Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551

อมก๋อย…อ้อมกอดแห่งรัก

บันทึกรักจากอมก๋อย: การเดินทางซึ่งกรุ่นกลิ่นไปด้วยไอแห่งรัก และการเจิมด้วยไฟแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์
วันเกิดเหตุ : 15-17 ตุลาคม 2551
สถานที่เกิดเหตุ: อ.อมก๋อย, อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง
ผู้ร่วมเดินทาง: 40 ชีวิต
1. เดินทางโดยรถไฟ…พี่อ้อย พี่เว้ง น้องไหม น้องเเพร, พี่กุ้ง เเม่ของพี่กุ้ง การุณย์ ก้อง เกื้อ, พี่รินทิพย์ นาธาน, พี่โอ
2. เดินทางโดยรถตู้... น้าเเมม มอท มัธ หนึ่ง กิฟท์ นุ่น เนย พุฒิ ฟ้า ณัฐ โม บัว น้ำฝน ยุ้ย ตุ๋ย พี่นก ป้าหนุ่ย น้าอ้อย หญิง พลอย
3. เดินทางโดยรถทัวร์ …ต่าย ทอมมี่ พี่อุ๊ พี่อิ๋ว
4. ขับรถไปเอง …ยายรุณ พี่เเขก จี๊ จ๋า

15/10/2008 กรุงเทพ-อมก๋อย

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ เจ้านายใจดีด้วยพระคุณของพระเจ้า ได้หยุดงาน จึงได้เคลียร์ภารกิจที่บ้านและได้ใช้เวลากับพระเจ้ามากกว่าทุกวัน จนกระทั่งพี่อิ๋วมาที่คอนโดตอนบ่าย พี่อิ๋วลาครึ่งวัน เรามานั่งอ่านพระธรรมเอเฟซัสออกเสียงดังด้วยกัน ตามที่ได้เรียนเรื่อง “การอ่านพระคัมภีร์อย่างมีสีสัน” มาแล้ว จากนั้นเราก็นมัสการพระเจ้า และขึ้น Taxi ไปหมอชิตใหม่ พบน้องต่ายและทอมมี่ที่ชานชาลา 101…รถออกเวลา 18.15 น. พักรับประทานอาหารที่กำแพงเพชร น้องต่ายและน้องทอมมี่ทานอาหารคนละ 2 ชาม…พวกเราถึงอมก๋อยเวลาประมาณ 4.15 น. ของอีกวัน ระหว่างทางมีรถคันข้างหน้าเสีย ทำให้รถทัวร์ของเราไปไม่ได้ ทอมมี่กับฉันนอนหลับปุ๋ย แต่ฉันก็ได้ยินพี่อิ๋วตะโกนบอกพวกเราให้อธิษฐาน ฉันลืมตาไม่ขึ้น แบบว่ากำลังหลับได้ที่ แต่ก็อธิษฐานอยู่ในใจ ขอฑูตสวรรค์มาซ่อมให้ด้วย วิธีนี้ฉันใช้ประจำ เช่น เวลาไปไม่ทันนัดแบบฉุกเฉิน ฉันจะขอให้ฑูตสวรรค์มาเคลียร์ทางให้ ขอบคุณพระเจ้า สักพักรถก็สามารถวิ่งต่อไปได้ด้วยดี ทางมีโค้งมีแยกเท่าไรฉันไม่รู้เรื่องเลย ฉันหลับอย่างสันติบนรถคันนั้น ต่ายเกรงว่าจะเมารถในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ไม่เมา ขอบคุณพระเจ้า พี่อิ๋วขอบคุณพระเจ้าที่รถเสีย ทำให้เรามาถึงอมก๋อยในเวลาที่พอเหมาะ เพราะหากถึงตีสาม คงโหวงเหวงน่าดูเลย เอ่อ! คือว่า ผีเราไม่กลัวนะ แต่เรากลัวคนมากกว่า…ระหว่างรอครูแมมมารับ พวกเราก็เม้าท์กระจาย โอ้ลั่นล้าถ่ายรูปกัน ทั้งน้องหมาน้องไก่แถวนั้นก็แตกตื่น ทั้งเห่าทั้งร้องไปกับพวกเราด้วย…ครูแมมนั่งหน้าแฉล้ม ยิ้มฟันขาว มารับเราพร้อม อ.นเรศ (โอ้โฮ! เส้นใหญ่นะเนี่ย ระดับ ศบ.ขับรถมารับเราแต่เช้า) …เราสี่พี่น้องนั่งอยู่ที่ท้ายรถกะบะ ลมเย็นชื่นใจจนหนาวสั่น แต่พี่อิ๋วหันหน้าท้าลมหนาวอย่างสง่าผ่าเผย…เสรีภาพจากองค์พระเจ้า (การนั่งรถทัวร์ตามหลังมา ทำให้เราพลาดเหตุการณ์ที่ห้องนมัสการในช่วงคืนแรกไป)



16/10/2008 ณ อมก๋อย
รถกะบะพาพวกเรามาที่ค่ายบริเวณคริสตจักร พวกเราอาบน้ำและเข้าสู่การนมัสการที่ คจ.แม่ต๋อมเหนือ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เข้าสู่ค่ายอนุชนสัมพันธ์ ในหัวข้อ “พลังแห่งการพลิกฟื้น” ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2551 ครั้งนี้มีอนุชนจากภาคเหนือและอื่นๆ มาร่วมด้วยประมาณ 1,600 คน โดยบ้างก็นอนที่โรงเรียนซึ่งอยู่ใกล้ๆ คริสตจักร บ้างก็นอนเบียดๆ กันอยู่ในห้องต่างๆ ของคริสตจักร บ้างก็นอนเต้นท์
อ.ลอยพอ ผู้รับใช้พระเจ้าชาวปากะญอ เทศนาจากพระธรรม 2 พศด.15 1พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จมาสถิตกับอาซาริยาห์บุตรโอเดด 2และท่านออกไปเฝ้าอาสาทูลพระองค์ว่า "ข้าแต่อาสาและยูดาห์กับเบนยามินทั้งปวง ขอจงฟังข้าพเจ้า พระเจ้าทรงสถิตกับท่านทั้งหลาย ต่อเมื่อท่านทั้งหลายอยู่กับพระองค์ ถ้าท่านทั้งหลายแสวงหาพระองค์ ท่านก็จะพบพระองค์ แต่ถ้าท่านทั้งหลายทอดทิ้งพระองค์ พระองค์จะทรงทอดทิ้งท่านทั้งหลาย 3อิสราเอลอยู่ปราศจากพระเจ้าเที่ยงแท้เป็นเวลานาน และไม่มีปุโรหิตผู้สั่งสอน และไม่มีพระธรรม 4แต่เมื่อถึงคราวเขาทุกข์ยากลำบาก เขาหันมาหาพระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลและแสวงหาพระองค์ เขาทั้งหลายก็พบพระองค์ 5ในสมัยนั้นไม่มีสันติภาพแก่ผู้ที่ออกไปหรือผู้ที่เข้ามา เพราะมีการวุ่นวายอยู่มากมายรบกวนชาวเมืองนั้น 6เขาแตกแยกกันเป็นพวกๆ ประชาชาติต่อประชาชาติและเมืองต่อเมือง เพราะพระเจ้าทรงรบกวนเขาด้วยความทุกข์ยากทุกอย่าง 7แต่ท่านทั้งหลายจงกล้าหาญ อย่าให้มือของท่านอ่อนลง เพราะว่ากิจการของท่านจะได้รับบำเหน็จ" 8เมื่ออาสาทรงสดับถ้อยคำเหล่านี้คือคำเผยพระวจนะของอาซาริยาห์บุตรโอเดด พระองค์ก็ทรงมีพระทัยกล้าขึ้น ทรงกำจัดสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนจากแผ่นดินยูดาห์และเบนยามินสิ้น และจากหัวเมืองซึ่งพระองค์ยึดมาได้จากถิ่นเทือกเขาเอฟราอิม และพระองค์ทรงซ่อมแซมแท่นบูชาของพระเจ้า ซึ่งอยู่หน้ามุขพระนิเวศของพระเจ้า 9และพระองค์ทรงรวบรวมยูดาห์และเบนยามินทั้งปวง และคนเหล่านั้นจากเอฟราอิม มนัสเสห์ และจากสิเมโอน ผู้อาศัยอยู่กับเขาทั้งหลาย เพราะคนเป็นจำนวนมากได้หลบหนีมาหาพระองค์จากอิสราเอล เมื่อเขาเห็นว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์สถิตกับพระองค์ 10เขาทั้งหลายชุมนุมกันที่เยรูซาเล็มในเดือนที่สามของปีที่สิบห้าในรัชกาลของอาสา 11เขาทั้งหลายถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้าในวันนั้นจากข้าวของที่เขาได้ริบมา มีวัวผู้เจ็ดร้อยตัวและแกะเจ็ดพันตัว 12และเขาก็เข้าทำพันธสัญญาที่จะแสวงหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา ด้วยสุดจิตสุดใจของเขา 13และว่าผู้ใดที่ไม่แสวงหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ควรจะมีโทษถึงตาย ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ชายหรือหญิง 14เขาทั้งหลายได้กระทำสัตย์สาบานต่อพระเจ้าด้วยเสียงอันดัง และด้วยเสียงโห่ร้อง และด้วยเสียงแตรและเขาสัตว์ 15และยูดาห์ทั้งปวงก็เปรมปรีดิ์เพราะสัตย์สาบานนั้น เพราะเขาทั้งหลายได้สาบานด้วยสุดใจของเขา และได้แสวงหาพระองค์ด้วยสิ้นความปรารถนาของเขา และเขาทั้งหลายก็พบพระองค์ และพระเจ้าทรงประทานให้เขาหยุดพักสงบรอบด้าน 16แม้ว่ามาอาคาห์พระมารดาของพระองค์ กษัตริย์อาสาก็ทรงถอดเสียจากเป็นพระราชชนนี เพราะพระนางได้กระทำรูปเคารพอันน่าเกลียดน่าชังสำหรับพระอาเชราห์ อาสาทรงโค่นรูปเคารพของพระนางลง และบด และเผาเสียที่ลำธารขิดโรน 17แต่ยังมิได้กำจัดปูชนียสถานสูงออกเสียจากอิสราเอล อย่างไรก็ดีพระทัยของอาสาก็ปราศจากตำหนิตลอดรัชกาลของพระองค์ 18และพระองค์ทรงนำของอุทิศถวายของราชบิดาของพระองค์และ ข้าวของที่พระองค์เองทรงอุทิศถวาย มีเงิน และทองคำ และเครื่องใช้เข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้า 19และไม่มีสงครามอีกจนปีที่สามสิบห้าในรัชกาลของอาสา

สรุปเนื้อหาสั้นๆ ได้ว่า เกิดการฟื้นฟูและเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสมัยนั้น เนื่องจากมีการแสวงหาพระเจ้า รื้อฟื้นแท่นบูชา และฆ่าวัว ฆ่าแกะ ถวายพระเจ้า
อ.ลอยพอ หนุนใจให้เราอธิษฐานเผื่อประเทศไทยอย่างจริงจัง และขอบคุณพระเจ้า ปัจจุบันไฟได้ลุกโชติช่วงที่ อมก๋อย และลามไปที่อื่นๆ แล้ว เช่น เชียงราย เป็นต้น
อ.ลอยพอ ย้ำให้เราทุกคนตระหนักว่าเราอยู่เพื่อพระเจ้า กลับไปลงทุนกับพระเจ้า แสวงหาพระเจ้า อุดช่องโหว่เพื่อประเทศไทย อย่างน้อยวันละ 15 นาที หากต้องกระทำอย่างสัตย์ซื่อทุกวัน ด้วยใจร้อนรน กล่าวคือ เมื่อเราได้รับไฟ จะเป็นเหตุให้คริสตจักรของเราได้รับไฟ และประเทศไทยได้รับไฟ…ฮาเลลูยา
เมื่อเราได้พบพระเจ้าแล้ว ก็เท่ากับว่าเราได้ทุกสิ่ง เหมือนกษัตริย์อาสาที่แสวงหาพระเจ้า ทำให้อิสราเอลพบพระเจ้า
อ.ลอยพอ ท้าทายให้อนุชนอดอาหารอธิษฐานอย่างจริงจัง เพื่อแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า เมื่อเราแสวงหาพระเจ้า เราจะพบพระเจ้า และอธิษฐานขอว่า “พระบิดาเจ้าข้า ลูกไปที่ไหนก็จะเห็นแต่การนมัสการพระเจ้า ได้พบกับการกลับใจ” จากนั้น พวกเราก็ร้องเพลง “โปรดทรงอวยพรประเทศไทย” เหล่าอนุชนเต้นโลดร้องเพลงกันสุดเสียง สนั่นสะท้านก้องขุนเขา…คจ.แม่ต๋อม คจ.ขององค์พระเจ้าท่ามกลางหุบเขาและแมกไม้ธรรมชาติ ทำให้นึกถึง พระธรรมสดุดี 121:1-2 1ข้าพเจ้าเงยหน้าดูภูเขา ความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาจากไหน 2ความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาจากพระเจ้า ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
เมื่อจบเพลง อ.ลอยพอ เทศนาอย่างร้อนรนว่า เราไม่มีเวลาเห็นแก่ตัวแล้ว คริสเตียนทำอะไรต้องทำจริง และคนที่จริงจังกับพระเจ้า อยู่ที่ไหนก็เจริญ พระเจ้าจะทรงอวยพร “เล่น…ก็เล่นจริง กิน…ก็กินจริง ทำ…ก็ทำจริง นมัสการ…ก็นมัสการจริงๆ รับใช้…ก็รับใช้จริง อธิษฐาน…ก็อธิษฐานจริง” จากนั้น อ.ลอยพอได้ขอให้อนุชนในค่ายร่วมใจกันอธิษฐานเผื่อประเทศไทย เผื่อการฟื้นฟูต่างๆ ซึ่งจะเคลื่อนจากเหนือลงไปสู่ทุกทิศทั้งประเทศไทย และอธิษฐานเผื่อค่ายอนุชนที่อมก๋อย วันที่ 20-22 มีนาคม 2009 และค่ายอนุชนใหญ่ที่เชียงใหม่ในปี 2010
เมื่อ อ.ลอยพอเทศนาจบ ก็ได้เวลาทานข้าวเช้า แต่ละคนต่อคิวรอทานข้าวด้วยความหิว และทานแบบเอร็ดอร่อย ยกเว้นอนุชนนิมิตใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับอาหารแบบนั้น แต่ในที่สุด เมื่อลองทานแล้ว หลายคนก็บอกว่าอร่อย อย่างไรก็ตามเราเห็นอนุชนบางคนไปโซ้ยมาม่าต่อ มาม่า ปลากระป๋อง ชา กาแฟ นม โอวัลติน และขนม หาได้ใกล้ๆ น้าหนุ่ยและน้าอ้อยจ้า…ขอบคุณพระเจ้า…ทานข้าวเสร็จก็กลับมานมัสการต่อ และเทศนาโดย อ.ปีเตอร์ ที่มีชื่อภาษาไทยว่า อ.ปิติ ซึ่งอาจารย์พูดภาษาไทยเก่ง แต่ถ้าจะให้เร้าใจก็ต้องเทศนาด้วยภาษาอังกฤษ โดยมี อ.ซิดนีย์เป็นผู้แปล การเทศนาของ อ.ปิติ สรุปได้ ดังนี้
พระองค์ทรงเป็นช่างปั้น เราเป็นก้อนดินของพระองค์ เป็นภาชนะที่ต้องเติบโต สวย และใช้การได้ดี พระเจ้าทรงปั้นแต่ละคนอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยว่าพระองค์ทรงรู้จักเรา รู้ชื่อของเรา รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน รู้ว่าเราต้องการอะไร รู้ว่าเรามีความสามารถเพียงใด พระเจ้ายังคงเรียกคนด้วยแบบเดียวกันกับสมัยของอับรมฮัม อิสอัค ยาโคบ แต่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่เปลี่ยนเร็ว และทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนจึงต้องพร้อมเสมอสำหรับการเปลี่ยนแปลง เราทุกคนเป็นความหวังของโลกใบนี้ ความหวังของคริสตจักรอยู่ที่คุณ คุณเป็นคริสตจักรของพระเจ้า เป็นที่สถิตย์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์…อย่างไรก็ตาม เรามีความหวังที่ดีกว่าสมัยพันธสัญญาเดิม เนื่องจากในยุคดังกล่าวมีกฎที่เขียนบนแผ่นศิลาแลง ต้องถวายเครื่องบูชา แต่ในยุคพันธสัญญาใหม่ เป็นพันธสัญญาแห่งชีวิตที่เขียนบนจิตวิญญาณ มีองค์พระเยซูเป็นผู้กระทำพันธสัญญาแห่งความจริง และความจริงนี้จะเปลี่ยนให้คุณมีเสรีภาพ
ปัจจุบันเราเป็นคนรุ่นโยชูวามิใช่โมเสส (ยชว.19-24) พระเจ้าสั่งโยชูวาว่า “จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด” คุณต้องมีความกล้าหาญ คุณต้องมีความหวัง หากคุณไม่มีความหวังแล้ว คุณจะไม่สามารถนำใครได้ โมเสสตายแล้วก็จริง แต่พระเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ยังไม่ตาย และคุณ ยังไม่ตาย!
พระเจ้าอยู่กับโมเสสมาแล้วฉันใด พระเจ้าจะทรงอยู่กับเราฉันนั้น เราจะพลิกประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยความเชื่อและความหวัง (Trust) เราต้องวางใจ กล้าหาญอย่างไม่สงสัย เพราะหากไม่มีสิ่งนี้เราจะไม่สามารถพบสันติสุขแท้ได้ จงวางใจในแผนการของพระเจ้า (รม.8:28) 28เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์
จงมองไปข้างหน้า บินไปด้วยความหวัง จงเชื่อพระเจ้า ไปกับพระเจ้า และพระเจ้าจะทรงกระทำให้สำเร็จ เราสามารถไว้วางใจพระเจ้าได้ พระเจ้าประสงค์ให้เรารักกันและกัน เล่าเรื่องของเราซ้ำแล้วซ้ำอีกถึงการอัศจรรย์ของพระองค์ เรื่องที่พระเจ้าทรงปกป้องเรา เรื่องที่พระเจ้าใช้เราไปเป็นพระพรและเป็นพยาน
เรา โยชูวา คนรุ่นใหม่ ในแผ่นดินใหม่ แผ่นดินที่เจิมไปด้วยไฟแห่งพระวิญญาณ

***ช่วงอธิษฐาน ขอการเจิมจากพระเจ้า










ทำไมต้องมีคริสตจักร
1. คริสตจักรเป็นเครื่องมือของพระเจ้า ซึ่งเราทุกคนต้องออกไปบอกว่าพระเยซูรักทุกคน (ข่าวดีจะไม่เป็นข่าวดีหากเราไม่บอกออกไป)
2. เพื่อคริสเตียนจะเป็นคริสเตียนที่ดีขึ้น เป็นคริสเตียนที่มีชีวิตชีวา เป็นผู้เชื่อที่มีประสบการณ์อัศจรรย์
3. เพื่อเป็นชุมชนแท้ มี 2 สิ่งที่ทำคนเดียวไม่ได้ คือ การแต่งงานและการเป็นคริสเตียน วิธีที่ผู้อื่นจะรู้ว่าเราเป็น คริสเตียนคือการมีครอบครัวใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ปลอดภัย เป็นที่ซึ่งเราเป็นตัวของตัวเอง เป็นที่ซึ่งเราพูดความจริงด้วยใจรักและเมตตา
4. เพื่อเราจะเป็นสื่อของความดีในโลกนี้ เรามิใช่เพียงพูดดี แต่ต้องทำดีด้วย ที่ใดมีความเศร้า เราจะนำความหวังไป ที่ใดมีการแตกแยก เราจะนำการคืนดีไป ที่ใดมีความหิว เราจะนำความอิ่มหนำไป ดังนั้น เราต้องค้นหาว่าเราสามารถทำหน้าที่ใดได้บ้างในคริสตจักร เพราะแต่ละคนพระเจ้าทรงสร้างมาอย่างเฉพาะเจาะจง มีรูปร่างสัณฐานที่แตกต่างกัน (SHAPE)
S-Spiritual Gift : ของประทานฝ่ายวิญญาณในคริสตจักร มีความแตกต่างกัน เพื่อรับใช้กันและกัน
H-Heart : หัวใจ แต่ละคนมีหัวใจไม่เหมือนกัน แต่พระเจ้าทรงเห็นจิตใจของทุกคน
A-Ability : ความสามารถ บางคนเก่งบริหาร ทำอาหาร ร้องเพลง งานเขียน งานศิลปะ แต่ล้วน
เป็นความสามารถที่พระเจ้าจะใช้ได้
P-Personality : บุคลิกลักษณะ บางคนเงียบ บางคนเสียงดัง แต่ทุกคนล้วนมีบุคลิกที่เหมาะสำหรับ
สิ่งที่พระเจ้าเรียกให้ทำ
E-Experience : มีประสบการณ์กับพระเจ้า ทำให้เรารู้ว่าเราอยู่ตรงไหนในคริสตจักร

อ.ปิติหนุนใจให้ทุกคนค้นหาว่าของประทานฝ่ายวิญญาณของเราคืออะไร SHAPE ของเราคืออะไร

***บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอการเจิม และภาษาแปลกๆ-
***รับประทานอาหารกลางวัน-








ช่วงบ่าย อนุชนใช้เวลาด้วยกันอยู่ที่ คจ.แม่ต๋อม แต่สำหรับพวกเราซึ่งเคยเป็นอนุชนนั้น อ.ซิดนีย์ และ อ.ลอยพอ พาไปเยี่ยมชมโรงเรียนพระคริสตธรรมอมก๋อย ซึ่ง อ.ซิดนีย์และผู้รับใช้พระเจ้าที่ร้อนรนได้บุกเบิก อ.ซิดนีย์หวังใจว่าที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งสร้างมิชชันนารี เป็นสถานประกาศ เป็นสถานที่ศึกษา เป็นสถานที่เยียวยา เป็นสถานที่ฝึกอาชีพ
พี่อ้อยกับหนึ่งได้เรียนให้ อ.ซิดนีย์ทราบว่า คจ.นิมิตใหม่ ต้องการถวายเงินจำนวนหนึ่งสำหรับสร้างคริสตจักรด้วย
อากาศค่อนข้างร้อน แดดเปรี้ยงปร้าง แต่สถานที่แห่งนี้สวยงามมาก มองเห็นภูเขาจากทุกมุม 360 องศา ทุกคนจึงดูสนุกสนานและยิ้มแก้มปริไปตามๆ กัน แม้แต่เด็กๆ ก็สนุก พี่โอของเราคิดถึงน้อง Blessing มาก แต่ก็มีน้องเกื้อสุดหล่อดูแลหัวใจให้









ระหว่างทาง เราพบกล้วยน้ำว้าผลงามใหญ่ สดใหม่ จึงซื้อขึ้นมาทานบนรถหลายหวีด้วยกัน ครูแมมบอกว่ามันใหญ่คับปากเลย ส่วนพี่อิ๋วบอกว่าเป็นกล้วยที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตเลย ส่วนน้องจ๋าลูกสาวพี่แขกก็พยายามงับกล้วยใบใหญ่ด้วยความหิว น้าหนุ่ย น้าอ้อย หัวเราะร่า ยายรุณก็ยิ้มแก้มปริเลย ชอบใจกล้วยใหญ่ๆ
เรากลับมาพักผ่อน บางคนก็อาบน้ำ และทานข้าวเย็น…ช่วงเวลานั้นแสงทองทาทาบขอบฟ้าเหนือขุนเขากว้างไกล ความงดงามที่เหนือคำบรรยาย ภาพตรงหน้าไม่สามารถหาจิตรกรใดในโลกที่จะรังสรรค์ได้เท่าจิตรกรเอก องค์พระเยโฮวาห์ของเรา

เวลา 18.00 น. เริ่มนมัสการอีกครั้ง อนุชนภาคเหนือร้อนรนในการนมัสการมาก เนื่องจากพี่อิ๋วและฉันไปทีหลัง และได้ป้ายชื่อคนละสีกับทีมอนุชนนิมิตใหม่ เราจึงนั่งอยู่กันคนละมุม เราอยู่ตอนกลางๆ ของห้อง เมื่อการนมัสการเริ่มร้อนแรงขึ้น วัยรุ่นกลุ่มใหญ่ก็เริ่มเคลื่อนตัวเข้าสู่หน้าเวที พวกเขาเต้นกันอย่างเมามันส์ เบียดเสียดยัดเยียดกันอยู่ด้านหน้า แต่เราก็เต้นโลดสรรเสริญพระเจ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน บางทีเราก็เหยียบเท้ากันบ้าง เพราะเต้นกันเพลิน กระโดดกันสุดกำลัง แต่เราก็มีมารยาท ขอโทษขอโพยกัน และพยายามไม่ให้กระทบกันอีก ทว่า เหงื่อไหลไคลย้อยไปตามๆ กัน

***ช่วงถวายทรัพย์-
อ.ซิดนีย์ ขึ้นมาเทศนา และกล่าวห้ามไม่ให้มีการถ่ายรูป เพื่อที่ว่าหัวใจทุกดวงจะจดจ่ออยู่ที่พระคำของพระเจ้าแต่เพียงอย่างเดียว พวกเราทุกคนเปิด วว.22:20 20พระองค์ผู้ทรงเป็นพยาน ในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ ตรัสว่า "เราจะมาในเร็วๆ นี้แน่นอน" อาเมน พระเยซูเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด
พวกเราพบคำถามว่า หากพระเยซูเสด็จมาวันนี้ เราพร้อมหรือไม่ เห็นได้ว่าปัจจุบันโลกของเราประสบปัญหาสารพัดอย่าง ซึ่งบอกว่าพระเยซูใกล้เสด็จมาแล้ว และหากเป็นเช่นนั้น เราต้องทำอะไร เราต้องเตรียมพร้อมอย่างไร
พระเจ้าทรงเร่งกระทำกิจของพระองค์ การฟื้นฟูก็จะเกิดขึ้นเร็วมาก สิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ก็จะเปลี่ยนเร็วมาก แต่ในภาวะการณ์เช่นนี้ก็เป็นสิ่งดี ด้วยว่ายิ่งมืดเท่าไร แสงของเราก็จะยิ่งส่องสว่างขึ้นเท่านั้น พระเยซูทรงปรารถนาให้เราเป็นความสว่างในที่ๆ เราอยู่…ทุกคนต้องมีความฝัน หากใครไม่เคยฝัน หรือว่าเคยฝันแล้วแต่ล้มเลิกไป ให้เราขอจากพระเจ้าเพื่อที่ความฝันเหล่านั้นจะกลับคืนมา (อ.ซิดนีย์ให้ทุกคนเขียนความฝันของตนเอง ซึ่งเป็นฝันที่ใหญ่ เช่น อนุชนในประเทศไทยจะลุกขึ้นรับใช้พระเจ้า คนไทยจะยกย่องพระนามพระองค์ เราจะนำข่าวประเสริฐไปยังคนจำนวนมาก เราจะเผยพระวจนะ เราจะวางมือรักษาโรค เป็นต้น)
เมื่อมีความฝันแล้ว ต้องฉวยไว้ให้ได้ ต้องลงทุนลงแรง ลงใจทุกอย่างเพื่อให้ไปถึงซึ่งความฝันนั้น…ตายอย่างมีฝัน ดีกว่าอยู่อย่างไม่มีฝัน (ฟป.1:21) 21เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้านั้น การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์ และการตายก็ได้กำไร
เป้าหมายในชีวิตของเรามิใช่เกิดมาเพื่อทำมาหากิน มีเงินทองเยอะๆ
เมื่อพระเจ้าทรงเร่งเวลา เราจะต้องถ่อมลง พระเจ้ากำลังทำการใหญ่และกำลังมองหาคนทำงาน แล้วพระเจ้าจะเลือกใคร? คนแรกที่พระเจ้าจะทรงเลือก คือ คนที่ถ่อมใจที่สุด (คนดื้อจะเรียนได้ช้า ใช้การไม่ได้)
ในพระคัมภีร์ได้กล่าวถึงหลายคนที่ถ่อมใจ เช่น โมเสส ได้เขียนไว้ว่าตนเองถ่อมใจที่สุด ส่วนในพระคัมภีร์ใหม่ ผู้ที่ถ่อมใจที่สุดคือองค์พระเยซู
ความถ่อมใจ หมายถึง การเห็นด้วยกับพระเจ้าทุกประการ เห็นด้วยในสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับเรา เราต้องยอมรับทั้งด้านเก่งและไม่เก่งของเรา หากเก่ง มีความสามารถก็ต้องยอมรับว่ามีด้วยความขอบคุณ หากไม่ยอมรับก็มิได้ถือว่าถ่อมใจ และกลายเป็นคนโกหก ในทำนองเดียวกัน หากไม่เก่งหรืออ่อนแอด้านไหนก็ต้องยอมรับตรงนั้น
o ความถ่อมเหมือนการเล่นบาสเกตบอล ชูสเกินก็ไม่ดี ชูสไม่ถึงก็ไม่ดี ต้องชูสให้ลงพอดีอย่างสวยงาม
o ความถ่อมใจเหมือนกางเกงใน มีไว้ แต่ไม่ต้องโชว์
o ถ้าเราไม่ถ่อมใจ เราจะอิจฉาเขา เราจะเกลียดคนที่เก่งกว่าเรา ฉะนั้น เราต้องไม่อิจฉาใครเลย
o ยอมรับในสิ่งที่เรามี และในสิ่งที่เราไม่มี
o พระเจ้าจะปลดคนที่ยกตัวเองขึ้น และจะยกคนที่ถ่อมลง
o เวลาที่คนพูดไม่ดีกับเรา เราต้องไม่โกรธเขา แต่เราไม่รับสิ่งที่เขาพูด เราขอบคุณเขาหากเป็นจริง และปรับปรุงตัว หากไม่จริงก็จบ
o ถ้าเราร่วมประเวณี เรารู้ว่าเราทำบาป แต่คนเย่อหยิ่งจะไม่รู้ตัวว่ากำลังทำบาป คนไม่ถ่อมจะเป็นเช่นนี้
o เวลาพระเจ้าสอบคุณ คุณสามารถดูเฉลยได้ในพระคัมภีร์ พระคัมภีร์บอกว่าเราต้องบริสุทธิ์
o ทำอย่างไรให้เราเบื่อความบาป และชอบในสิ่งที่พระคัมภีร์พูด เพื่อไม่ทำให้พระเจ้าเสียพระทัย


กล่าวโดยสรุป การรับใช้พระเจ้าให้เกิดผลนั้น จำเป็นต้อง
1. มีความฝันใหญ่
2. ถ่อมลง
3. เปลี่ยนวิธีคิดของเรา โดยมองจากมุมมองสวรรค์ ให้จิตวิญญาณเป็นสิ่งสำคัญกว่าวัตถุ ให้ชีวิตนี้เป็นของพระเจ้า มีไว้เพื่อพระองค์เพียงผู้เดียว
4. สร้างคุณภาพชีวิตให้เหมือนชีวิตในพระคัมภีร์ คือ ดำเนินชีวิตด้วยความบริสุทธิ์เต็มร้อย เมื่อทำผิด ต้องรีบสารภาพและกลับใจใหม่ทันที ให้ถามตัวเองว่ามีบาปอะไรไหมที่เรายังไม่ชนะ และขอพระเจ้าช่วยเรา (ถ้าเราจะให้พระเจ้าใช้ เราจะเจอสงครามฝ่ายวิญญาณจากมารซาตาน มันไม่ใช่แค่ลักและทำลาย มันจะฆ่า! ถ้าเราไม่มีพระคัมภีร์ เราต้องตายแน่)
5. วางตัวของเราไปในจุดที่พระเจ้าเรียกให้เราทำ ค้นหาว่าเป้าหมายใหญ่ในชีวิตที่พระเจ้าให้เราคืออะไร แล้วศึกษาเรื่องนั้น อยู่ใกล้ชิดกับคนที่ทำสิ่งนั้น ทุ่มเท!
• เริ่มต้นจากสิ่งเล็กน้อยด้วยความเต็มใจ เอาตัวเราไปตั้งในที่พระเจ้าเจิม
• พระเจ้าประสงค์ให้เราต้องการฟื้นฟู ตั้งท้องการฟื้นฟู และเมื่อเราคลอดลูก คลอดการฟื้นฟู ไม่มีใครดีใจเท่าแม่ เพราะในความเป็นแม่นั้นจะเตรียมทุกอย่างเพื่อลูก เช่นเดียวกับที่เราต้องเตรียมทุกอย่างเพื่อการฟื้นฟู ป้อนอาหารด้วยคำอธิษฐาน

***อ.ซิ ดนีย์ อธิษฐานขอการฟื้นฟู-
***ลอดอุโมงค์อธิษฐาน ขอการเจิมจากพระวิญญาณ บางคนได้รับการเผยพระวจนะในช่วงนี้-

วันที่ 17/8/08 อมก๋อย-อ.เมือง เชียงใหม่

5.30 น. อธิษฐาน
6.00 น. นมัสการ
อ.ลอยพอ นำเข้าสู่สีสันของการแบ่งปัน โดยให้คนที่พระวิญญาณมาเยี่ยมเยียนได้มีโอกาสมาเป็นพยานบนเวที
อีกมิติหนึ่งของการรับใช้พระเจ้าคือ การสัมผัสพระเจ้า เราจะรับใช้พระเจ้ามากขึ้น อธิษฐานมากขึ้น นมัสการมากขึ้น รักพระเจ้ามากขึ้น
จากนั้น อ.ลอยพอ ได้เทศนาด้วยพระธรรม ดนล. 1:8 แต่ดาเนียลตั้งใจไว้ว่าจะไม่กระทำตัวให้เป็นมลทินด้วยอาหารสูงของพระราชา หรือด้วยเหล้าองุ่นซึ่งพระองค์ดื่ม เพราะฉะนั้นเขาจึงขอหัวหน้าขันทีให้ยอมเขาที่ไม่กระทำตัวให้เป็นมลทิน
ความตั้งใจของดาเนียล คือ
• จะไม่ทำตัวให้เป็นมลทิน
• ตั้งใจจะไม่กราบไหว้
• ตั้งใจจะอธิษฐานวันละ 3 เวลา
• ตั้งใจจะถวายเกียรติพระเจ้า โดยบอกว่าตนเล่าความฝันไม่ได้ แต่พระเจ้าทรงกระทำได้
เราเองก็เช่นกัน ความตั้งใจของเราต้องชัดเจน มิฉะนั้นเราจะเหนื่อย
• คิดจะให้เกียรติพระเจ้า มิใช่ให้เกียรติมนุษย์ เราสามารถเริ่มจากเล็กๆ ก่อน พระเจ้าให้เกียรติคนที่ให้เกียรติพระองค์เสมอ
• เกียรติของพระเจ้าอยู่ที่เรา เกียรติของเราอยู่ที่พระเจ้า คนที่ให้เกียรติพระเจ้า ชีวิตจะประสบความสำเร็จเสมอ เช่น โมเสส อับราฮัม อิสอัค ดาวิด ดาเนียล (ดาเนียล ตั้งใจว่าจะอธิษฐานวันละ 3 ครั้ง ไม่ว่าตำแหน่งจะสูงแค่ไหน หรืองานยุ่งแค่ไหนก็ตาม)
• ยิ่งตั้งใจมาก ยิ่งพบอุปสรรคมาก แต่เราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามากขึ้น

***แบ่งโซนอธิษฐานเผื่อกันและกัน และอธิษฐานเผื่อภาคต่างๆ ขอพระเจ้าเยี่ยมเยียน อธิษฐานเผื่อประเทศต่างๆ เผื่อค่ายฟื้นฟูใหญ่ 20-23/10/2009 และ ค่ายอนุชนใหญ่ทั่วประเทศ ในปี 2010***

*** นมัสการ
*** อธิษฐาน
*** ถวายทรัพย์

เมื่อคุณอยากทำการฟื้นฟูในที่อื่น คุณกลับจากค่ายนี้ คุณจะทำอะไร
o ความสำเร็จของค่าย อยู่ที่ความเปลี่ยนแปลงเมื่อคุณกลับไปแล้ว ชีวิตของคุณต้องเปลี่ยน
o สิ่งที่น่าตื่นเต้น มิใช่การไปสวรรค์ แต่คือการกลับจากสวรรค์ และเปลี่ยนแปลงต่างหาก
คำแนะนำในการอ่านพระคัมภีร์แต่ละวัน ดังนี้
สุภาษิต วันละ 1 บท
สดุดี วันละ 5 บท
พระคัมภีร์เดิม วันละ 5 บท
พระคัมภีร์ใหม่ วันละ 10 บท

• การนมัสการส่วนตัว จะทำให้เราเติบโตในทางของพระเจ้ามากขึ้น
• สิ่งที่เปลี่ยนยาก คือ นิสัย หรือผลของพระวิญญาณ แต่การอัศจรรย์เป็นเรื่องง่าย การขับผี การวางมือรักษาโรคเป็นเรื่องง่ายเมื่อเทียบกับผลของพระวิญญาณ

***อธิษฐานขอพระเจ้าตรัสกับเราเกี่ยวกับการฟื้นฟู ซึ่งแต่ละคนจะเห็นภาพและได้ยินไม่เหมือนกัน
***น้องศราวุธ วัย 5 ขวบ เรียนอยู่ ป.2 ขึ้นมาอธิษฐานเผื่อพี่ๆ อนุชน

สิ่งที่ อ.ซิดนีย์เป็นห่วง คือ การที่ผู้ใหญ่จะเลี้ยงดูเด็กฝ่ายวิญญาณให้เติบโตมั่นคง

การจุดไฟเป็นสิ่งที่ยาก แต่การรักษาไฟเป็นสิ่งที่ยากที่สุด!
จุดไฟฟื้นฟูอย่างไร รักษาไฟอย่างไร เผยแพร่ไฟอย่างไร

*** break



วิธีฟื้นฟู : เทศนาโดย อ.ซิดนีย์
พระเจ้าจะเร่งการฟื้นฟูมาที่ภาคเหนือ โดยได้เริ่มตั้งแต่ปี 2002 เริ่มมีการอดอหารของชาวกระเหรี่ยง 2 พศด.7:14 ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยชื่อของเรานั้นจะถ่อมตัวลง และอธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย
เมื่ออดอาหารอธิษฐาน จะเกิดการทะลุทะลวง
มธ.6 ศาสนกิจ 3 ประการ ที่ควรทำ
1. การทำทานช่วยเหลือคนยากจน (ข้อ 2)
2. การอธิษฐาน (ข้อ 5)
3. การถืออดอาหาร (ข้อ 16)
เปาโลเองก็อดอาหาร 2 คร.11:27 ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยและยากลำบาก ต้องอดหลับอดนอนบ่อยๆ ต้องหิวและกระหาย ต้องอดข้าวบ่อยๆ ต้องทนหนาวและเปลือยกาย
เราต้องฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์ อธิษฐานอดอาหาร และออกไปรับใช้…เซาโลและบารนาบัสเป็นมิชชันนารีคู่แรกที่ออกไป กจ.13:2 เมื่อคนเหล่านั้นกำลังนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าและถืออดอาหาร พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสสั่งว่า "จงตั้งบารนาบัสกับเซาโลไว้สำหรับการซึ่งเราเรียกให้เขาทำนั้น"
สิ่งที่ยากที่สุดในการอดอาหารคือ สมองหิว (หากอดไปได้ 3 วัน จะไม่รู้สึกหิว) วิธีการต่อสู้กับความคิดคือ ย้ายความคิดหนึ่งไปยังความคิดหนึ่ง
วิธีการอดอาหาร
1. ตั้งเป้าของการอดอาหารอธิษฐาน เช่น เผื่อความรอด เพื่อเราจะได้รู้จักพระเจ้าอย่างสิ้นสุดจิต สุดใจ สุดกำลัง เพื่อเราจะบริสุทธิ์มากขึ้น เปิดพระคัมภีร์ในข้อที่เราชอบและประทับใจ จากนั้นตั้งเป้าเล็กๆ
2. เตรียมตัวฝ่ายร่างกาย ตัดของมัน ตัดน้ำตาล กาแฟ ตัดทีวี เกมส์มันส์ๆ หรือสิ่งที่เราติด คนที่มีโรคประจำตัวให้ปรึกษาคุณหมอ (โทร.053-282970 เบอร์ของคุณหมอคริสเตียนที่ให้คำแนะนำเรื่องอดอาหาร)
3. เตรียมฝ่ายจิตวิญญาณ สารภาพบาป ชำระใจ อธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ล้างใจให้สะอาด
4. เตรียมสมุดเล่มหนึ่ง บันทึกสิ่งที่พระเจ้าบอกเราในแต่ละวัน
5. กำหนดเวลาที่คุณอธิษฐาน
อีกด้านที่ต้องตัดสินใจ
1. จะอดกี่วัน ถ้ามือใหม่ให้เริ่ม 40 วัน
2. อย่าอดมื้อกินมื้อ อย่าอดอาหารโดยไม่ดื่มน้ำ

ประเภทของการอดอาหาร
1. อดอาหาร โดยดื่มน้ำอย่างเดียว
2. อดอาหารแข็ง ดื่มน้ำผลไม้
3. อดแบบดาเนียล
***ปิดค่ายด้วยการอธิษฐานเผื่อกันและกัน ชาวนิมิตใหม่ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และรับประทานอาหารกลางวัน



เราออกจากค่ายประมาณบ่ายสองโมง ถึงคจ.ศิริวัฒนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ประมาณ ห้าโมงเย็น พวกเราสามัคคีธรรมกับพี่น้องอนุชนของ คจ.ศิริวัฒนา จากนั้น ช่วงเย็นเราไปทานขันโตก บรรยากาศสวยงาม หรูหราอลังการแบบไทยๆ ด้วยความรักจากพี่แขกและพี่ๆ น้องๆ ท่านอื่น…พี่ปุ้ยซึ่งพาคุณแม่ไปเชียงใหม่ก็ได้ไปร่วมขันโตกกับเราด้วย…ขอบคุณพระเจ้า…เราตบท้ายด้วยการ shopping ที่ถนนคนเดิน…วันนี้กลุ่มอนุชนนอนที่ คจ.ศิริวัฒนา ส่วนป้าๆ เอ้ย! พี่ๆ น้องๆ ท่านอื่น นอนที่บ้านยายรุณคะ…ยายรุณกับพี่แขกเปิดบ้านต้อนรับพวกเราอย่างเต็มที่ ขาดเหลืออะไรก็บอกยายรุณและพี่แขกได้เสมอ…ขอบคุณอีกครั้งเจ้า






18/10/2008 อ.เมืองเชียงใหม่-กรุงเทพฯ
อรุณสวัสดิ์วันนี้ ได้ยินเสียงพี่อิ๋วนมัสการในสวนแต่เช้า จากนั้นพี่อิ๋วเป็นสารถีขับมอเตอร์ไซด์พาฉันกับครูแมมไปกาด (ตลาด) ซื้อกับข้าวหลายอย่าง เน้นน้ำพริก และมาจิ้มข้าวเหนียวกินกันอย่างเอร็ดอร่อย เราได้ผ่านไปเห็นบ้านที่ครูแมมเคยอยู่สมัยเด็กๆ ด้วย






จากนั้นเราสามัคคีธรรมที่บ้านพี่นพ ลูกชายยายรุณ น้องชายพี่แขก ซึ่งบ้านอยู่ตรงข้ามกัน พี่นพเป็นคนใจดี ดูแลบ้านช่องเรียบร้อย มีต้นไม้ดอกไม้สวยงาม ร่มรื่น น่าอยู่ (มีครูแมม พี่โอ พี่อิ๋ว และฉันร่วมสามัคคีธรรมจ้า)
ระหว่างที่เราสามัคคีธรรมอยู่ที่บ้านพี่นพนั้น กลุ่มอนุชนก็มีกิจกรรมสามัคคีธรรมกับอนุชนที่ คจ.ศิริวัฒนา โดยพรวกเราไปสมทบภายหลัง

เวลา 10.30 น. ดื่มด่ำพระคำผ่านการเทศนาของ อ.คำปัน
มธ.7:21 "มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า" จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้
น้ำพระทัยของพระบิดา คือ อธิษฐานให้มากขึ้น อ่านพระคัมภีร์ให้มากขึ้น รักษาชีวิตให้บริสุทธิ์
ยน.8:32 รู้จักสัจจะ สัจจะทำให้เป็นไท มีพระวจนะให้เต็มหัวใจ และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท
พ่อของท่านคือมาร ยน.8:44 ท่านทั้งหลายมาจากพ่อของท่านคือมาร และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อท่าน มันเป็นผู้ฆ่าคนตั้งแต่ปฐมกาล และมิได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา
อดีต ปัจจุบัน
มาร บุตรของพระเจ้า
1.ฆ่าคน 2. มุสา พ้นจากทาสบาป (BA=Born Again) พ้นจากทาสมาร เรามีอิสระ
สาเหตุที่ทำให้คนอิสราเอลเข้าคะนาอันไม่ได้ (เข้าได้เพียง 2 คน คือ โยชูวาและคาเลบ)
• สดด.51:5 มารดาตั้งครรภ์ในความบาป
• รม.3:23 มนุษย์ทุกคนทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า
• 1 ยน.4:5,8,10 เขาเหล่านั้นเป็นฝ่ายโลก ไม่รัก ไม่รู้จักพระเจ้า
• 1 ยน.1:9 เราสารภาพหมดหรือยัง
• 1 คร.10:1 ได้รับอะไรหลายๆ อย่างทุกคน แต่ไม่ได้ไปแผ่นดินคะนาอันทุกคน เขาทำในสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย [ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทั้งหลายเข้าใจว่า บรรพบุรุษของเราทั้งสิ้นได้อยู่ใต้เมฆและได้ผ่านทะเลไปทุกคน]
• ฮบ.3:8 อย่าให้จิตใจของท่านดื้อรั้นอย่างในครั้งกบฎนั้น
• ฮบ.3:10 ใจหลงผิด เจอทางแยก เพราะถูกล่อลวง ตัดสินใจไปทางแยกเลย
• ฮบ.3:11 ใจชั่ว ใจไม่เชื่อ
• ฮบ.3:13 ใจแข็งกระด้าง
• ฮบ.3:14 ไม่ไว้วางใจ
แล้วเราจะไปถึงคะนาอันได้อย่างไร
• 1 ทธ. 1:5-7 แต่จุดประสงค์แห่งคำกำชับนั้นก็คือ ให้มีความรักซึ่งเกิดจากใจอันบริสุทธิ์ และจากจิตสำนึกว่าตนชอบ และจากความเชื่ออันจริงใจ บางคนก็ได้ผิดจุดประสงค์เลี่ยงไปจากสิ่งเหล่านี้ หลงไปในทางพูดเหลวไหล และแม้ว่าเขาไม่เข้าใจคำที่เขากล่าว ทั้งสิ่งที่เขายืนยัน เขาก็ยังปรารถนาเป็นครูสอนธรรมบัญญัติ
• ฮบ.4:1 จงระมัดระวังอยู่เสมอ มิฉะนั้นอาจจะมีบางคนในพวกท่านไปไม่ถึง 1เหตุฉะนั้นเมื่อพระสัญญายังมีอยู่ว่า จะให้เราเข้าสู่การพำนักซึ่งพระองค์ทรงประทาน ก็ให้เราทั้งหลายระมัดระวังอยู่เสมอ มิฉะนั้นอาจจะมีบางคนในพวกท่านไปไม่ถึง
*** ทานอาหารกลางวันที่ร้านสเต็ก แบบบุฟเฟ่ต์ ทานกันพุงกางเลย เมื่อทานเสร็จ พี่โอรีบแยกออกไป เพื่อขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพฯ
ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้ร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้องที่ คจ.เสรีภาพในพระวิญญาณ ของ อ.คำปัน โดยเราไปถึงในเวลา 14.45 น. พบว่าเป็น คจ.เล็กๆ เดิมนั้นเป็นยุ้งข้าวของบ้าน บรรยากาศภายในอบอุ่น ย่างเข้าสู่ปีที่ 9 แล้ว มีสมาชิกประมาณ 50 คน
อ.คำปัน นำนมัสการ โดยนักดนตรีจากนิมิตใหม่ น้องมัธพร้อมเสมอ กระโดดไปนั่งตีกลอง เตรียมพร้อมเป็นคนแรก ตามด้วยพี่อิ๋วและทอมมี่ มือกีตาร์ของเรา
อ.คำปันได้แบ่งปันว่า ก่อนหน้านี้รู้จักพระเจ้าแล้ว แต่บังเกิดใหม่เมื่อปี 2544 อาชีพเดิมนั้นเป็นคุณครู พระเจ้าได้ให้หมายสำคัญจนแน่ใจจึงออกมาเป็นผู้รับใช้โดยไม่ได้เรียนพระคัมภีร์ หากว่ามีนิมิตในการสร้างโบสถ์แห่งนี้ให้เข้มแข็ง
คำถามจากน้องอนุชน คือ การที่คนลงไปดิ้นและกรี๊ดในช่วงการนมัสการนั้น เขาพบพระเจ้าหรือถูกผีเข้า คำตอบจาก อ.คำปัน: บางคนก็อยู่ในการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ส่นบางคนที่อารมณ์อ่อนไหว ก็อาจจะถูกบรรยากาศพาไป แต่พี่น้องอย่าสงสัยเลย พระเจ้าจะให้ประสบการณ์เรามากขึ้นในเรื่องของพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยเราต้องเตรียมพร้อม ดังนี้
• ขอพระโลหิตพระคริสต์ชำระบาป
• ขอพระเจ้าตัดสื่อทั้งหมดออกไป
• ขอพระโลหิตพระคริสต์ปกป้อง
• ขอรับทุกอย่างที่มาจากพระเจ้าอย่างเต็มที่ แต่ไม่ขอรับอะไรก็ตามซึ่งไม่ได้มาจากพระองค์
• ต้องมั่นใจว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า
• อ่านพระคัมภีร์ พระคำเป็นฤทธิ์เดช สะสมฤทธิ์เดชให้มากเข้าไว้
• พระเจ้าไม่ฟังคนบาป ไม่ว่าจะนมัสการอย่างไร หากไม่บริสุทธิ์ พระเจ้าก็มิได้ทรงพอพระทัย
• เราต้องมีพระวจนะคอยตรวจสอบ
• พระเยซูเสด็จมาเพื่อ ล้างบาป ทำลายกิจการของมาร รับโทษแทนเรา
• อย่าประมาท วิญญาณชั่วมันจะตามเราตลอดเวลา แต่หากเรามีพระเยซู เราจะชนะมาร
• ขอพระเจ้าให้เราเห็น ให้เราได้ยินในเวลาของพระองค์ มิใช่เห็นหรือได้ยินอย่างทั่วไป
• จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด เรายืนขึ้นประกาศชัยชนะในฐานะลูกของพระเจ้า
• อธิษฐานขอพระเจ้าเสริมกำลัง ปกป้องครอบครัวเรา ทรัพย์สินของเรา คริสตจักรของเรา
• สิ่งสำคัญของของประทาน คือ การที่ต้องรับผิดชอบ การนำชีวิตเป็นเดิมพัน
• พระเยซูชนะ
• ลูกพร้อมเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระเจ้า มีไว้เพื่อคริสตจักรของพระองค์
หนึ่งนำพวกเราชาวนิมิตใหม่ร้องเพลงอวยพร คจ.เสรีภาพฯ และต่างก็อวยพรกันและกัน

อ.คำปัน ฝากอธิษฐานเผื่อ ดังนี้
• คจ.เสรีภาพในพระวิญญาณ
• น้องโยชุ: เป็นเด็กกระเหรี่ยงซึ่ง อ.คำปัน จะพามาอยู่ด้วยที่บ้าน ขอให้พระเจ้าใช้น้องมากยิ่งขึ้น และน้องยังขาดทุนการศึกษาสำหรับตนเองและน้องที่บ้านด้วย
• ภรรยาของ อ.คำปัน (อ.เรณู) สุขภาพไม่ค่อยดี เป็นเบาหวาน และปวดหลัง
• น้องมินท์ (มีสายตาฝ่ายวิญญาณชัดเจนมาก) กำลังจะคลอด ในขณะที่สามีต้องไปรับใช้ชาติเป็นทหาร 2 ปี โดยจะไปในเดือนหน้า อาจจะยังไม่มีโอกาสพบหน้าลูกก่อนไป
• อ.เด่น และภรรยา เรี่ยวแรงสำคัญของคริสตจักร
• ลูกชายของ อ.เด่น ชื่อคุณหนุ่ม มาเรียนพระคริสตธรรมที่กรุงเทพฯ
และแล้วก็ถึงเวลาต้องลาจาก น้องๆ พี่ๆ ก็ขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพฯ ส่วนพี่อิ๋วและฉันขึ้นรถพี่แขก พร้อมกับยายรุณ น้องจี๊ น้าอ้อย น้าหนุ่ย ไปที่บ้านยายรุณ เก็บกระเป๋า และไปช่วยยายทองและน้องแจนที่ คจ.ศิริวัฒนาเก็บผ้าห่มที่นอนหมอน ซึ่งพวกเราใช้กันเมื่อคืนนี้ ไปไว้ในที่ของมัน จากนั้นยายทองและน้องแจนพาพี่อิ๋วกับฉันไปทานก๋วยเตี๋ยวปลา ก่อนพาไปส่งขึ้นรถทัวร์ รถทัวร์ออกเวลา 19.30 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 5.00 น. เที่ยวกลับเป็นรถ 2 ชั้น สบายกว่า กว้างกว่าเดิม…ขอบคุณพระเจ้า
จบการเดินทางแห่งพระพรของเส้นทางนี้ ทว่า พวกเรายังคงต้องเดินทางต่อไป อนุชนนิมิตใหม่เองก็จะเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม ไฟแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ลุกโชติช่วงในหัวใจของพวกเขา พวกเขาพร้อมแล้วที่จะเขย่าคริสตจักรให้ก้าวไปตามน้ำพระทัยพระบิดา
ฉันเองได้เรียนรู้วิธีการรักษาไฟให้ลุกโชนอยู่เสมอ ได้รู้จักกับพี่น้องมากขึ้น ได้เห็นความรักของพระคริสต์ในชีวิตของแต่ละคน ได้รู้จักยายรุณ คนที่ฉันต้องอธิษฐานเผื่อมากขึ้นอย่างเฉพาะเจาะจง ฉันขอขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับน้าๆ ผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ร่วมเดินทางไปกับพวกเรา ครูแมม พี่อ้อย พี่เว้ง พี่โอ น้าหนุ่ย น้าอ้อย พี่แขก พี่รินทิพย์ พี่กุ้ง และขอบคุณพระเจ้าสำหรับหนึ่งที่ใส่ใจดูแลอนุชนใกล้ชิด ขอบคุณพี่นกที่คอยเป็นหูเป็นตาจัดการหลายๆ อย่างให้เรา ขอบคุณน้องๆ อนุชนที่มีน้ำใจต่อกันและกัน ขอบคุณพี่อิ๋วที่เป็นผู้นำการเดินทางครั้งนี้ เพราะฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตามพี่อิ๋วไว้ก่อน ขอบคุณเป็นที่สุดและที่สุด คือพระบิดาบนสวรรค์
นอกจากนั้นแล้ว ฉันขอบคุณพระเจ้าสำหรับการจัดเตรียมของพระองค์สำหรับการเดินทาง เชื่อว่าทุกคนได้รับพระพร และหลายคนได้รับคำตอบ ได้ความชัดเจนในการรับใช้ตามน้ำพระทัยมากขึ้น ฉันได้รับคำตอบจากการแบ่งปันของน้องมิ้นท์ที่ คจ.เสรีภาพในพระวิญญาณ ซึ่งน้องมีของประทานด้านสายตาฝ่ายวิญญาณที่คมชัด น้องหนุนใจทุกคนให้ใช้ของประทานซึ่งพระเจ้ามอบให้อย่างเต็มกำลัง เพื่อพันธกิจของพระองค์ เพื่อผู้อื่น มิใช่เพื่อตัวเรา เราเป็นเพียงเครื่องมือเล็กๆ ชิ้นหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้ แต่ตัวเราเองต้องมีความพร้อม สวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าต่อสู้กับมารร้าย สวมทับความรัก เพื่อพระเกียรติทั้งสิ้นเป็นขององค์พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งของเรา
พระองค์เจ้าข้า เราจะเล็กน้อยลง แต่พระองค์จะทรงยิ่งใหญ่ขึ้น ยิ่งใหญ่ขึ้น…เอเมน!!!

โอ้! อมก๋อย อ้อมกอดรัก ภูเขาสวย พระวิญญาณสถิตด้วยในเราทั้งหลาย
เกิดเหตุการณ์ตื่นเต้นแสนมากมาย เราเรียนรู้ลึกซึ้งในพระทัยบิดา

การทรงเจิมเด่นชัดในอนุชน ทั่วทุกคนได้รับไฟกันถ้วนหน้า
นิมิตใหม่จะเปลี่ยนไปดังปรารถนา น้ำพระทัยพระบิดาสำเร็จเอย

บันทึก ณ กรุงเทพมหานคร: 22/10/2008

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ