Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

เรื่องเล่าจากคูชิง

ชื่องาน :Alpha Conference 2010
วันที่ :14-19 เมษายน 2553
สถานที่ :เมืองคูชิง รัฐสราวัก ประเทศมาเลเซีย
นักเดินทาง:พี่เตือนตา พี่ตุ๊กตา ครูแมม พี่เล็ก พี่เอ็มม่า พี่เฉินเฉิน พี่นันท์ และ ตัวฉันเอง

วันที่ 14/4/2553

ด้วยการทรงนำของพระเจ้า พวกเราทั้งหมด 8 ชีวิต พากันบินลัดฟ้าสู่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งต้องไปต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ก่อน เราพบพี่น้องชาวไทยอีกกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางไปร่วมอัลฟาเหมือนเราเลย เมื่อถึงสนามบินคูชิง มีคุณ Annie เจ้าของ Guesthouse และลูกชาย คือ Anson มารับพวกเราถึงที่ เราไปถึงที่พักชื่อ Fairview Guesthouse ก็พลบค่ำแล้ว เมื่อเก็บสัมภาระเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ไปรับประทานบะหมี่กันที่ตลาดใกล้ Guesthouse ซึ่งทุกคนเอร็ดอร่อยกับบะหมี่ ซาลาเปา และน้ำเต้าหู้มาก

วันที่ 15/4/2553

คำว่า Kuching ในภาษาท้องถิ่น แปลว่า “แมว” พวกเราจึงร้องเหมียวๆ กันตลอดทาง ภูมิประเทศของเกาะคูชิงคล้ายภูเก็ตบ้านเรา กล่าวคือ มีเนินเขาขึ้นลง และมีพืชพันธุ์ไม้เขียวขจีคล้ายเชียงใหม่ ที่ต้นไม้ใหญ่จะมีพวกมอส เฟิร์น เกาะเลื้อยอยู่ ให้อารมณ์ละมุนยามชื่นชม…ครูแมมชอบมากค่ะ

อาหารเช้าของเราสั่งตรงมาจากเมืองไทย ได้แก่ โจ้กและบะหมี่ บางส่วนก็ทานอาหารเช้าของ Guesthouse ในราคา 8 ริงกิต (1 ริงกิต ประมาณ 10 บาท) จากนั้น คุณ Annie และอาปา ก็พาเราไปส่งที่โรงแรมฮิลตัน คูชิง ซึ่งฮิลตันที่นี่นับว่าเป็นโรงแรมห้าดาวเลยทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับบ้านเราแล้ว ก็อยู่ประมาณสามดาวปลายถึงสี่ดาว

คิวของพวกเราวันนี้เป็นการเข้าร่วมงาน Vision Day ซึ่งพี่ตุ๊กตาเป็น เดอะสตาร์ของกลุ่มเราเลยเชียว เพราะเป็นที่รู้จักของหลายคน ผู้เข้าร่วมประชุมมาจากหลายประเทศด้วยกัน ทั้งทวีปยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย ส่วนใหญ่ก็มากันประเทศละหลายๆ คน

เริ่มต้นวันนี้ด้วยการนำนมัสการของผู้นำนมัสการชาวคูชิง จากนั้น Nicky Gumbel ซุปเปอร์สตาร์ตัวจริงเสียงจริง ผู้ก่อตั้ง Alpha Course ก็ขึ้นมาปรากฎกายบนเวที เล่าเรื่องอัลฟาให้เราฟัง จากนั้นก็เชิญผู้แทนจากประเทศต่างๆ มาเล่าถึงความสำเร็จของอัลฟาในประเทศของตนให้ฟัง ฉันไม่แน่ใจว่าจดรายชื่อประเทศต่างๆ มาครบหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ มี มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย จีน นิวซีแลนด์ อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา บรูไน และ ไทย โดยพี่นันทนัชเป็นผู้แทนของประเทศไทย ขึ้นไป update ข้อมูลให้ที่ประชุมรับทราบ

เมื่อหลายคนรู้ว่าเรามาจากประเทศไทยก็เป็นห่วงเป็นใย ไถ่ถาม และรับปากว่าจะอธิษฐานเผื่อประเทศไทย บางคนก็ยืนอธิษฐานด้วยความร้อนรนตรงนั้นเลย

เดิมทีคิดไปเองว่างานประชุมครั้งนี้คงจัดสำหรับผู้ที่เป็นผู้นำหรือผู้ที่เคยผ่านงานอัลฟามาก่อน แต่ปรากฎว่าหลายคนมาร่วมงานอัลฟาเป็นครั้งแรก หลายคนก็มาแทนเพื่อนของเขา แต่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับพระพรมาก

นอกจาก Nicky แล้ว ยังมีวิทยากรรับเชิญอีก 2 ท่าน ขึ้นมาแบ่งปันพระพรให้กับเรา
คนแรก คือ Mark ศบ.หนุ่มไฟแรงจากออสเตรเลีย ซึ่งมีสมาชิกในคริสตจักรหลายพันคน มาแบ่งปันในหัวข้อ “The Dynamic of Leading a Contemporary Church” โดยมีเนื้อหาเล็งไปถึงการเป็นผู้นำ (Leadership) ในพระธรรมโรม 12:6-8ซึ่งองค์ประกอบของคริสตจักรแนวหน้านั้น จะต้องมี
1.Mission ตอบคำถามว่า “ทำไม” คือการบอกให้รู้ว่า เราตั้งคริสตจักรทำไม เช่น เพื่อสร้างสาวก และออกไปประกาศกับคนทั่วโลก เพื่อนำชุมชนมาถึงพระคริสต์
2.Values ตอบคำถามว่า “อะไร” คือ อะไรที่สิ่งคริสตจักรยึดถือ เช่น พระเยซู พระคัมภีร์ พันธกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ฯลฯ
3.Vision ตอบคำถามว่า “ที่ไหน” คือ คริสตจักรจะตั้งอยู่ ณ จุดใด ในช่วงเวลาใด ขอยกตัวอย่างใกล้ตัว เช่น คริสตจักรนิมิตใหม่ มีนิมิตว่าจะมีคริสตจักรลูก 10 แห่ง ภายในปี 2010 เป็นต้น
4.Team Building ตอบคำถามว่า “ใคร” ซึ่งก็คือการสร้างทีมนั้นเอง โดยประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอนเป็นวัฏจักรต่อเนื่อง ได้แก่
a.Gathering รวบรวมทีมงานเพื่อก้าวไปด้วยกัน
b.Motivating กระตุ้นทีมงานให้ทำงานในส่วนของเขาให้ดีที่สุด
c.Training ฝึกฝนทีมงานให้ใช้ศักยภาพของเขาได้มากขึ้น
d.Mobilizing ขยายออกไป ระดมพลให้มากขึ้น
5.Strategy ตอบคำถามว่า “มีกลยุทธ์อย่างไร” มีวิธีการหรือเครื่องมืออะไรบ้างในการรับใช้พระเจ้า ซึ่งอัลฟาก็เป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ
6.Planning ตอบคำถามว่า “มีการวางแผนหรือไม่” ต้องมีการวางแผนงานอย่างรอบคอบเสมอ พร้อมกับการพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์
7.Spiritual Momentum ตอบคำถามว่า คือ “อะไรคือแรงขับเคลื่อนในฝ่ายวิญญาณ”

Mark ได้นำหลักการบริหารหลายประการเข้ามาประยุกต์ใช้ในคริสตจักร อาทิ SWOT (การวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของคริสตจักร) และวิธีการอื่นๆ ทั้งยังได้ท้าทายถึงสิ่งจำเป็นเร่งด่วนอันนำไปสู่การบรรลุซึ่งนิมิตหรือวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ "The Urgency of The Vision." (2 คร.8:1-9) ได้แก่

1. The urgency of the person – (ข้อ 5) พระเยซูทรงเป็นองค์อัลฟาและโอเมก้า ทรงเป็นปฐมและอวสาน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนจะต้องถวายตัวมอบใจให้พระเยซู ให้พระองค์ทรงใช้เราเพื่อแผ่นดินของพระองค์
2. The urgency of the need of others – (ข้อ 6-8) ผู้คนมากมายสิ้นหวังและกระหายหาพระเยซู (spiritual hunger) จึงจำเป็นที่เราจะต้องออกไปนำผู้คนเหล่านั้นมาหาพระเยซู เราอย่ารอให้เขาเดินมาหาเรา เราต้องออกไป! และวิธีการหนึ่งคือ การเชิญพวกเขามาร่วมคอร์สอัลฟา
3. The urgency of the Gospel – (ข้อ 9) ข่าวประเสริฐของพระคริสต์สามารถเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของสังคมได้ พระเยซุผู้มั่งคั่งทรงยอมยากจน เพื่อคนยากจนอย่างเราจะได้มั่งมี ซึ่งสิ่งนี้แหละที่เปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตของเราอย่างสิ้นเชิง โดยทางไม้กางเขนของพระองค์

คำถามหนึ่งในอัลฟาคือ “คุณคิดว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่” ซึ่งสามารถตอบได้เป็น มี-ไม่มี-อาจมี แต่เมื่อไรก็ตามที่คนเหล่านั้นมาเข้าร่วมกลุ่มอัลฟา พวกเราจะมีคำตอบเดียวกันคือ “พระเจ้ามีจริง”
ซาตานได้ก่อให้เกิดการข่มเหงทั่วโลก ในทุกวันนี้ ทว่า พระเจ้าทรงชนะแล้ว พระเยซูสำคัญมาก จริงๆแล้ว พระองค์สำคัญที่สุดในโลก…การดำเนินชีวิตของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะว่าข่าวประเสริฐแห่งองค์พระเยซู

วิทยากรท่านที่ 2 นั้น จำชื่อไม่ได้คะ เป็นชาวคูชิงนั่นเอง มาบอกเล่าเกี่ยวกับ การประกาศข่าวประเสริฐและการเติบโตของคริสตจักรในบริบทของเอเชีย “Evangelism and Church Growth in Asian Context”

ท่านผู้นี้บอกเล่าเรื่องราวที่ฟังแล้วสะดุ้งว่า
- คริสตจักร ไม่ทำหน้าที่ประกาศ
- ผู้เชื่อเก่า ไม่ทำหน้าที่ประกาศ
- ผู้เชื่อในรุ่นที่ 2 ไม่ทำหน้าที่ประกาศ

อย่างไรก็ตาม ท่านได้ชี้ให้เห็นพระพร 5 ประการ สู่ประตูแห่งการประกาศ
1.Do the sowing (2 ทธ.4:5, 2 ทธ.2:6) ทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ จงหว่านออกไป
2.Give the Lead (ยชว.1:2-3) ผู้นำ/ศิษยาภิบาลจะเป็นผู้กำหนดลำดับความสำคัญเพื่อที่จะมุ่งเน้นในการนมัสการ การอธิษฐาน การสอนและเทศนา รวมถึง การประกาศ โดยนำสมาชิกให้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย จากนั้น จึงจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ลงไป เช่น การกำหนดงบประมาณสำหรับงานมิชชั่น การสร้างคนและเตรียมผู้รับใช้ เป็นต้น
3.Expand the Household (กจ.16:31) ให้ความรอดเกิดขึ้นทั้งครอบครัว กุญแจสำคัญคือ “จงเริ่มต้นเดี๋ยวนี้”
4.Build the Sundays (ยด.1:20) คือ การสร้างจุดแข็งของการนมัสการวันอาทิตย์ ด้วยการสร้างตัวขึ้นบนหลักคำสอนอันบริสุทธิ์ อธิษฐานในพระวิญญาณบริสุทธิ์ จัดรวีวารศึกษา ชั้นเรียนพระคัมภีร์ต่างๆ และมุ่งเน้นการนมัสการสรรเสริญ เป็นต้น
5.Create the Momentum (ยรม.12:5) สร้างสรรค์แรงจูงใจ และเพียรหาวิธีการ เพื่อให้คริสตจักรมีไฟเสมอ

จบรายการภาคกลางวันแล้ว พวกเราได้ไปเดินเล่นริมแม่น้ำใกล้โรงแรม ทุกคนสนุกสนานกับการเดินชมบรรยากาศยามเย็น แต่สนุกสุดๆ ก็คงเป็นพี่เตือนกับพี่เล็ก ฮ่า ฮ่า 2 คนนี้สนุกกับการถ่ายรูปและการเป็นนางแบบ งานนี้หลายคนไม่พลาดถ่ายรูปคู่แมวด้วยเช่นกัน ส่วนพี่เฉินก็สนุกกับการพูดภาษาจีนและภาษามาเลย์ พี่เฉินจึงไม่ง้อภาษาอังกฤษเลย นอกจากนั้น พี่เฉินยังน่ารักมาก แบกเป้ แบกของให้เราตลอดการเดินทาง

Fellowship Dinner เป็นอีกหนึ่งรายการเด็ดของวันนี้ หากพลาดแล้วคงเสียใจน่าดูเลยเชียว พวกเราเอร็ดอร่อยกับอาหารแบบโต๊ะจีนเลิศหรู ในบรรยากาศสบายๆ ที่โรงแรมฮิลตัน พี่นันทนัชกับ ดร. สมพิศ ก็มานั่งโต๊ะเดียวกับเราด้วย

คืนแรกที่คูชิงนั้นนอนไม่ค่อยหลับเลย หงุดหงิดใจชะมัด ทั้งๆ ที่ปกติเป็นคนหลับง่าย แถมยังรู้สึกไม่ดีกับคุณ Annie อีก ไม่ประทับใจในการบริการเอาซะเลย ทุกอย่างเธอคิดเป็นเงินหมด และเราจ่ายเงินไปแล้วก็คาดหวังว่าจะได้รับการบริการที่ดี แต่ปรากฎว่าห้องพักไม่ค่อยสะอาด ในห้องน้ำก็ไม่มีอุปกรณ์อะไรให้เราเลย แต่ดีนะที่มีผ้าเช็ดตัวให้ ฉันนึกบ่นอยู่ในใจ และบ่นให้คนอื่นฟังด้วยอีกตะหาก

คืนนี้อธิษฐานขอให้นอนหลับสนิท เพราะยังต้องสัมมนาอีกตั้ง 2 วัน…ขอบคุณพระเจ้า ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก็นอนหลับสนิท สบายทุกคืน

วันที่ 16/4/2553

มีรถตู้มารับเราถึงที่พักเพื่อเดินทางไป Trinity Methodist Church อ่อ เรามีเพื่อนร่วมเดินทางเพิ่มอีก 1 คน (มาถึงคูชิงตั้งแต่เมื่อวาน) คือ Evan ซึ่งฉันเรียกเค้าว่า นายแว่น เพราะง่ายดี เป็นมิชชันนารีชาวสิงคโปร์ ทำงานอยู่ที่ขอนแก่น จึงใช้ภาษาไทยได้ค่อนข้างคล่อง นายแว่นบอกว่าเขาไม่ใช่มิชชันนารีธรรมดานะ พี่เล็กก็แซวว่ามีปีกเหรอ นายแว่นทำหน้าขรึมอธิบายว่า เขาต้องสอนภาษาอังกฤษเพื่อเป็นรายได้ในการยังชีพด้วย พวกเราจึงถึงบางอ้อกับความไม่ธรรมดาของเขา

ระหว่างรอเข้าสัมมนาพวกเราก็ถ่ายรูปกัน จนมีคนแซวว่าพวกเราช่างถ่ายเรี่ยราดกันซะจริง แฮะ แฮะ …สักพักหนึ่ง พี่เตือนกับพี่เฉินหายไปไหนน้า อ้าว! นู้นไง ไปแย่งขนมบรรดา staff กินซะงั้น เราเข้าใจว่าเขาจัดขนมไว้สำหรับ staff แต่ด้วยปริมาณที่มาก พวกเราจึงได้กินด้วยอย่างอิ่มหมีพีมัน พี่เฉินมีสโลแกนว่า “Anyone can come” พวกเราเลยเฮโลไปชิมขนมมาเลย์ ทำจากข้าวเหนียวและชั้นบนเหมือนขนมเปียกปูน อร่อยดีเหมือนกัน แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูนะสิ

พวกเราจองที่นั่งเกือบแถวหน้าเลยเชียว เพื่อจะได้เห็นนักเทศน์นักร้องอย่างชัดเจน บริเวณชั้น 2 มีแปลภาษาจีนให้ด้วย พี่เฉินจึงไม่ง้อภาษาอังกฤษ วิ่งปร๋อไปฟังภาษาจีนกับเขาด้วย หากกะด้วยสายตา ก็คาดว่าน่าจะมีผู้เข้าสัมมนาประมาณพันกว่าคน

เราพบ Madonna ชาวคูชิงเชื้อสายอินเดีย เราเล่าให้ฟังว่าพี่เล็กจะเป็น course leader สำหรับอัลฟาครั้งต่อไป เธอจึงหนุนใจพี่เล็กให้ร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าทุกครั้ง เมื่อต้องทำงานของพระองค์

ช่วงนมัสการเราสุขล้นด้วยการนมัสการพระเจ้าผู้สูงสุด และกรี๊ดกร๊าดไปกับ Tim Hughes เจ้าของเสียงเพลง “Here I am to worship” นี่เราพบเพียงนักร้องในดวงใจ เรายังกรี๊ดขนาดนี้ หากพบพระเยซูเราจะมิกรี๊ดสลบหรือ แต่ขอบคุณพระเจ้า ในองค์พระเยซูผู้ทรงไม่ประจักษ์แก่ตา พระองค์ก็ทรงงดงามล้ำค่า เลอเลิศประจักษ์ใจของเราเสมอ

อีกเช่นเคย Nicky แบ่งปันถึงหลักการของอัลฟา จากนั้น ผู้ที่กระหายหาพระเจ้าได้ทะยอยออกไปรับการอธิษฐานบริเวณด้านหน้า เราสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสันติสุขอันเปี่ยมล้น

ช่วงบ่ายมีรายการให้เลือกคือ เยี่ยมชมโรงเรียน St.Teresa ซึ่งนำระบบอัลฟาไปใช้ งานนี้คุณครูทั้งหลายก็ไม่พลาด ทั้งครูแมม ครูเล็ก และพี่เตือนก็ขอเป็นคุณครูตามเขาไปด้วย

Al Gordon มาแบ่งปันถึงอัลฟาในภาคปฏิบัติให้เราเรียนรู้ และหลังจากช่วงเบรค ก็แยกกันไปตามห้องสัมมนาที่เลือกกันไว้ ได้แก่ Campus Alpha, Alpha-Catholic Context, Chinese Alpha, Family Life, Prison Alpha, School Alpha, Senior Alpha, Youth Alpha/NS YA, Work-place Alpha

ภาคกลางคืน Jamie Haith แบ่งปันเรื่อง Holy Spirit Weekend ในสไตล์มีฮา แต่ในช่วงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หลายคนก็ตื่นเต้นและชื่นชมยินดียิ่งนัก เป็นอีกครั้งหนึ่งสำหรับครูแมมที่เข้าพักสงบในพระบิดา เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พี่ตุ๊กตาได้รับคำเผยพระวจนะที่หนุนใจยิ่งนัก เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราต่างขอบพระคุณพระเจ้าร่วมกัน…ภาคกลางคืนค่ำคืนนี้ก็จบลงด้วยอาการอิ่มความรู้ อิ่มใจ อิ่มพระวิญญาณ (และสุดท้าย ผสมง่วงนอนนิดๆ …ง้าว เหมียว เหมียว)

ก่อนนอนเราจะอธิษฐานร่วมกันทุกคืน คืนนี้พระวิญญาณก็ชี้บาปให้เห็น ที่คิดไม่ดีกับคุณ Annie จริงๆ แล้วอธิษฐานเผื่อทุกคนและสถานที่พัก แต่พอมาถึงคุณ Annie แล้ว ฉันก็รู้สึกหงุดหงิด ทว่า “ไม่ขึ้นอยู่กับว่าถูกหรือผิด แต่ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของคุณ” คำขวัญจากค่าย ESC ก้องแว่วเข้ามาทิ่มใจ ให้ต้องกลับใจอีกครั้งหนึ่ง เมื่อรู้ดังนี้แล้ว ก็ขอการชำระจากพระเจ้า จากคำบ่นก็เปลี่ยนเป็นคำอวยพร ขอบคุณพระเจ้าที่เรามีที่อยู่ที่กิน นึกถึง อ.เปาโลที่ท่านต้องอยู่ในคุก ที่อยู่ของท่านจะอัตคัตเพียงใด คงเกินบรรยาย ณ ที่นี้
หากพระเจ้าทรงโปรดให้ฉันได้ไปเยี่ยมคูชิงอีก ฉันก็ยินดีจะไปพักที่เดิม เพียงแต่ว่าครั้งต่อไป ต้องเตรียมอุปกรณ์ที่สำคัญไปให้ครบครัน แค่นี้ก็สบายแล้วฉัน

วันที่ 17/4/2553

เพียงเปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน พี่ตุ๊กตาเล่าว่าช่วงหลังๆ คุณ Annie มีท่าทีที่ดีกับพวกเรามากขึ้น เธอเป็นคริสเตียน แต่อาจจะไม่ค่อยได้ไปโบสถ์ และความเชื่อของเธออาจจะต่างกับเราบ้างนิดหน่อย ทว่า เธอชื่นชมการสามัคคีธรรมอธิษฐานของพวกเรา เธอยินดีให้เราใช้ครัวของเธอทำอาหาร เธอยินดีขับรถบริการเราในราคาพิเศษ และอีกหลายความพิเศษที่เราได้รับจากเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “มิตรภาพ”

วันที่สองของการสัมมนา ยังคงมีทั้ง Nicky, Jamie และ Al ขึ้นมาพูด และในช่วงบ่ายก็แยกกันไปตามห้องสัมมนาที่เลือกไว้ มีทั้ง How to start Alpha, How to give live talks, How to run alpha in cell groups, Alpha DNA & Resource Churches, How to Build an Alpha team, Prayer on Alpha, Worship on Alpha and How to lead an Alpha weekend.

ตบท้ายรายการด้วย Nicky อีกครั้งกับ Integrating Alpha into the church ด้วยการเชิญผู้นำอัลฟาจากหลากหลายอาชีพ/เชื้อชาติ ขึ้นมาแบ่งปัน และมีการอธิษฐานเผื่อ

จากนั้นเราเดินทางไปชมคอนเสิร์ตประกาศ ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่ม Youth มีคนร่วมงานเต็ม Hall งานนี้ หนึ่งในทีมอัลฟาอังกฤษขึ้นมาแบ่งปันด้วย มีการเผยพระวจนะ มีการนำรับเชื่อ มีผู้รับเชื่อจำนวนมาก ซึ่งเป็นหน้าที่ของคริสตจักรในท้องถิ่นที่จะต้องติดตามและสร้างเขาให้เป็นสาวกต่อไป

กลุ่ม Youth ที่คูชิงนั้นเป็นพลังยิ่งใหญ่ หนุ่มสาววัยใสมากมายก้าวเข้ามาหาพระเยซู ผู้นำนมัสการของเขานั้นฉันก็ทึ่งมาก เขาร้องเพลง เต้น และเล่นกีตาร์ ในคราวเดียวกัน …ฮาเลลูยา!

พี่เตือนได้ซีดีมา 1 แผ่น จากการจับฉลากหางบัตรเข้าชม งานนี้เป็นปลื้มค่ะ…เรานำรูปที่ถ่ายกับพี่น้องชาวอินโดนีเซีย ซึ่งถ่ายกันหน้าสถานที่จัดคอนเสิร์ตมาให้ชมด้วย

วันที่ 18/4/2553

เช้าตรู่ เราเดินเท้าไปร่วมนมัสการกับคริสตจักรประเภทแองลิกัน ซึ่งยังคงความเป็นแคทอลิคอยู่มาก คนมากมายเต็มโบสถ์จนเราต้องนั่งเก้าอี้เสริมอยู่นอกตัวอาคาร และชมภาพวงจรปิด เราพบทีมงานอัลฟามาเทศนาที่นี่ด้วย

ช่วง 10.00 น. เราร่วมนมัสการที่คริสตจักรอิมมานุเอลคูชิง เราสัมผัสถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เคลื่อนไหวปกอยู่เหนือคริสตจักร ทุกคนนมัสการอย่างมีเสรีภาพด้วยจิตวิญญาณและความจริง อีกครั้งหนึ่งที่เราพบเพื่อนพี่น้องในพระคริสต์ ซึ่งเราแลกเปลี่ยนอีเมล์และเบอร์โทรกันด้วยความชื่นบาน

หลังรับประทานอาหารกลางวัน เราบางส่วนไปส่งครูแมมกับครูเอ็มม่าที่สนามบิน เมื่อกลับถึงที่พักก็ขอหลับพักผ่อนเอาแรงก่อน จากนั้น ช่วงเย็นไปเดินอธิษฐานบริเวณใกล้เคียงที่พัก เราผ่านมัสยิด ผ่านสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ขึ้นเรือข้ามฟากไปยังอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ เราพบชุมชนมุสลิม เราสัมผัสถึงความเงียบเหงาของชุมชน เราอธิษฐานเผื่อและคาดหวังว่าเราจะได้เห็นพี่น้องเหล่านี้บนสวรรค์

เมืองคูชิงนี้อยู่ในเขตรัฐสราวัก ตั้งอยู่ในประเทศมุสลิม ซึ่งถือว่าการประกาศข่าวประเสริฐแห่งองค์พระเยซูเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และการหันหลังให้กับพระเดิม หมายถึงการเอาชีวิตเป็นเดิมพัน อย่างไรก็ตาม เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับการฟื้นฟูที่คูชิง เราเห็นผลของการพลิกฟื้นอันยิ่งใหญ่ ด้วยประชากรกว่า 50% เป็นคริสเตียน แม้ว่าผู้ที่กลับใจส่วนใหญ่จะมีเชื้อสายจีนก็ตาม ซึ่งเราคาดหวังว่าการพลิกฟื้นนี้จะยิ่งใหญ่ขึ้น และนำคนทั้งแผ่นดินมาเลเซียมาเชื่อพระเยซู

วันที่ 19/4/2553

พี่ตุ๊กตาทำมาม่าเลี้ยงพวกเรา อาปาเจ้าของ Guesthouse ก็ร่วมทานกับพวกเราด้วยอย่างเอร็ดอร่อย เราออกเดินทางจากที่พักประมาณ 11.30 น. ถึงสนามบินคูชิง เราพบกับ ดร.สมพิศ ที่สนามบิน และร่วมเดินทางบินลัดฟ้าสู่กัวลาลัมเปอร์ ทานอาหารกลางวัน ก่อนเดินทางกลับถึงเมืองไทยด้วยความปลอดภัยในเวลาประมาณสองทุ่ม

ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่ร่วมเดินทาง ขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่เราได้พบที่มาเลเซีย ขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่ได้อธิษฐานเผื่อเราอยู่ที่เมืองไทย…ขอพระเจ้าได้รับเกียรติทั้งสิ้นจากชีวิตของเรา ขอพระสิริของพระองค์จะเต็มแผ่นดินโลก

ไม่มีความคิดเห็น: