Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553

พระเจ้าประทาน

พระเจ้าประทาน
วันที่ 26/11/2009
โดยพระคุณของพระเจ้า ทรงประทานบ้านหลังใหม่ให้ ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2552 แต่เนื่องจากบ้านอยู่ค่อนข้างไกลจากถนนใหญ่ จึงมีแนวคิดอยากได้รถยนต์สักคันหนึ่ง แต่ฉันไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อรถยนต์ ดังนั้น การจะได้รถยนต์มาก็ต้องพึ่งพระเจ้าเท่านั้น แต่จู่ๆ ก็กลับมีความคิดขึ้นมาว่า โอ้โห! พระเจ้าประทานบ้านให้ตั้งหลังหนึ่งแล้ว ทั้งๆ ที่ฉันไม่สมควรจะได้รับ แล้วยังจะไปขอรถยนต์จากพระเจ้าอีกเหรอ ว่าแล้วก็เกิดอาการเกรงใจขึ้นมาซะนี่ แต่พี่สาวที่เคารพรัก 2 ท่าน ก็ให้ความเห็นตรงกันว่า พระเจ้าย่อมให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราซึ่งเป็นลูกของพระองค์ และพี่สาวคนหนึ่งก็ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า รถยนต์เป็นความจำเป็นสำหรับชีวิตของฉันไปซะแล้ว พระเจ้าทรงเห็นความจำเป็นนั้น พระองค์จะประทานให้อย่างแน่นอน เราสามารถขอจากพระเจ้าได้ เพราะทรงยิ่งใหญ่ไม่จำกัด เราขอได้เลย โดยไม่ต้องเกรงใจ หลายคนเป็นเช่นนี้ ไม่กล้าขอของดีจากพ่อ เพราะเกรงใจพ่อ แต่เวลาทำบาปไม่เห็นเกรงใจพ่อเลย (อุ๊บ!!! จุกค่ะ เพราะโดนเต็มๆ)
เมื่อได้อ่านหนังสือเรื่อง “ชีวิตที่เหลือเชื่อ” ของ ออรัล โรเบิร์ต ก็ยิ่งเพิ่มความเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงไม่ประจักษ์แก่ตาว่า ทรงเห็นความจำเป็นของเราแต่ละคน ทรงพร้อมเสมอที่จะประทานให้ตามที่เราทูลขอ วินาทีนี้ฉันจึงมีความเชื่ออย่างหมดหัวใจว่าพระองค์จะประทานรถยนต์ให้คันหนึ่งแน่นอน โดยวิธีการของพระองค์ …อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ไปจดจ่ออยู่ที่พระพรมากกว่าพระเจ้าผู้ทรงประทานพระพร เราต้องเรียนรู้หลักการจัดการทางการเงินจากพระเจ้าด้วย
โรเบิร์ต กล่าวว่า เขาเรียนรู้หลัก 10 ประการ เพื่อจัดการกับการเงินส่วนตัวและในพันธกิจ ดังนี้
1. เริ่มกันที่จุดเริ่มต้นของสติปัญญาทางการเงิน…ถ้าพันธกิจและชีวิตไม่ได้ปลูกเมล็ดของสิบลด ไม่ได้ถวายและช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสอย่างสม่ำเสมอแล้ว เราก็จะไม่มีวันเก็บเกี่ยวผลผลิตอันอัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงตั้งพระทัยไว้สำหรับชีวิตและพันธกิจของเรา [มลค.3:8-10 จะฉ้อพระเจ้าหรือ แต่เจ้าทั้งหลายได้ฉ้อเรา แต่เจ้ากล่าวว่า 'เราทั้งหลายฉ้อพระเจ้าอย่างไร' ก็ฉ้อในเรื่องทศางค์ {หรือ สิบชักหนึ่ง} และเครื่องบูชานั่นซี 9เจ้าทั้งหลายต้องถูกสาปแช่งด้วยคำสาปแช่ง เพราะเจ้าทั้งหลายทั้งชาติฉ้อเรา10พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า จงนำทศางค์เต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่า เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่”] สิบลดเป็นสิ่งบริสุทธิ์แด่พระเจ้า ดังนั้น การดูแลสิบลดจึงเป็นการไว้วางใจอันศักดิ์สิทธิ์
2. เราต้องยึดมาตรฐานที่สูงกว่าต่อพระเจ้าและมนุษย์…[ลก.12:48 แต่ผู้ที่มิได้รู้ แล้วได้กระทำสิ่งซึ่งสมจะถูกเฆี่ยน ก็จะถูกเฆี่ยนน้อย ผู้ใดได้รับมาก จะต้องเรียกเอาจากผู้นั้นมากและผู้ใดได้รับฝากไว้มาก ก็จะต้องทวงเอาจากผู้นั้นมาก”] เราต้องใช้ชีวิตด้านการเงินราวกับว่าทุกเช้าหนังสือพิมพ์จะรายงานการเงินส่วนตัวของเราขึ้นหน้าหนึ่ง
3. แสวงหาสติปัญญาที่มาจากพระเจ้าในการบริหารการเงิน … [สภษ.4:6 อย่าทอดทิ้งเธอ และเธอจะรักษาเจ้าไว้ จงรักปัญญา และปัญญาจะระแวดระวังเจ้า]
4. แสวงหาพระเจ้าและความเจริญรุ่งเรืองฝ่ายวิญญาณของพระองค์ แล้วเราจะอยู่ในที่ซึ่งไม่ขาดแคลน [ฟป.4:19 และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์] พระเจ้าทรงต้องการให้เราประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต รวมทั้งการเงินของเราด้วย เพื่อทำราชกิจของพระองค์ทั่วโลก สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับการที่เราไม่ขัดสนในความจำเป็นของเราก่อน ความเจริญรุ่งเรืองของพระเจ้าสำหรับเราแต่ละคนคือ การมีมากกว่าเพียงพอเพื่อสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกให้เราทำ ถ้าหัวใจของเราจริงใจในการหว่านและการเกี่ยว พระเจ้าก็จะทรงสนองความจำเป็นทั้งสิ้นของเราจากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ ขอให้เราลงลึกมากขึ้นสู่การหว่านเมล็ดแห่งความเชื่อ และคาดหวัง “เวลาอันสมควร” ของพระเจ้า ซึ่งเราจะได้เก็บเกี่ยวอย่างอัศจรรย์
5. ดูแลความจำเป็นทางการเงินของครอบครัวคุณ…ลำดับความสำคัญของพระเจ้าคือว่า พระองค์ทรงให้ความสำคัญแก่ครอบครัวเป็นอันดับแรก [1ทธ.3:4-5 เราต้องเป็นคนครอบครองบ้านเรือนของตนได้ดี อบรมบุตรธิดาของตนให้อยู่ในโอวาทและมีใจนอบน้อม 5เพราะว่าถ้าชายคนใดไม่รู้จักครอบครองบ้านเรือนของตน คนนั้นจะดูแลคริสตจักรของพระเจ้าอย่างไรได้] ถ้าเราไม่สนใจครอบครัว เราก็กำลังหว่านเมล็ดของความขุ่นเคือง หากหว่านเมล็ดไม่ดี ก็จะนำการเก็บเกี่ยวที่ไม่ดีมา จึงเป็นความรับผิดชอบที่จะต้องดูแลการเงินของครอบครัวอย่างเหมาะสม
6. ระวังเรื่องหนี้สิน…[สภษ.22:7 คนมั่งคั่งปกครองเหนือคนยากจน และคนขี้ยืมก็เป็นทาสของคนให้ยืม]…อาจจะมีการจับจ่ายใช้สอยมากเมื่อเราเริ่มงานใหม่ หรือครอบครัวใหม่ ซึ่งคงจะต้องมีหนี้สิน โดยเฉพาะการซื้อบ้านหรือรถ สิ่งเหล่านี้เป็นหนี้ชั่วคราวที่ยอมรับได้ เพราะว่าหนี้ที่เราก่อนั้นเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่มีคุณค่าเท่าเทียมกันหรือมากกว่า แต่เราจะไม่ก่อหนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน อย่างเช่น หนี้จากบัตรเครดิต และบรรดาเงินกู้ต่างๆ เป้าหมายของเราควรจะเป็นการปลดหนี้และคงสภาพไร้หนี้นั้นอย่างเร็วที่สุด ถ้าเรารู้สึกว่าเราต้องยืมเงินเพื่อการรับใช้ของเรา มันก็ควรจะเกี่ยวพันกับทรัพย์สินซึ่งได้รับการทรงนำโดยตรงจากพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นแหล่งที่พึ่งของเรา เหนือสิ่งอื่นใดคือการได้รับพระทัยของพระเจ้า 100% ก่อน และทำตามอย่างสุดใจ แล้วเราจะไม่พลาด
7. หลีกเลี่ยงเล่ห์เหลี่ยมและความฝัน [สภษ.18:17 บุคคลผู้แถลงคดีของตนก่อนก็ดูเหมือนเป็นฝ่ายถูก จนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะมาสอบสวนเขา] บางคนจะมาหาเราด้วยการลงทุนที่มีศักยภาพ และคำชักชวนของเขาก็น่าฟัง แต่โรเบิร์ตได้เรียนรู้ว่า จะไม่พึ่งคนอื่นให้จัดเตรียมความมั่งคั่งให้ เราควรจะพึ่งพระเจ้าในฐานะแหล่งที่พึ่งแห่งการจัดเตรียมของเรา
8. หาคนหนึ่งซึ่งเราจะรายงานต่อเขา…นี่คือแผนการของพระเจ้าสำหรับเราที่จะรายงานต่อคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณมากกว่าเรา แสวงหาพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน เพื่อจะนำเราไปยังผู้ซึ่งคุณภาพชีวิตภายในและความซื่อสัตย์ไม่มีที่ติ นอกจากนั้น สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว เรายังต้องตัดสินใจร่วมกับคู่สมรสอีกด้วย
9. น่าแปลก เราจะรับมือกับความสำเร็จได้ยากกว่าความล้มเหลว!…มันเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับเรา ให้คงความระมัดระวัง เมื่อเราถวายตัวเชื่อฟังพระเจ้า ติดตามพระองค์อย่างสุดใจของเรา และแสวงหาการทรงนำและสติปัญญาของพระองค์ แล้วเราจะสำเร็จ…ในเวลาแห่งความสำเร็จนั้นเองที่เราจะต้องยอมฟังพระเจ้าและการทรงเรียกของเราอย่างที่สุด…จงระวังเมื่อเราต้องการซื้อทุกสิ่งที่เราไม่เคยมีหรือเคยต้องการมาก่อน ระวังเมื่อเราเริ่มคิดว่า เราไม่สามารถทำบาป ระวังเมื่อการดำเนินชีวิตส่วนตัวของเรากับพระเจ้าน่าเบื่อ และการใช้เวลาส่วนตัวกับพระเจ้าถูกละทิ้ง เวลานั้นเองที่เราได้นำตัวเองมาถึงสถานการณ์อันตราย

10. จงแน่ใจว่าเราได้ดูแลธุรกิจของพระเจ้า แล้วพระองค์จะดูแลธุรกิจของเราอย่างแน่นอน…การเป็นผู้อารักขาตามที่พระเจ้าทรงต้องการนั้น จะเป็นการเดินของความเชื่อเสมอ เราสามารถก้าวออกมาด้วยความเชื่อ และไปถึงศักยภาพตามที่พระเจ้าได้ทรงเรียกเรา เราสามารถตื่นตัวกับความเชื่อมาก โดยไม่สงสัย แล้วการอัศจรรย์ก็จะเกิดขึ้น!

มีเรื่องเล่าว่า เมื่อดินกลบปิดเมล็ดหนึ่งนั้น มันบอกกับเมล็ดว่า “เราปิดเจ้าแล้ว”
เมล็ดตอบว่า “ไม่ เจ้าไม่ได้ปิด เราจะโตทะลุเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะหนักแค่ไหนก็ตาม เรามีชีวิตของพระเจ้าอยู่ในเรา”
และมันก็เป็นจริง เติบโตและเติบโต เกิดผลและเกิดผล และเพิ่มพูนอย่างมาก ชีวิตของพระเจ้าอยู่ในเมล็ดที่คุณปลูก

หมายเหตุ: ศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมได้จากหนังสือ “ชีวิตที่เหลือเชื่อ” เขียนโดย ออรัล โรเบิร์ต (Still doing the impossible by Oral Roberts) แปลโดย อ.วรพงศ์ จริยพฤทธิพงศ์ บทที่ 13 สำนักพิมพ์แม่น้ำ

ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพรทุกท่าน ขอพระองค์ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์…Amen!

ไม่มีความคิดเห็น: