Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553

บ้านแห่งความสุข

บ้านแห่งความสุข
วันที่ 20/11/2009
“บ้านเรา แสนสุขใจ แม้จะอยู่ที่ไหน ไม่สุขใจเหมือนบ้านเรา คำว่าไทย ซึ้งใจ เพราะใช่ทาสเขา ฯลฯ” เพลงบ้านเรา แสนสุขใจ ของลุงสุเทพ วงศ์กำแหง ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณแม่ชอบเปิดค่า
อีกเพลงหนึ่งเกี่ยวกับบ้านที่คุณแม่ชอบเปิด ก็ขับร้องโดยคุณพี่สวลี ผกาพันธ์ (พี่ของคุณยาย) ด้วยเพลง....บ้านของเรา....ที่ร้องว่า “บ้าน คือวิมานของเรา เราซื้อเราเช่า เราปลูกของเรา ตามใจ”… ฉันชอบท่อนต่อไปนี้มากเลย…”บ้าน ฉัน มีเพลงฝันให้ฟัง มีเสียงระฆัง จากกังสดาลพริ้งไป มีสวนไม้ดอก ผลิบานก้านกอช่อใบ มีความรัก มีน้ำใจ มีให้อภัย มีกรุณา…บ้าน คือวิมานของเรา ยามพบความเศร้า รีบกลับบ้านเรา จะเปรมปรีดา เพราะบ้านมีรัก น้ำใจอภัยกรุณา คอยเราอยู่ทุกเวลา ในชายคาเขตบ้านของเรา”
มีคนเคยตั้งคำถามด้วยนะว่า House กับ Home ที่แปลว่าบ้านนั้น ต่างกันอย่างไร? โอกาสนี้จึงขอหยิบยกความหมายมาให้ชมกันเลยดีกว่าค่ะ
House (อ่านว่า เฮ้าส์) แปลว่า บ้าน…คำนี้เป็นคำนาม หมายถึงการเรียกบ้านที่เป็นหลังๆ บ้านที่สร้างขึ้นด้วยอิฐ ด้วยปูน เราจะใช้คำว่า House ในความหมายด้านกายภาพ ด้านโครงสร้างของบ้าน ในความหมายที่จับต้องได้ เช่น ช่างกำลังสร้างบ้านให้ฉัน "บ้าน" ในประโยคนี้จะใช้คำว่า House
Home (อ่านว่า โฮม) แปลว่า บ้าน…คำนี้เป็นคำนาม ใช้เรียกแทนบ้าน แต่จะเป็นด้านในความหมายด้าน อารมณ์ความรู้สึก ไม่ใช่ในความรู้สึกที่เป็นหลังๆ มีหลังคามีผนัง แต่บ้านในความหมายของ Home จะเป็นแนว บ้านนี้มีรัก มีความอบอุ่น มีความสุข มีกำลังใจให้กันและกัน ในการเปรียบเทียบความหมายเชิงลึกของสองคำนี้ นิยมใช้ประโยคดังต่อไปนี้ ในการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ
A house is made of brick and stone.
A home is made of "love" alone.
เนื่องจากฉันเพิ่งย้ายจากคอนโดไปอยู่บ้าน เมื่อพบเจอกลุ่มเพื่อนจึงเกิดการโต้วาทีเล็กๆ ว่า อยู่บ้านหรืออยู่คอนโดจะดีกว่ากันนะตัวเอง และแต่ละฝ่ายก็งัดเหตุผลมาสนับสนุนความคิดของตน
ฝ่ายที่ชอบคอนโด ก็ให้เหตุผลว่า คอนโดอยู่ง่าย พื้นที่ไม่มาก ไม่ต้องทำความสะอาดมาก เดินทางสะดวก ประหยัด ปลอดภัย มี รปภ. มีระบบของการบริหารคอนโดแบบนิติบุคคลเป็นผู้ดูแล ฯลฯ แต่ถ้าอยู่บ้านแล้วมีข้อจุกจิกกวนใจมาก เพื่อนบ้านวุ่นวาย เดินทางไกล ไม่ปลอดภัย ไม่สะดวก ยิ่งอยู่ไปนานๆ ก็จะมีรายการต้องซ่อมแซมวุ่นวาย หาช่างก็ลำบาก บางที่ก็น้ำท่วม ปลวกขึ้น อีกต่างหาก
ฝ่ายที่ชอบบ้าน ก็ให้เหตุผลว่า บ้านมีพื้นที่มาก อบอุ่น มีพื้นที่ให้วิ่งเล่น ปลูกต้นไม้ ไม่เหมือนคอนโดที่ได้แต่ที่ลอยฟ้า อึดอัดอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยม ต่างคนต่างอยู่ และถ้าเกิดอัคคีภัยขึ้นมาก็ไม่เหลืออะไรเลย ขณะที่บ้านนั้นยังเหลือที่ดิน
สำหรับฉันซึ่งเคยอยู่ทั้งบ้านและคอนโด ก็มีความเห็นว่าทั้งบ้านและคอนโดก็มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบแตกต่างกันไป สุดแล้วแต่ว่าใครจะเหมาะกับแบบไหนมากกว่า โดยส่วนตัวนั้นคิดว่าหากจะอยู่เป็นโสดเช่นนี้ตลอดไป อยู่คอนโดดีที่สุดค่ะ เพราะสะดวกสบาย ปลอดภัย และประหยัดเงินและประหยัดเวลากว่า เพราะหากอยู่บ้านจะต้องเดินทางไกล ค่ารถก็แพง นอกจากนั้น การอยู่คอนโดยังมีเวลาเหลือไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ชอบอีกด้วย ทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องโจรผู้ร้าย เมื่อมีอะไรเสียหายชำรุด ก็แจ้งนิติบุคคล เขาก็มาซ่อมดูแลให้…แต่คอนโดคงไม่เหมาะกับคนที่มีครอบครัวเป็นแน่ (ความเห็นส่วนตัว) เนื่องจากคอนโดจะมีความจำกัดในตัวของมันเอง จึงเหมาะกับคนทำงาน แต่ถ้าเป็นครอบครัวที่มีผู้สูงอายุหรือเด็กแล้วละก็ คอนโดน่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายของการเลือกอยู่อาศัย เพราะถึงแม้ว่าคอนโดจะมีฟิตเนสชั้นดี สระว่ายน้ำหรู ห้องซาวน่า สนามเด็กเล่น สวนบนดิน หรือแม้แต่สวนลอยฟ้า แต่ก็ไม่มีความเป็นส่วนตัวเมื่อไปใช้บริการ มีเวลาเปิดปิด หากเป็นบ้านเราเอง ที่แม้ว่าจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันดังที่กล่าวมา แต่เราสามารถออกมาเดินเล่นบริเวณบ้านเมื่อไรก็ได้
บางคนก็มีคำถามต่ออีกว่า บ้านนอกกับบ้านเมืองกรุงแบบไหนจะดีกว่ากัน….อ้าว! มันก็นานาจิตตังอีกนั่นแหละค่ะ บางคนก็ไปไกลถึงนอกประเทศเลยนะ แต่คนที่เคยอยู่ต่างประเทศหลายคนบอกว่า เมืองไทยดีที่สุด ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่เคยอยู่ที่ไหนนานๆ นอกจากเมืองไทย (ฮา)
ฉันจึงคิดว่าอยู่ที่ไหนก็ได้ค่ะ ในที่ซึ่งมีความรัก ว้าว! (ซึ้งไหม) ไม่ว่าที่นั่นจะเป็นคอนโดในเมืองศิวิไลซ์ บ้านน้อยใหญ่กลางกรุง ชานเมือง หรือชายทุ่ง เพราะความรักเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในอันที่จะประสานความสุขในบ้านหลังทุกหลัง และก็ไม่สำคัญด้วยว่าจะเป็นบ้านของตัวเองหรือไม่ ยิ่งเฉพาะพี่น้องที่ต้องออกไปรับใช้พระเจ้าในที่ห่างไกลจากบ้านด้วยแล้ว ก็ต้องพบกับเพื่อนพี่น้องที่อาจจะไม่คุ้นเคย แต่หากมีความรักเป็นใหญ่ในที่ใดแล้ว ที่นั่นก็เป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง ซึ่งเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยอย่างมากทีเดียว
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดของที่สุดในการอยู่อาศัยอย่างมีความสุขคือ บ้านที่ก่อไว้บนศิลา (บ้านที่มีพระคริสต์เป็นใหญ่)ทำให้บ้านซึ่งเราอยู่นั้น เป็นบ้านแห่งการนมัสการพระเจ้า และที่ใดซึ่งมีการนมัสการพระเจ้า ที่นั่นแหละก็เป็นพระนิเวศของพระองค์ [สดด.84:4 ความสุขเป็นของบุคคลที่อาศัยในพระนิเวศของพระองค์เขาร้องเพลงสรรเสริญพระองค์เสมอ]
ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพรให้พี่น้องทุกท่านมีความสุขกับการอยู่อาศัยในบ้านบนโลกใบนี้ ซึ่งเรารู้เสมอว่า วันหนึ่งผู้เชื่อทุกคนจะได้ไปอยู่บ้านเดียวกัน บ้านนิรันดร์บนสวรรค์ ที่ซึ่งเราจะสรรเสริญพระเจ้าร่วมกันตลอดนิรันดร์กาล

ไม่มีความคิดเห็น: