Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

ต้องจ่ายราคา

วันที่ 22/9/2010

“จำเป็นต้องจ่ายราคา เมื่อปรารถนาจะเดินกับพระคริสต์”


การเรียนพระคัมภีร์ที่โรงเรียนพระคริสต์ธรรมเทอมแรกของปี 2010 จบลงแล้ว พร้อมกับความโล่งอก ฉันรู้สึกฮาเลลูยาเฮฮาสบายใจเป็นที่สุด ฉันเริ่มเรียนพระคริสต์ธรรมครั้งแรกเมื่อปี 2009 เทอมที่ 1 ซึ่งการเรียนนั้นได้รับพระพรอย่างมาก ทว่า ในขณะเดียวกันก็ทำให้เหน็ดเหนื่อยมากเช่นกัน

เทอมที่ 2 ของปี 2009 ฉันได้หยุดเรียน เพื่อไปเคลียร์ภารกิจทางบ้านให้เข้าที่เข้าทางก่อน ซึ่งพระเจ้าก็ทรงอนุญาต ฉันจึงยังคงมีสันติสุขอยู่ จนกระทั่งในเทอมแรกของปี 2010 ฉันก็คิดจะหยุดเรียนพระคริสต์ธรรมอีก แต่ฉันไม่มีสันติสุขเลย สุดท้ายจึงตัดสินใจลงเรียน แล้วสันติสุขที่พรากไปนั้นก็กลับคืนมา

อย่างไรก็ตาม การไปเรียนนั้น ยังคงมีอุปสรรคอยู่ เช่นว่า ป่วยตรงกับวันเรียน มีงานด่วนตรงกับวันที่เรียน หรือมีภารกิจบางอย่างตรงกับวันที่เรียน ทำให้คิดไปเองว่าฉันคงไม่เหมาะที่จะเรียนต่อไป ดังนั้น ฉันจึงตั้งใจว่าจะหยุดเรียนชั่วคราว ซึ่งอาจจะยืดยาวไปถึงการหยุดเรียนแบบถาวร แต่เมื่อคิดดังนี้แล้ว สันติสุขก็ถูกพรากไปอีก จนวันหนึ่งฉันได้แบ่งปันเรื่องนี้กับพี่เจง ผู้ซึ่งเรียนจบพระคริสต์ธรรมมาหลายปีแล้ว พี่เจงหนุนใจให้ฉันเรียนต่อไป โดยไม่ให้มารและความคิดจอมปลอมมาขวาง ต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ ต้องปล้ำสู้ ต้องยอมเหน็ดเหนื่อย เพราะหลายคนที่ลงเรียนก็ล้วนต้องปล้ำสู้ด้วยกันทั้งนั้น

เหตุผลในการเลิกเรียนนั้นมีมากกว่าที่กล่าวไปแล้ว คือ คิดไปเองว่าไม่เห็นต้องไปเรียนพระคัมภีร์ที่โรงเรียนพระคริสต์ธรรมเลย เพราะหลายคนที่ไม่ได้เรียนก็ล้วนเป็นผู้เชื่อที่เข้มแข็งเติบโตในพระคริสต์และรับใช้พระเจ้าได้อย่างเกิดผล ดังนั้น ฉันอาศัยเรียนรวีวารศึกษา เรียนรู้ตามสื่อต่างๆ และศึกษาพระคัมภีร์ที่บ้านเอาเองก็ได้ จะได้มีเวลาอยู่กับแม่มากขึ้น ได้อยู่บ้านมากขึ้น ไม่ต้องทำการบ้านส่งครู ไม่ต้องเดินทางไกล ไม่เหนื่อยด้วย (มีวิญญาณเกียจคร้านมาร่วมวงนิดหน่อย) ฉันอธิษฐานที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสอนฉันผ่านการใช้เวลาตามลำพังกับพระองค์ที่บ้าน แต่จนแล้วจนรอด ฉันก็ไม่มีสันติสุขเลย เมื่อได้อธิษฐานอีกครั้ง และตัดสินใจที่จะเรียนต่อไป สันติสุขในพระเจ้าก็กลับคืนสู่ใจ การเรียนพระคริสต์ธรรมจึงเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าสำหรับชีวิตของฉัน ฉันจึงจะตั้งใจเรียนต่อไป จนกว่าพระเจ้าจะทรงนำไปในทิศทางอื่น

รวีวารศึกษาเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดย ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ ได้สอนจากพระธรรมเลวีนิติ 26:14-46 ว่าด้วยโทษของการไม่เชื่อฟัง ซึ่งรายละเอียดนั้นมีมากมายจริงๆ แต่คำพูดหนึ่งที่ประทับใจฉันมากคือ เราผู้เชื่อทุกคนนั้น “ต้องจ่ายราคา” แห่งการติดตามพระคริสต์ กล่าวคือ เราต้องลงทุน ต้องลงแรง ต้องลงหัวใจ ต้องลงชีวิต หลายครั้งก็ต้องเจ็บปวด แต่การจ่ายราคาในแผ่นดินของพระเจ้านั้นเราได้กำไรเสมอ เป็นความชื่นชมยินดีและสันติสุขอันเกินความเข้าใจ อาจารย์ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า สตรีที่ต้องการมีลูก เธอก็จำเป็นต้องตั้งครรภ์ ต้องคลอดบุตร ซึ่งเป็นความเจ็บปวดอย่างมาก แต่ในที่สุด ก็กลายเป็นความชื่นชมยินดีเมื่อได้ลูกมาเชยชม
ชีวิตในพระคริสต์นั้น เราต้องจ่ายราคา เพราะพระบิดาเองก็ได้ทรงจ่ายราคาเช่นกัน ทรงยอมสละพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ให้ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อไถ่บาปให้กับคนบาปอย่างเรา องค์พระเยซูเองก็ได้ทรงจ่ายราคาด้วยชีวิตและพระโลหิตประเสริฐของพระองค์เพื่อคนบาปอย่างเราเช่นกัน ในโลกนี้จึงไม่มีการจ่ายราคาใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว

การติดตามพระคริสต์จำเป็นต้องจ่ายราคา ราคานั้นคือ หัวใจที่ถ่อมและยอมจำนนต่อพระองค์ทุกสิ่ง ยอมเสียสละความสะดวกสบายของตนเพื่อรับใช้พระองค์ ยอมถูกเข้าใจผิดจากผู้คน ยอมถูกปฏิเสธจากโลก ยอมสวนกระแสโลก ยอมทนทุกข์ในสถานการณ์แวดล้อม ยอมพับแผนการของตนไว้แล้วกระทำตามแผนการของพระเจ้า ยอมที่จะรับใช้พระเจ้าตามการทรงนำของพระองค์ มิใช่รับใช้พระเจ้าตามใจปรารถนาของตน

หลังจบชั้นรวีวารศึกษาช่วงเช้าแล้ว ฉันได้เข้าเรียนรวีวารศึกษาช่วงสายกับบทเรียน Post-Encounter โดยครูแมม ฉันก็ได้รับความประทับใจเดียวกัน ครูแมมกล่าวถึง “การจ่ายราคา” อีกครั้งหนึ่ง และอีกครั้งในช่วงเทศนา ศจ.ธงชัยก็กล่าวถึง “การจ่ายราคา” อีก เป็นอันว่าพระเจ้าทรงตรัสเน้นย้ำกับฉันในเรื่องนี้ถึง 3 ครั้ง

ในช่วงสามัคคีธรรมของกลุ่มเซลพระสิริ เราได้พูดคุยถึงบทเรียนเรื่องการจ่ายราคา ซึ่งแต่ละคนก็ได้แบ่งปันประสบการณ์ของตนเองในมุมมองที่แตกต่างกันไป เช่น พี่เจงมีบทเรียนเรื่องการจ่ายราคา ที่เข้าเรียน ABAC โดยไม่ได้สอบเอง สุดท้ายก็เรียนไม่จบ ต้องเสียเวลาและเสียเงินไปจำนวนหนึ่ง พี่หมวยมีบทเรียนเรื่องนำสินค้าตุ๊กตาบรายธ์ที่ไม่มีลิขสิทธิ์มาขาย ทำให้เสียต้นทุนไป ถูกยึดสินค้าและต้องเสียค่าปรับเพิ่มด้วย พี่น้อยมีบทเรียนเรื่องนำซีดีไม่มีลิขสิทธิ์มาขายเช่นกัน

เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันได้อธิษฐานกับพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง บอกพระองค์ว่าฉันยินดีจ่ายราคาตามพระบัญชาของพระองค์ เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ อะไรก็ได้ พระองค์เจ้าข้า ตรัสกับลูกเถิด!

วันรุ่งขึ้นฉันได้รับอีเมล์ TGIF (Today God Is First) devotional message, Copyright by Os Hillman ซึ่งฉันสมัครรับเป็นอาหารฝ่ายจิตวิญญาณประจำวันนั้น วันดังกล่าวเป็นหัวข้อ The Pitfall of Being Entrepreneurial กล่าวถึงเรื่องราวเมื่อครั้งที่ดาวิดเสด็จไปรับหีบพันธสัญญา โดยนำมาบรรทุกหีบบนเกวียน และให้อุสซากับอาหิโยเป็นคนขับนั้น เจ้าโคดันสะดุด และด้วยความปรารถนาดี อุสซาได้ยื่นมือออกไปกุมหีบไว้ พระเจ้าจึงทรงลงโทษประหารเขาในทันที [1พศด.13:9-10 และเมื่อเขาทั้งหลายมาถึงลานนวดข้าวของคิโดน อุสซาก็เหยียดมือออกกุมหีบไว้เพราะโคสะดุด และพระพิโรธของพระเจ้าได้พลุ่งขึ้นต่ออุสซา และพระองค์ทรงประหารเขา เพราะเขาเหยียดมือออกยังหีบนั้นและเขาก็สิ้นชีวิตต่อพระพักตร์พระเจ้า] ในครั้งนั้น ดาวิดโกรธพระเจ้ามาก แต่ต่อมาดาวิดก็ได้เรียนรู้น้ำพระทัยพระเจ้าจากเรื่องนี้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ฉันเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมพระเจ้าผู้ทรงพระกรุณาและมีพระคุณ ทรงกริ้วช้าและอุดมด้วยความรักมั่นคง จึงโหดร้ายต่ออุสซายิ่งนัก เขาอุตส่าห์ช่วยไม่ให้หีบหล่นด้วยหัวใจที่ปรารถนาดี ทำไมพระเจ้าต้องทรงประหารเขาด้วย (ขอบคุณแอรี่ที่แนะนำ website http://msg1svc.net/servlet/FormListener?Y2dpOjE6TE4=)

กาลต่อมาฉันจึงได้เรียนรู้ว่า พระเจ้าทรงมีกฎเกณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการเชิญหีบพันธสัญญา แต่การเคลื่อนย้ายที่กล่าวมานั้น กลับนำไปบรรทุกเกวียน และให้คนที่มิใช่เชื้อสายเลวีเป็นผู้ดูแล สิ่งนี้เป็นการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของพระเจ้าอย่างชัดเจน …การไม่เชื่อฟังก็คือการไม่จงรักภักดีต่อพระเจ้า เป็นการนอกใจพระองค์

ขอยกคำพูดบางส่วนจากบทความที่อ่านนะคะ “มีสิ่งดีหลายประการที่เราสามารถทำได้ แต่เราควรทำเฉพาะสิ่งที่พระเจ้าประสงค์เท่านั้น” สิ่งที่ดีในสายตามนุษย์ อาจไม่ใช่สิ่งดีสำหรับเราในสายพระเนตรของพระเจ้า ฉะนั้น “จงอย่าทำอะไรก็ตามที่พระเจ้าไม่ได้นำ” เพราะมิเพียงจะไม่เกิดผลดีเท่านั้น แต่จะยังเกิดผลเสียด้วย และที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคือ อาจต้องเสียชีวิตเหมือนอุสซาก็เป็นได้ (น่าสงสารอุสซามาก เขาคงไม่ทราบกฎเกณฑ์นี้ แต่ขอบคุณพระเจ้าที่เรารู้แล้ว)

พระเจ้าทรงมีแผนการและน้ำพระทัยที่เฉพาะเจาะจงสำหรับเราแต่ละคน ...พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงโปรดช่วยเราให้จ่ายราคาเพื่อพระองค์ โดยสติปัญญาซึ่งมาจากพระองค์ โดยสันติสุขอันเปี่ยมล้นจากพระองค์ ให้เรากระทำทุกสิ่งตามชอบพระทัยพระองค์ เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์

ไม่มีความคิดเห็น: