Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ให้อภัย

วันที่ 17/11/2008
เช้านี้หลังจากที่อธิษฐานตามปกติแล้ว ฉันก็ได้อธิษฐานเผื่อประเทศไทยทันที และร้องเพลง นิมิต(ในประเทศไทย) พร้อมทั้งพินิจพิจารณาทีละข้อความ ตามเนื้อร้องดังนี้
ข้าขอวิงวอน พระเยซู โปรดนำชีวิตข้างหน้า ต่อไป
จะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่วันนี้ตัดสินใจ มอบตัวและใจดวงนี้ รับใช้พระองค์
*** โปรดให้ข้าเห็น นิมิตในประเทศไทย โปรดส่งข้าไป เล่าความเป็นจริงให้คนไทยได้รู้
ข้าปรารถนารับใช้พระองค์ผู้มีชีวิตอยู่ ข้ารู้พระองค์จะนำทางข้าไป จนสิ้นลมหายใจ


พลันก็ทำให้นึกถึงเอสรา เนหะมีย์ และเอสเธอร์ ซึ่งล้วนอดอาหารอธิษฐานเผื่อชนชาติที่เขารัก และฉันเองก็ปรารถนาที่จะเป็นเช่นนั้น “อดอาหารอธิษฐานเผื่อประเทศไทยที่ฉันรัก”
ช่วงเย็นฉันได้ไปพบพี่ปุ้ยที่ รพ.เปาโล พหลโยธิน เพราะพี่ปุ้ยไปพบหมอ เนื่องจากมีอาการปวดท้องมาก พี่ปุ้ยเดาว่าเกิดจากผลสืบเนื่องจากการผ่าตัดก้อนเนื้อเมื่อหลายปีก่อน อาการป่วยของพี่ปุ้ยจะเกิดจากอะไรก็แล้วแต่ ฉันเชื่อในความรักของพระเจ้าที่มีต่อพี่ปุ้ย และพี่ปุ้ยก็เชื่อเช่นนั้น พระองค์จอมราชา แพทย์ผู้ประเสริฐ จะทรงหอบโรคภัยทั้งสิ้นของพี่ปุ้ยไป แล้วจะทรงนำอนามัยและการรักษาที่อิ่มบริบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และจิตวิญญาณมาให้พี่ปุ้ย
ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ปุ้ย แม้ว่าจะเป็นเวลาไม่นานก็เหอะ เรานั่งรอเวลาเพื่อให้พี่ปุ้ยอัลตราซาวด์ โดยต้องดื่มน้ำให้มากพอจนรู้สึกปวดปัสสาวะเสียก่อน เรานั่งคุยกันจนกระทั่งหกโมงเศษๆ พี่อิ๋วก็มาถึง ฉันอยู่ได้ไม่นานเพราะมีนัดกับเพื่อนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว …ขอบคุณพระเจ้าสำหรับความรักของพระองค์ที่โอบล้อมเราไว้ ขอบคุณสำหรับความรักของพี่อิ๋วที่มีต่อพี่ปุ้ย…เมื่อแยกจากพวกพี่ๆ แล้ว ฉันก็ไปพบเพื่อนที่รออยู่ที่คอนโด เราพูดคุยกันสนุกสนาน เพราะไม่ได้เจอกันนาน เพื่อนฝรั่งชื่อ Amber แปลว่า อัญมณี จะได้เจอและได้คุยบ่อยกว่า เป็นเพื่อนสนิทตอนที่เขามาเป็นครูสอนโรงเรียนนานาชาติที่เมืองไทย 2 ปี ในขณะที่ฉันทำงานที่ ECB และเมื่อกลับอเมริกาเธอก็ไปต่อปริญญาโทศาสนศาสตร์ เอกพันธกิจสตรี ตอนนี้มา intern ที่เมืองไทย 3 เดือน….ในช่วงที่ Amber ยังเป็นครูอยู่ที่เมืองไทยเมื่อครั้งก่อนนั้น Amber ร้อนรนอย่างมากในการสอนพระคัมภีร์และอธิษฐาน เธอจึงเป็นเพื่อนคนแรกที่สอนฉันอธิษฐาน…อีกคนที่มีเยี่ยมเยียนฉันวันนี้เป็นคนไทย ชื่อ พี่เกี้ย แปลว่า ลูกสาว คนนี้ไม่ค่อยได้เจอ แต่ก่อนทำงานอยู่ Evangelical Church of Bangkok ที่เรียกชื่อย่อว่า ECB เดี๋ยวนี้ก็ยังทำอยู่ ECB ตอนนั้นพี่เขาเป็น office manager และฉันเป็น Church secretary พี่เกี้ยเป็นคนจริงจัง แต่ใจดี รักเด็ก ฉันได้แบบอย่างความรักเด็กบางส่วนมาจากพี่เกี้ยนี่แหละ
Amber มาคอนโดฉันเป็นครั้งที่ 2 แล้ว Amber ชอบห้องฉันมาก รู้สึกว่าเค้าจะชอบทุกอย่างที่อยู่ในนั้น แต่พี่เกี้ยไม่ชอบ พี่เกี้ยบอกว่าอึดอัด เคยอยู่ในบ้านที่มีพื้นที่ มีสนามให้วิ่งเล่น มีหลังคาและเพดานสูงๆ มีหน้าต่างรอบบ้าน พอมาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนี้ก็อึดอัดมาก พี่เกี้ยจึงอยู่แค่สามทุ่มก็รีบกลับ ฉันกับ Amber เลยได้เม้าท์กันกระจายจนถึงเวลานอน จากเดิมที่ฉันจะเป็นผู้รับคำปรึกษาจาก Amber ตลอด ปรากฎว่าคราวสลับกัน คือ Amber นำเรื่องการให้อภัยมาปรึกษา ฉันจึงกลายเป็นที่ปรึกษาจำเป็นไป
Amber มีความคับข้องหมองใจกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ซึ่ง Amber อยากจะชำระใจให้สะอาด จริงๆ แล้วฉันให้คำปรึกษาอะไรกับ Amber ได้ไม่มากหรอก จึงได้แต่ยกข้อพระคัมภีร์ที่นึกออกมาทบทวนให้ Amber ฟัง [มธ.6:12]
และขอทรงโปรด ยกบาปผิดของข้าพระองค์ เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น เมื่อพระเจ้าผู้ทรงเมตตายกโทษบาปให้กับคนบาปเช่นเราแล้ว เหตุใดเราจึงไม่อภัยผู้อื่นเล่า การที่เรารักใครสักคนนั้นเป็นเรื่องยากนะ แต่การให้อภัยหรือการยกโทษนี่สิ เป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า และหากไม่ให้อภัย ก็จะกลายเป็นรากขมขื่นเกาะกินหัวใจ พรากสันติสุขไปจากชีวิต และขัดขวางพระพรที่พระเจ้าจะทรงโปรดให้มีในชีวิตของเรา จากนั้น เราก็อธิษฐานชำระจิตใจ และแยกย้ายกันไปนอน
Amber คงหลับไปแล้ว เพราะเป็นคนที่มีวินัยในการกินการนอนมาก เป็นแบบอย่างอันดี แต่ฉันสิยังไม่นอน กลับมานั่งคิดอีกว่า แล้วฉันละ ฉันคิดว่าตนเองสอบผ่านวิชานี้ แต่ฉันสอบผ่านจริงหรือเปล่านะ และการที่ฉันให้คำปรึกษาผู้อื่นในเรื่องนี้ไปนั้น ฉันต้องรับผิดชอบเป็นการส่วนตัวกับพระเจ้าด้วย ฉันต้องตรวจสอบตนเองโดยด่วน ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยแจ้งบาปผิดในใจของฉันด้วย
และแล้วฉันก็พบความบาปที่ซ่อนเร้นอยู่ จริงๆ แล้วฉันลืมไปเลยด้วยซ้ำ มานึกได้อีกครั้งก็วันนี้เอง คนที่เคยทำให้ฉันเจ็บใจปวดกาย ฉันได้ยกโทษให้กับทุกคนหมดแล้ว แต่มีคนหนึ่งที่โบสถ์นั่นแหละที่ฉันยังมีความข้องใจกับเขาอยู่ ที่ว่าเป็นเพียงความข้องใจเพราะว่าไม่ได้โกรธอะไรเขา และเขาก็ไม่ได้มาทำอะไรให้ฉันด้วย และเราก็ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดว่าจะรู้จักมักจี่กันมากกว่าชื่อที่เรียก เพียงแต่ฉันรู้สึกไม่ชอบเขา ถ้าถามว่าทำไม ก็ตอบได้เพียงว่า ฉันแค่เห็นเขาแสดงปฏิกิริยาต่อผู้อื่นในลักษณะก้าวร้าว และดูท่าทางเขาหยิ่งๆ ฉันจึงไม่ชอบเขา…สิ่งนี้ทำให้ฉันสำนึกว่าฉันมีความบาปผิดเต็มประตู ฉันตัดสินพี่น้องจากภายนอก ฉันรู้สึกขัดข้องใจกับเขา และนั่นเป็นสิ่งที่ฉันต้องชำระใจและกลับใจในฉับพลัน[มธ.5:23-24] เหตุฉะนั้น ถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน…ฉันขอพระวิญญาณจะช่วยฉันให้เปลี่ยนความขัดข้องใจเป็นการอธิษฐานอวยพรให้กับเขา และนั่นเป็นเหตุให้ฉันชื่นชมยินดี และหลับได้อย่างสันติในคืนนั้น
ฉันร้องขอจากพระเจ้า เพื่อให้ฉันเป็นคนที่มีความรักอย่างพระคริสต์ มองแบบพระองค์ เห็นอย่างพระองค์ เป็นคนที่ดีรอบคอบเหมือนอย่างพระบิดาบนสวรรค์ [โรม 14:13] ดังนั้นเราอย่ากล่าวโทษกันและกันอีกเลย แต่จงตัดสินใจเสียดีกว่า ว่าจะไม่วางสิ่งซึ่งทำให้สะดุด หรือสิ่งกีดขวางทางของพี่น้อง
“เราต้องดำเนินชีวิตให้บริสุทธิ์ มิเช่นนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์จะอยู่กับเราไม่ได้” ฉันจับใจกับประโยคนี้มาก เป็นประโยคที่พี่ตุ๊กตาเคยบอกฉัน
ขอบคุณพระเจ้า!

ไม่มีความคิดเห็น: