Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

เงาะ…ลูกแห่งสันติสุข

วันที่ 24/05/2010

มีคำกล่าวว่า “งานรับใช้พระเจ้านั้น ถ้าเราไม่ทำ พระเจ้าก็ไม่เสียหายอะไร แต่เราต่างหากที่เสียโอกาส” (คำนำฝากโดยครูแมม จากการอบรม GLS)คำกล่าวนี้สอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้าในพระธรรม 2 ทธ.4:2 ให้ประกาศพระวจนะ ให้ขะมักเขม้นที่จะทำการทั้งในขณะที่มีโอกาสและไม่มีโอกาส…]

สถานการณ์บ้านเมืองเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้หลายคนต้องหยุดงาน แต่ขอบคุณพระเจ้าเสมอที่พระเจ้ามิเคยหยุดราชกิจของพระองค์ พระองค์ไม่เคยหลับสนิทหรือนิทรา [สดด.121:4 ดูเถิด พระองค์ผู้ทรงอารักขาอิสราเอล จะไม่ทรงหลับสนิทหรือนิทรา] ด้วยเหตุนี้ คริสเตียนซึ่งเป็นลูกของพระองค์ก็มิอาจหยุดได้เช่นกัน ดังจะเห็นได้จากพี่น้องจำนวนมากที่ไม่หยุดอธิษฐาน ไม่หยุดรับใช้! ทีมงานคริสตจักรลูกที่อัมพวาก็ได้ฉวยโอกาสเข้าไปรับใช้พระเจ้าในช่วงเวลาดังกล่าว เช่นเดียวกับทีมงานคริสตจักรลูกที่บางใหญ่ ที่ได้ฉวยโอกาสนี้ไว้ด้วย และแน่นอนว่ายังมีอีกหลายทีมงานและหลายคริสจักรที่เดินหน้ารับใช้พระองค์โดยมิหยุดหย่อน

ขอบคุณพระเจ้า เราสามคน อันได้แก่ ครูแมม ครูตุ๊กตา และฉัน ได้ไปเยือนตลาดน้ำวัดศรีประวัติ เมื่อวันที่ 21/5/2010 ที่ผ่านมา โดยครูตุ๊กตาเล่าเรื่องสนุกพร้อมแง่คิดและนำเด็กร้องเพลง ส่วนครูแมมก็สอนเด็กโดยวิธีการมอนเตอเซอรี่ ซึ่งเป็นหลักสูตรของ YWCA แห่งเดียวในประเทศไทย ขณะกำลังสอนเด็กๆ อยู่นั้น เด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบผ่านมา เราจึงชวนเธอมานั่งเรียนด้วย แต่โดยความซุกซนของเธอ เธอก็จะนิ่งไม่เป็น นั่งได้สักพักหนึ่งเธอก็จะออกไปวิ่งอีก วิ่งไปวิ่งมา แล้วก็กลับมานั่งหอบตามเดิม ความช่างเจรจาของเธอนั้นฉันขอมอบโล่อันดับหนึ่งให้เลย เธอเป็นที่รู้จักของชาวบ้านหลายคน และชาวบ้านหลายคนก็รู้จักเธอเช่นกัน เธอเป็นที่รักของคนแถบนั้น

เงาะ เด็กหญิงวัย 4 ขวบ เล่าไปหอบไปอย่างฉะฉานว่า บ้านเธออยู่ไกลออกไปจากชุมชนวัดศรีประวัติ หากจำไม่ผิดก็พระราม 7 นู่นเลย พ่อของน้องเงาะขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ส่วนแม่ทำงานที่รถไฟฟ้าใต้ดิน ในช่วงวันหยุดเธอจะมาอยู่กับพ่อคุณแม่คุณที่ชุมชนฯ (หมายถึงคุณตา คุณยาย ในภาษาของชาวอยุธยา) เราทราบจากคุณแนนซี่ (แม่ของมีมี่) ว่าแม่คุณป่วยเป็นโรคเบาหวาน สายตามองไม่ค่อยเห็น เราจึงขอไปเยี่ยมที่บ้าน โดยมีเงาะน้อยนำทาง อันเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความสัมพันธ์กับชาวบ้านอีกหลายคน ชาวบ้านรู้ว่าเราเป็นคริสเตียน และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เราจะไปสอนหนังสือให้กับลูกหลานของเขา เส้นทางขากลับจากบ้านน้องเงาะถึงบริเวณตลาดน้ำ เป็นดังนี้

-บ้านน้องเงาะ พบแม่คุณของเงาะ ครูตุ๊กตาและครูแมมได้เล่าข่าวประเสริฐ และอธิษฐานเผื่อแม่คุณ
-บ้านประธานชุมชน พบคุณแหม่มลูกสาวประธานชุมชน ซึ่งมีตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านด้วย กำลังพักผ่อนอยู่กับน้องมิกกี้ หลานชายวัย 3 ขวบ คุณแหม่มอัธยาศัยดี ต้อนรับและให้ข้อมูลหลายประการเกี่ยวกับชุมชน
-บ้านตัว พ. จำชื่อคนบ้านนี้ไม่ได้ จำได้เพียงว่าหลานสาวคนหนึ่งชื่อเพื่อน ส่วนคนอื่นก็มีชื่อเป็นตัวอักษร พ. เราพบคุณป้าอัธยาศัยดี และหลานๆ วัยประถม มัธยม หลานสาว 3 คน หลานชาย 1 คน คุณป้าเล่าให้เราฟังว่าหลานแต่ละคนมีลักษณะเด่นอย่างไร และอยากให้หลานๆ มาเรียนกับเรา
-บ้านน้องแป้งวัยมัธยม นั่งอยู่กับคุณยาย น้องเงาะวิ่งเข้าไปหอมและกอดคุณยายบ้านนี้ด้วยความสนิทสนม
-บ้านน้องแพร น้องแม็ค คาดว่าน่าจะจำชื่อเด็กไม่ผิด น้องแพรขี้อาย ทั้งสองน่าจะอยู่ในช่วงปฐมวัย
-พ่อคุณของน้องเงาะซึ่งนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำ ได้ฟังข่าวประเสริฐ และเราอธิษฐานเผื่อพ่อคุณซึ่งเป็นต้อหิน ตามองไม่ค่อยเห็น พ่อคุณอยากหายโรคเพื่อจะได้ทำงานหาเลี้ยงชีพได้ พ่อคุณเปิดใจมากทีเดียว ซึ่งเราก็ฝากไว้ในเวลาของพระเจ้า
-ป้าเขียด หญิงม่ายซึ่งนั่งสูดยานัตถ์อยู่ที่ศาลาริมน้ำ ครูแมมสังเกตุว่าป้าแกสนใจฟังพวกเราตั้งแต่เรากำลังสนทนาอยู่กับพ่อคุณแล้ว ดังนั้น เราจึงฉวยโอกาสเล่าข่าวประเสริฐให้ป้าเขียดฟังเช่นกัน ครูตุ๊กตาบอกว่า รู้สึกว่าป้าจะรับเชื่อ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อนำรับเชื่อแล้ว อธิษฐานเผื่อ คุณป้าก็ยิ้มสดชื่นขึ้นมาทันที คุณป้ามีปัญหาเรื่องเข่าและขาที่ไม่แข็งแรงนัก
-ร้านขายน้ำ เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ไปซื้อน้ำ จึงได้รู้จักกับคนขายน้ำ เขาไม่มีลูกหลาน แต่ได้ชักชวนลูกค้ารายอื่นให้ส่งลูกหลานมาเรียน และมีคนสนใจ ซึ่งเราคงต้องไปสร้างความสัมพันธ์และประชาสัมพันธ์ต่อไป

ระหว่างที่เราใช้เวลากับพ่อคุณและป้าเขียดอยู่นั้น เงาะน้อยก็ไม่ได้หายไปไหน ยังคงพยายามมาชวนคุยชวนเล่นตามประสาเด็ก แต่เมื่อเราขอให้เงาะไปนั่งหลับตาอธิษฐานรอ เมื่อเสร็จธุระแล้วเราจะไปเรียก เงาะก็จัดการนั่งหลับตาปี๋ในท่าขัดสมาธิ บางทีก็แอบเปิดตา ชำเลืองมามองเรา เป็นที่น่าเอ็นดู

น้องเงาะทำให้ฉันนึกถึงขนมปัง 5 ก้อน และปลา 2 ตัว ของเด็กคนหนึ่ง ซึ่งพระเยซูทรงใช้เลี้ยงคนถึง 5,000 คน การเลี้ยงอาหาร 5,000 คน ด้วยขนมปัง 5 ก้อน และปลา 2 ตัว เป็นอีกพระราชกิจหนึ่งที่ลือลั่นขององค์พระเยซู มีปรากฎอยู่ในพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่ม โดยในพระธรรมยอห์นระบุชัดเจนถึงแหล่งที่มาของขนมปังและปลานั้น [ยน.6:9 "ที่นี่มีเด็กคนหนึ่งมีขนมบารลีห้าก้อนกับปลาสองตัว แต่เท่านั้นจะพออะไรกับคนมากอย่างนี้"]

พระเยซูตรัสใน มธ.18:3-5 ว่า "เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านไม่กลับใจเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ท่านจะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้เลย เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดถ่อมจิตใจลงเหมือนเด็กเล็กคนนี้ ผู้นั้นจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินสวรรค์ ถ้าผู้ใดจะรับเด็กเล็กเช่นนี้คนหนึ่งในนามของเรา ผู้นั้นก็รับเราด้วย” สาวกในขณะนั้นยอมรับเด็กน้อย ยอมรับอาหารจากเด็กน้อย ส่วนเด็กน้อยผู้นั้นก็ยอมให้พระเยซูใช้สิ่งที่เขามีอยู่เพื่อพระราชกิจของพระองค์ การอัศจรรย์ดังกล่าวจึงเกิดขึ้น แต่หากสาวกผู้นั้นไม่ทูลพระเยซูถึงสิ่งที่เด็กผู้นั้นมี หากเขาไม่ถ่อมใจรับอาหารจากเด็กผู้นั้น รวมถึง หากเด็กไม่ยอมสละสิ่งที่ตนเองมีเพื่อมอบแด่พระเยซูล่ะ ผลลัพท์จะออกมาเป็นอย่างไรนะ แต่ฉันก็เชื่อว่าพระราชกิจของพระเยซูจะสำเร็จ เพียงแต่ว่าพระองค์อาจใช้ผู้อื่น หรืออาจใช้วิธีการอื่น เพราะพระองค์ทรงทราบแล้วว่า พระองค์จะทรงกระทำประการใด

ครูแมมให้ฉายาเงาะว่า “ฑูตสวรรค์” และ “น้องเงาะแห่งตลาดน้ำวัดศรีประวัติ” และโดยส่วนตัว ฉันก็เชื่อจากหัวใจว่าบุคลิกลักษณะบางประการที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ในเด็กหญิงเงาะคนนี้ จะเป็นสิ่งที่พระเจ้าสามารถใช้เธอได้ เป็นพระพรต่อคนเป็นอันมาก เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ [มธ.13:32 เมล็ดนั้นเล็กกว่าเมล็ดทั้งปวง แต่เมื่องอกขึ้นแล้วก็ใหญ่กว่าผักอื่น และจำเริญเป็นต้นไม้จนนกในอากาศมาทำรังอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านของต้นนั้นได้"]

ไม่มีความคิดเห็น: