Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

บทเรียนจากใบขับขี่

วันที่ 23/7/2010

“เป็นยังไง ละไอ้ใบขับขี่ บอกหน่อยซิ ว่าต้นเป็นยังไง เป็นยังไง ละไอ้ต้นขับขี่ บอกหน่อยซิ จะเด็ดใบมาฝาก” บทเพลงท่อนหนึ่งจาก พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ถูกครูแมมนำมาแซวซะนี่ และครูแมมก็ต้องเป็นบุคคลสำคัญในการอธิษฐานเผื่อใบขับขี่ของฉันด้วย
การขับรถ และการสอบใบขับขี่ อาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับใครหลายคน แต่เป็นเรื่องยากสำหรับฉัน เพราะไม่เคยสนใจเรื่องเครื่องยนต์กลไกและเรื่องการขับรถมาก่อนเลย เวลาขึ้นรถก็นั่งอย่างเดียว ดูวิวเพลินๆ สองข้างทาง หรือไม่ก็หลับ (คร่อก)

ทว่า ในยามที่การขับรถเป็นภาคบังคับนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไปหัดไปเรียน ยามไปเรียนนั้นคุณครูก็ส่ายหน้า บอกว่าฉันสมาธิสั้นซะงั้น เหอะ จริงรึเปล่าไม่รู้ แต่ก็ปฏิเสธไว้ก่อน แต่สักพักหนึ่งคุณครูก็จะบอกว่าความจำดีนะ เอ่อ อย่างนี้ ค่อยพูดกันรู้เรื่องหน่อย (หุหุ) คือว่า ที่ไปเรียนเนี่ยเพราะไม่รู้ไง และทุกอย่างก็ดูยากไปเสียหมดสำหรับคนไม่รู้ ดังนั้น ครูควรจะเข้าใจเด็กๆ เอ้ย! ผู้เรียนด้วย…เมื่อเรียนได้ครบ 10 ชั่วโมง ตามหลักสูตรปกติ คุณครูก็เข็นให้ไปเรียนเพิ่มอีก 4 ชั่วโมง รวมแล้วเสียเงินค่าเรียนไปประมาณ 4,000 บาท แพงเอาเรื่องเลย แต่ได้ใบขับขี่มา 1 ใบก็คุ้มแล้ว

แต่ช้าก่อน อุตส่าห์ไปเรียนมาตั้ง 14 ชั่วโมง ก็ไม่ได้หมายความว่าการเดินทางหยุดอยู่แค่นั้น ฉันรู้สึกประหม่าตื่นเต้นเป็นพัลวันในวันสอบใบขับขี่ เล่นเอานอนแทบไม่หลับ แถมยังฝันซะนับเรื่องไม่ถ้วนอีก ความกลัวเข้าครอบงำซะแล้ว ต้องอธิษฐานอย่างหนัก และร้องเพลงนมัสการพระเจ้า

ขนส่งหัวกระบือ ถนนบางขุนเทียนชายทะเล ผู้คนล้านเจ็ด เอ้ย! ประมาณ 200 กว่าคน ไปขอสอบใบขับขี่ ซึ่งทางขนส่งก็จะทดสอบสมรรถภาพร่างกายก่อน ได้แก่ การตอบสนองของร่างกาย ทดสอบสายตา ทดสอบการมองระยะต่างๆ และการมองสี จากนั้นก็เข้าอบรมตั้งแต่เวลา 9.00-11.30 น. ก็ให้นั่งดูวีดีโอ เรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน จบแล้วก็มีวิทยากรมาบรรยายให้ฟังเกี่ยวกับเครื่องหมายจราจร และพวกเราก็เข้าสอบ หลายคนกลัวว่าจะสอบไม่ผ่าน เพราะหากสอบข้อเขียนไม่ผ่าน ก็จะต้องมาสอบอีกในอีก 3 วันทำการ และหากสอบไม่ผ่านอีก ก็ไม่มีสิทธิ์สอบขับรถ ข้อสอบก็ไม่ยากอย่างที่คิด มีทั้งหมด 30 ข้อ แต่ก็มีบางข้อที่ตอบไม่ได้ เพราะเป็นคำถามเรื่องวิธีการดูแลรักษารถ วิธีการดูแลเครื่องยนต์ และเช็คอุปกรณ์สายพาน เป็นต้น วิธีการสอบก็เป็นแบบจอคอมพิวเตอร์ กดปุ่ม start และเริ่มทำตั้งแต่ข้อ 1 มีปุ่มให้เลือก 1-2-3-4 เมื่อกดเลือกแล้ว ข้อถัดไปก็เด้งขึ้นมา แต่ถ้าเราไม่แน่ใจ ก็สามารถย้อนกลับมาทำข้อเดิมได้ สามารถตรวจทานก่อนส่งได้ แต่คอมพิวเตอร์ที่ฉันใช้มันกลับเด้งแฮะ พอกดตอบปุ๊บ มันก็เด้งไปอีก 2 ข้อ อ้าว! งานเข้า ต้องย้อนกลับมาทำอีก…เมื่อทำเสร็จแล้ว ก็กด send จากนั้น ผลคะแนนก็ปรากฎที่หน้าจอ เป็นอันว่าเรียบร้อยการสอบด่านแรก

รอบบ่าย ที่สนามสอบ อันนี้เค้าเรียกว่าสนามสอบจริงๆ เพราะปกติเนี่ย เวลาสอบเราจะอยู่ในห้องเรียน ห้องแอร์ แต่นี่เป็นสนามจริงๆ ขั้นแรก เจ้าหน้าที่ให้เราดูวีดีโอเรื่องท่าสอบก่อน แล้วจึงมีเจ้าหน้าที่สาธิตวิธีการสอบ ให้ไปตามเส้นทางที่กำหนด โดยท่าสอบหลักๆ นั้นมี 3 ท่า คือ ท่าเดินหน้า-ถอยหลังตรง, ท่าจอดเทียบฟุตบาธ และท่าจอดรถเข้าซองแบบฝังตัว ตอนที่ฝึกนั้น ฉันแม่นท่าเดินหน้าถอยหลัง และท่าจอดรถเข้าซองมาก แต่ท่าเทียบฟุตบาธนั้น ฝึกเท่าไรก็คุณครูส่ายหน้าคะ คุณครูไม่ค่อยมั่นใจในตัวลูกศิษย์เท่าไร เหมือนฉันเลยที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็อธิษฐานอย่างเดียว บางคนอาการหนัก เหงื่อแตกพลั่ก วิ่งเข้าห้องน้ำเป็นว่าเล่น บ้างก็ดมยาดมจนหน้าซีด

รถที่ใช้สอบนั้น สามารถนำมาเองได้ หรือ จะเช่าจากทางขนส่งก็ได้ คันละ 100 บาท สำหรับฉัน คุณครูนำรถที่ใช้ฝึกนั้นมาให้ขับ คุณครูย้ำมากให้ขับดีๆ ห้ามชน อายเค้า เพราะมีชื่อโรงเรียนติดอยู่ข้างรถ (อ้าว!) คุณครูให้ฉันสอบเป็นคนท้ายๆ เพราะว่าจะได้ดูวิธีการจากคนอื่น และจะเป็นช่วงที่รถไม่เยอะด้วย แต่สำหรับฉันแล้ว อยากสอบเต็มแก่ เพราะว่ายิ่งดูนานๆ ยิ่งตื่นเต้นมาก หัวใจจะวาย
บนสนามสอบก็มีรถวิ่งสวนกันไปมา 10 กว่าคัน แถมมีมอเตอร์ไซด์มาสอบบนสนามเดียวกันอีก อู้ฮู สนุกจริงๆ บางคนนั้นสามารถทำได้ทั้ง 3 ท่าบังคับ แต่ดันวนรถผิด จอดไม่ตรงจุด หรือไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร ก็ตกไป คนที่สอบผ่าน จะได้เอกสารคืน เพื่อนำไปทำใบขับขี่ได้เลย ส่วนคนที่สอบไม่ผ่าน ก็ได้ใบนัดให้ไปแก้ตัวใหม่ ตกท่าไหนก็สอบท่านั้น ให้สอบทั้งหมด 3 ครั้ง แต่ถ้า 3 ครั้งยังสอบไม่ผ่าน ก็จะต้องเริ่มกระบวนการสอบใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่สอบข้อเขียนมาเลย

กว่าฉันจะได้ลงสนามสอบก็บ่ายสามโมงกว่าๆ เข้าไปแล้ว ตื่นเต้น หายตื่นเต้น สลับกันไปมา คุณครูหน้าเครียด บอกว่าทำให้ได้นะ เสียชื่อครู เสียชื่อโรงเรียน ป๊าบ! ใครเขาจะอยากตกละคุณครู ก็ต้องพยายามกันทั้งนั้นแหละ สรุปคือ ฉันผ่านท่าเดียวคือ ท่าจอดเทียบฟุตบาธ เป็นอันประหลาดใจสำหรับตัวเองและคุณครู เพราะท่านี้ ตอนซ้อมนั้นไม่ได้ ส่วนท่าแรกคือเดินหน้าถอยหลังตรง ขากลับออกมาดันถอยเบี้ยวกินกรวยซะงั้น ส่วนท่าจอดรถเข้าซอง ก็ยังไม่ได้สอบ เพราะไปกินกรวยอีก 1 อัน กรรมการเลยเชิญออกจากสนาม (แป่ว)

วันแก้ตัวมาถึง ห่างจากวันแรก 2 วัน ขอบคุณพระเจ้า ช่วงกลางคืนไม่ตื่นเต้นฝันซี้ซั้วเหมือนครั้งก่อนแล้ว พยายามปรับใจตัวเองให้นิ่ง ในขณะที่หัวใจไม่ยอมนิ่ง เต้นแรง เต้นแรง แต่ก็ต้องบังคับตัวเอง ใส่พระคำลงไปว่า พระเจ้าตรัสว่า “จงนิ่งเสีย และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้า” โอ๊ะ! พระเจ้าคะ ทำใจนิ่งนี่มันยากอย่างนี้นี่เอง เมื่อเราเผชิญกับความกลัว ความคาดหวังที่สูง ความไม่แน่นอน กลัวล้มเหลว กลัวผิดพลาด…ฉันย้อนกลับไปถึงช่วงที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า ช่วงเวลาที่ตื่นเต้นและกลัวมากๆ คือ ช่วงที่ต้องออกไปยืนกลางเวทีเพียงลำพังครั้งแรกโดยที่มีสายตาหลายร้อยคู่จับจ้องอยู่ ต่อมาเมื่อเรียนจบก็มีอาการตื่นเต้นอีกครั้งเมื่อต้องสอบสัมภาษณ์เข้าทำงาน ซึ่งตอนนั้นฉันก็พึ่งพระเดิมที่รู้จัก แต่ตอนนี้ ฉันรู้จักพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พระองค์ที่ฉันเชื่อและวางใจ ฉันจึงท่องพระคัมภีร์ข้อนี้แหละ “จงนิ่งเสีย และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้า” พระเจ้าคะช่วยลูกด้วย ลูกนิ่งไม่ได้โดยตัวของลูกเอง ลูกขอพึ่งพาพระองค์ จากนั้นก็เริ่มปลดปล่อยความเชื่อมั่นกลับมา อย่ากังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง และถ้าหากมันมาถึง ก็ไม่เป็นไร สอบใหม่ก็ได้ จากนั้นก็เข้าสนามสอบอย่างตั้งใจ และก็ผ่านมาได้อย่างฉลุยในรอบ 2 แต่พอรู้ว่าตัวเองทำได้ปุ๊บ อาการตื่นเต้นก็กลับมาอีก (เป็นซะงั้น) ตอนที่กรรมการยื่นเอกสารให้ บอกว่าผ่านแล้ว และให้เซ็นต์ชื่อ มือฉันก็ยังเซ็นต์ชื่อแบบสั่นๆ อยู่เลย (ครั้งแรกตื่นเต้นเพราะกลัว แต่คราวนี้ตื่นเต้นเพราะดีใจ) ฮาเลลูยา!

วิธีการทำใบขับขี่ก็ทันสมัยนะคะ เมื่อได้คิวแล้วก็ไปนั่งให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูป แชะแชะ จ่ายเงินไป 205 บาท เป็นอันเสร็จพิธี เมื่อได้ใบขับขี่แล้วก็ต้องฟ้องคุณครู เอ้ย! รายงานคุณครูแมมว่าได้ใบขับขี่แล้วนะ คุณครูแมมก็ฮาเลลูยาด้วย ขอบคุณนะค้า

[สดด.46:10]"จงนิ่งเสีย และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้า เราเป็นที่ยกย่องท่ามกลางประชาชาติ เราเป็นที่ยกย่องในแผ่นดินโลก"

ไม่มีความคิดเห็น: