ละหยดของเรานั้นกระทบพระทัยพระบิดายิ่งนัก
พระวิญญาณบริสุทธิ์เจ้าข้า ขอทรงโปรดประทับตราที่วิญญาณจิตของเราทุกคน เพื่อจะระลึกไว้เสมอว่าพระองค์ทรงโปรดปรานเรายิ่งนัก ทรงประสงค์ให้เรามีความชื่นบานในรักของพระองค์เสมอนิรันดร์ [สดด.30:5 เพราะพระพิโรธของพระองค์นั้นเป็นแต่ชั่วขณะหนึ่งและความโปรดปรานของพระองค์นั้นตลอดชีวิต การร้องไห้อาจจะอ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง แต่ความชื่นบานจะมาเวลาเช้า] …ฮาเลลูยา!

ไม่มีความคิดเห็น: