Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ประสบการณ์ Encounter Retreat

ค่ายสัมผัสพระเจ้า ระหว่างวันที่ 19-20 กันยายน 2551 ณ คริสตจักรเสรีภาพ กรุงเทพฯ

การเดินทางไปสัมผัสพระเจ้าครั้งนี้ เริ่มต้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2551 ที่ผ่านมา หลังนมัสการเสร็จ ในช่วงบ่ายเราก็ได้มีการรวมพลคน ESC โดยนัดทุกคนที่เคยเข้าค่าย ESC ทุกรุ่นมารวมกัน เพื่อย้อนรำลึกและแบ่งปันประสบการณ์คืนวันแห่งพระพรนั้นร่วมกัน โดยมีพี่ประมุขเป็น Commander แต่ Commander ของเราพิเศษกว่าใคร มาดตรงข้ามกับ Commander ที่ค่ายโดยสิ้นเชิง เพราะพี่เราเล่นยิ้มตลอดเลย สั่งการเองแล้วก็ขำเอง งานนี้เราได้ทบทวนท่าเชียร์สำหรับผู้รับใช้ยอดเยี่ยมด้วย และแน่นอนว่า ทุกคนเรียกร้องท่าช้อนลูกน้ำของกลุ่มพี่อิ๋ว

จากนั้น พระเจ้าก็เทพระพรหลั่งไหลลงมาเป็นสายฝน พวกเราจึงนั่งจับกลุ่มกันอยู่ด้านล่างอาคารคริสตจักร เพื่อรอไปงาน Power of Worship โดย Chris Bowater ที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน พี่แมมสุดสวย แม่ทัพอธิษฐานและแม่ทัพฝ่ายวิญญาณของเราก็งัดรายชื่อของผู้ที่จะเข้า Encounter ขึ้นมาดู พร้อมขอบคุณพระเจ้าที่มีรายชื่อเพิ่มขึ้น หลายคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็จะไปด้วย อย่างเช่นพี่ปุ้ยคนสวยของเรา…ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าฉันมีประสบการณ์ Encounter กับพระเจ้าเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว และพอจะรู้ถึงแนวคิดของค่ายนี้ จึงคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ แต่ก็เป็นการดลใจจากพระเจ้าอีกนั่นแหละ เกิดอาการอยากไปอย่างประหลาด เลยขอไปด้วย พี่แมมก็ตกลง ฮาเลลูยา มีสมาชิกเพิ่มขึ้นแล้ว จึงรีบใส่ชื่อให้ และพี่อิ๋วเป็นผู้ถวายเงิน 300 บาท ให้ฉันไปค่ายนี้…พระเจ้าทรงเลี้ยงดู ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพี่อิ๋ว

เนื่องจากงานนมัสการมีช่วงเย็น เราจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เมื่อฝนหยุดแล้วเราจึงไปรับประทานอาหารกันที่ฝั่งตรงข้ามคริสตจักร ซึ่งพวกเราทานกันอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากที่บางคนผ่านการอดอาหาร 40 วัน มาเรียบร้อยแล้ว…พี่ตุ๊กตาพา Roger & Anne ซึ่งถือเป็นพ่อแม่ฝ่ายวิญญาณชาวนิวซีแลนด์ของพวกเราไปด้วย ท่านทั้งสองเลยจ่ายค่าอาหารทั้งหมดให้พวกเรา…พระเจ้าทรงเลี้ยงดู ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณ Roger & Anne

ในงาน Power of Worship นั้น อ.อานุภาพเป็นผู้แปลให้กับคุณ Chris และเราก็เห็นพ้องต้องกันว่าถึงแม้เราจะเป็นสมาชิกจาก คจ.นิมิตใหม่ แต่เราก็รู้สึกว่า อ.อานุภาพเป็นศิษยาภิบาลของเราคนหนึ่ง ซึ่งเราจะอธิษฐานเผื่ออยู่เสมอ… อ.อานุภาพมีอารมณ์ขันมาก ทำให้เราหัวเราะชื่นบานกับลีลาการแปลของอาจารย์

คืนวันพฤหัสที่ 18 กันยายน ในชั้น Alpha ก็ได้มีการพูดคุยกับคนกลุ่มเล็กๆ เรื่องค่าย Encounter จนทำให้น้องนัทหัวฟูอยากไป เมื่อพี่โอรู้ก็ฮาเลลูยา และบอกว่าจะส่งชื่อให้ น้องนัทเราขาลุยก็จะขับมอเตอร์ไซด์คู่ชีพไปเอง

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน
หลังเลิกงานพี่แมมก็นำทัพออกจาก YWCA ซึ่งมี พี่ตั๋ม พี่เกด พี่เร ครูเป๊ก และคุณแซมไปด้วย ขอบคุณพระเจ้า ฑูตสวรรค์นำเราไปอย่างรวดเร็ว รถไม่ติดเลย

หิว หิว หิว เกิดอาการหิว พี่ตั๋มเลยนำทีมไปที่ร้านอาหารใกล้ๆ คจ. แต่เนื่องจากเย็นแล้ว อาหารที่ขาย เช่น ผัดไทย ก๋วยเตี๋ยวก็หมด บางคนจึงสั่งลอดช่องมาทาน พี่เกดเห็นมะม่วงก็อยากทาน แต่คุณป้าเจ้าของร้านสัตย์ซื่อมาก บอกว่าไม่ขายเพราะมันเปรี้ยว แต่พรุ่งนี้มันจะหวานนะ แต่ด้วยความที่พวกเราแสดงอาการอยากทานมาก คุณป้าเลยปอกมะม่วงกับมะเฟืองให้ทาน (ฟรี) เอ่อ คือว่า เปรี้ยวจริงๆ ด้วยแหละ …มื้อนี้ พี่ตั๋มเลี้ยงค่ะ…อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ พระเจ้าทรงเลี้ยงดู ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพี่ตั๋ม

1. การสัมผัสพระเจ้าที่แท้จริง
พระพรแรกเป็นเรื่องการสัมผัสพระเจ้าที่แท้จริง…Wow! การสัมผัสพระเจ้าที่แท้จริงเป็นประสบการณ์ที่งดงามที่สุดที่มนุษย์เราพึงจะมี เราปรารถนาที่จะใกล้ชิดพระองค์ เพื่อจะได้ยินเสียงอันแผ่วเบาและอ่อนโยนของพระองค์
“ข้าแต่พระเจ้า เราทั้งหลายขอเปิดใจ เทใจ ชำระใจ ด้วยใจมือที่เหยียดออก และด้วยใจที่ถ่อมลง
เพื่อพระองค์ พระองค์เจ้าข้า ขอที่เราทั้งหลายจะมีสัมผัสพิเศษกับพระเจ้าในระดับที่ลึกซึ้งมาก
ยิ่งขึ้นทุกๆ วัน ขอทรงเจิมเราด้วยฤทธิ์เดชอันเต็มขนาดแห่งองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ เจิมหัวใจ
ของเรา เจิมมือของเรา เจิมเท้าของเรา เจิมอวัยวะทุกส่วนของเรา เจิมบทเพลงบทใหม่ที่ริมฝีปาก
ของเรา เจิมเสียงร้องของเรา และขอที่ชีวิตของเราทั้งหลายนั้นจะสุกใสยิ่งกว่าเที่ยงวัน
เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์”

อ.หญิง นำเราไปสัมผัสพระเจ้าได้อย่างเยี่ยมยอด ค่ายคืนแรกจบลงอย่างชื่นบาน ซึ่งพี่แมมก็พาพวกเรากลับ โดยบางส่วนนอนค้างที่ YWCA แต่ครูเป๊กและคุณแซมกลับบ้าน ครูเป๊กซึ่งเป็นผู้เชื่อใหม่ได้รับพระพรจากการสัมผัสพระเจ้ามาก คุณแซมเองซึ่งยังไม่ได้รับเชื่อก็ซึ้งน้ำตาคลอเบ้าตลอด (คุณแซมเป็นคุณแม่ของลูกศิษย์ตัวเล็กๆ ของครูแมม) ครูเป๊กเกรงว่าวันรุ่งขึ้นจะมาไม่ได้ เพราะมีนัดสอนเปียโนที่บ้านเด็กนักเรียน และผู้ปกครองของเด็กเป็นคนจริงจังมาก พวกเราก็ได้แต่อธิษฐานเผื่อครูเป๊กด้วยความหวังใจ นอกจากนั้น พวกเรายังอธิษฐานให้พี่จิ๋ม ซึ่งลงทะเบียนไว้แล้ว ให้สามารถมาร่วมค่ายในวันรุ่งขึ้นได้ด้วย

พี่แมมได้คุยกับ ศบ.พงษ์ศักดิ์ ซึ่ง ศบ.มีข้อความจากพระเจ้ามาบอกพี่แมมว่า ในวันพรุ่งนี้ พี่แมมจะได้รับของขวัญจากพระเจ้า พี่แมมตื่นเต้นมากๆ …ก่อนนอนเรานมัสการพระเจ้าและอธิษฐานวงแหวนไฟด้วยกัน จากนั้นเราก็พักสงบอย่างสันติในอ้อมกอดของพระเจ้า…ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณ ศบ. และแม่ทัพทั้งหลาย ขอบคุณพี่น้องมากมายที่อธิษฐานเผื่อกันและกัน

2. พระทัยพระบิดา
รู้สึกตัวอีกทีประมาณตี 4 เห็นจะได้ พี่แมมบอกว่าได้รับข้อความจากพระเจ้าสำหรับพี่จิ๋มในเรื่องน้ำพระทัยพระบิดา ต้องพาพี่จิ๋มมาเข้า retreat วันนี้ให้ได้…พี่จิ๋มเป็นพี่สาวที่รักของเราซึ่งห่างหายไปจากนิมิตใหม่มาประมาณ 3 ปีแล้ว พวกเราทุกคนรักพี่จิ๋ม และหัวใจของพี่จิ๋มเองก็เรียกหาพระเจ้า แสวงหาน้ำพระทัยพระบิดา…ด้วยวิญญาณของแม่ทัพที่ร้อนรน พี่แมมก็เริ่มปฏิบัติการ ส่งข้อความ รวมถึงโทรหาบางคนเพื่อมีส่วนร่วมในสนามรบครั้งนี้ด้วยกัน…สักพักก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่อ้อย เอ้ย! พี่อ้อย ขอให้พี่แมมไปรับพี่จิ๋ม แต่เนื่องจากพี่แมมรับผิดชอบกับอีกหลายชีวิตที่อยู่ YWCA จึงไม่อาจรับภารกิจนี้ได้ เราจึงเริ่มอธิษฐานขอการทรงนำจากพระเจ้า ขอที่พระองค์จะส่งฑูตสวรรค์ไปรับ "ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้ แต่ไม่เหลือกำลังของพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง" (มก.10:27)…ท้ายที่สุด ฑูตสวรรค์ที่เราร้องทูลต่อพระเจ้าก็คือพี่อ้อยนั่นเอง พี่อ้อยรับพี่จิ๋มมาที่ คจ.เสรีภาพ (โปรดทราบ…ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวดังกล่าวตื่นเต้นมากอย่างไร กรุณาติดต่อพี่แมมนะคะ)

พี่แมมแบ่งปันว่าวันนี้จะได้รับของประทานฝ่ายวิญญาณ คือ ภาษาแปลกๆ ซึ่งพี่แมมปรารถนาอย่างยิ่ง ฮาเลลูยา! เรานมัสการพระเจ้าและอธิษฐานร่วมกัน ก่อนที่จะไปรับประทานอาหารเช้า เราเป็นกลุ่มแรกที่เข้าไปเป็นลูกค้าในเช้าวันใหม่นี้ และก็มื้อนี้ พี่แมมเลี้ยง…อา! พระเจ้าทรงเลี้ยงดู ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพี่แมม…ทานอาหารเสร็จ พี่แมมก็พาเดินไปที่ร้านเสริมสวย ไปพบกับช่างเสริมสวย 2 คน ที่มีร้านอยู่ภายในบริเวณ YWCA ซึ่งพี่แมมมีโอกาสเป็นพยานแล้ว เราเข้าไปหนุนใจและอธิษฐานขอการอวยพรจากพระเจ้าให้กับทั้ง 2 คนนั้น…วันนี้ ครูเป๊กไม่สามารถมาเข้าร่วม retreat ได้ น่าเสียดายมาก แต่เรารู้ว่าพระเจ้าทรงมีเวลาของพระองค์ และเราจะอธิษฐานต่อไปเพื่อครูเป๊กของเรา

ความรักของพระเจ้างามอัศจรรย์ ชวนให้ตื่นเต้นและประหลาดใจอยู่ทุกวัน ในวันแรกที่ฉันรับเชื่อเมื่อปี 2000 นั้น พี่จิ๋มเป็นคนซื้อพระคัมภีร์ให้ฉัน และพี่สุเป็นพี่เลี้ยงของฉัน…ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พบพี่จิ๋มหลายปี ฉันก็ยังคงระลึกถึงพี่จิ๋มในคำอธิษฐาน รวมถึงพี่สุที่จากไปอยู่ต่างประเทศ ฉันก็ยังระลึกถึงในคำอธิษฐาน และยังคงจำวันเกิดของพี่สุได้เสมอ…แต่ในวันนี้ Encounter Retreat ฉันได้พบทั้งพี่จิ๋มและพี่สุ

ทาง คจ.เสรีภาพฯ จัดพี่เลี้ยงให้กับเราทุกคนด้วย ซึ่งพี่เลี้ยงของฉันและน้องนัทหัวฟูก็คือ “น้องอ้อย” น้องอ้อยน่ารักมาก ดูแลเรา นั่งข้างเรา และอธิษฐานเพื่อเรา…ขอบคุณพระเจ้า…คจ.เสรีภาพ ทีมงาน และ น้องอ้อย จะอยู่ในคำอธิษฐานของพี่ฉันเช่นกันคะ

“พระเยซูเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางพระเยซู ถ้าเราทั้งหลายรู้จักพระเยซู เราก็รู้จักพระบิดาด้วย และตั้งแต่นี้ไปเราก็รู้จักพระองค์ และเห็นพระองค์” (ยน.14:7) …พระบิดาเป็นแหล่งที่มาของทุกสรรพสิ่ง เราจึงไม่ขาดสิ่งใดเลย เพื่อจะเราจะดำเนินชีวิตถวายเกียรติแด่พระเจ้า ความรักของพระบิดายิ่งใหญ่ล้ำลึกเกินกว่าจะเข้าใจ เมื่อเรามีภาพของพระบิดาอย่างถูกต้อง เราก็จะนมัสการพระเจ้าได้อย่างเต็มหัวใจ…ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเมตตาฉันให้ได้รู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้น การนมัสการจึงเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต เป็นช่วงเวลาที่ถวิลหาและน่าหวงแหน ก่อนหน้านี้จะฝากความชื่นชมยินดีไว้กับผู้อื่นและสิ่งอื่น จะสนุกกับการนมัสการ จะพอใจกับการไปโบถส์ในวันอาทิตย์เมื่อผู้นำนมัสการดี เพลงดี ดนตรีดี เทศนาดี ซึ่งเท่ากับว่า วันไหนที่เรารู้สึกว่า คนเทศน์ไม่ดีเลย นักร้องร้องไม่เพราะ เพลงไม่เพราะ ก็จะกลับบ้านแบบแกนๆ แต่เมื่อเราได้ตระหนักว่าเราถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า และทรงสร้างเรามาด้วยความรัก ทรงสร้างเรามาเพื่อนมัสการพระองค์ การนมัสการก็เปลี่ยนไปเป็นการนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง เราจึงสามารถเต้นโลดด้วยความชื่นชมยินดีตลอด ไม่ขึ้นอยู่กับว่าผู้เทศนาจะเป็นอย่างไร ผู้นำนมัสการจะเป็นใคร จะร้องเพลงแนวไหน ดนตรีจะเป็นประเภทใด หรือบรรยากาศจะเป็นอย่างไร เราสามารถเทใจของเรานมัสการพระเจ้าได้ แต่ก็อีกนั่นแหละ เมื่อหัวใจเราเทออกให้พระเจ้า ผู้ชมแต่พระองค์เดียวของเราแล้ว เราก็พบว่า การเทศนาเร้าใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพลงไพเราะอย่างที่ไม่เคยฟังมาก่อน เพลงแต่ละเพลงดูเหมือนผู้นำนมัสการจะเลือกมาให้เราโดยเฉพาะ ดนตรีก็ตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เราชื่นชมยินดีเมื่อนมัสการพระเจ้าร่วมกับพี่น้องในคริสตจักร และการนมัสการส่วนตัวที่บ้าน…ที่สำคัญที่สุดคือ เราได้สัมผัสถึงพระสิริของพระเจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

3. การกลับใจใหม่และการยกโทษ ประตูสู่พระพรของพระเจ้า
พระเยซูได้มาเพื่อเราทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างบริบูรณ์ (ยน.10:10)
ชีวิตที่ได้ในพระคริสต์ คือ กระปรี้กระเปร่ามีใจปรารถนา มีความคล่องแคล่วและมีพลังแข็งขัน การได้รับพร การมีความสดใหม่ มีความเข้มแข็งและมีกำลังมาก การไม่มีวันสิ้นสุดในแผ่นดินของพระเจ้า การเกิดผล การมีความชื่นชมยินดีและมีความหวัง
ความบริบูรณ์ คือ มีมากอย่างเหลือเฟือ มีแบบล้นไหล มีมากจนเหลือ มีมากจนเกิน มีมากเกินพอ มีมากเป็นพิเศษ น่าทึ่ง เป็นเลิศ มีมาก มีมาก มีมาก… โอ้โห สุดพรรณนา

เห็นอย่างนี้แล้ว การให้คำจำกัดความของคำว่าชีวิตที่บริบูรณ์ จึงยิ่งใหญ่เหลือประมาณจริง…พระบิดาเจ้าข้า เราปรารถนาจะมีชีวิตเช่นนั้น เราจะไม่ยอมล้มเหลวในการกระทำตามพระบัญญัติของพระองค์ เราจะไม่ยอมให้ความบาปมาขวางกั้นพระพรของพระองค์ มารจะกลัวเรา เพราะเราไม่ทำบาป โดยเราต้องออกแรงอย่างเต็มกำลังทางความเชื่อ เพื่อทะลายประตูที่ขัดขวางเราไม่ให้ได้รับพรจากพระเจ้า ต้องทะลายกำแพงซึ่งเกิดจากการผูกมัดที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ความบาปส่วนตัว การผูกมัดส่วนตัว การปฏิบัติทางศาสนา การข้องแวะกับไสยศาสตร์ จิตผูกพัน และการถูกปฏิเสธ….ในพระนามพระเยซู ถึงแม้ว่าเราจะเจอกับการทดลองที่เป็นจุดอ่อนของเรา แต่เมื่อเราต่อสู้กับมาร แล้วมารจะหนีเราไป

เราจำเป็นต้องยกโทษและรับการยกโทษด้วย!

4. แผนการแห่งการไถ่
“เพราะว่าทุกคนทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว” (รม.3:23-24) สิ่งที่พระเยซูทำบนกางเขนช่างวิเศษนัก “เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (คส.2:13-15) แผนการไถ่สำหรับชีวิตของเรานั้น เริ่มต้นมาจากความรักของพระบิดา ดังปรากฎใน ยน.3:16 และเมื่อเรารับพระคุณของพระองค์ เราจึงได้รับของประทานแห่งความรอดที่ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน คือ เสรีภาพฝ่ายวิญญาณ การเยียวยาฝ่ายร่างกาย และเสรีภาพด้านการเงิน

5. ประสบการณ์ที่ปานีเอล
ประสบการณ์แห่งการพบพระพักตร์พระเจ้า ทำให้ชีวิตของยาโคบพลิกเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเราเองก็พบประสบการณ์และรับการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นได้เหมือนกัน ขอเพียงเราดำเนินชีวิตแห่งการเชื่อฟัง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงคำสาปแช่งให้เป็นพร เพราะ “องค์พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติ โดยการที่พระองค์ทรงยอมถูกแช่งสาปเพื่อเรา” (กท.3:13)

6. ความเชื่อเพื่อรักษาวิญญาณที่มีบาดแผล“ในพระเยซูคริสต์นั้น พระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ก่อนที่จะทรงเริ่มสร้างโลก เพื่อเราจะบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรของพระองค์” (อฟ.1:4) การดำเนินชีวิตบนโลกนี้ แม้ใครจะไม่รักเรา แต่พระเจ้าทรงรักเรา แม้ใครจะปฏิเสธเรา แต่พระเจ้าไม่เคยปฏิเสธเรา แม้ใครจะพยายามให้เราด่างพร้อย มีตำหนิ แต่พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราบริสุทธิ์

ในช่วงนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้นำเราทุกคนเข้าสู่กระบวนการปลดปล่อยอีกขั้นหนึ่ง หลายคนร่ำไห้อิ๋วตาอาบแก้ม จิตใจที่ฟกช้ำเจ็บลึกได้รับการบำบัดจากภายใน บาดแผลได้รับการเยียวยา และทุกคนสามารถมีชีวิตใหม่ ประกาศอิสระภาพได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมรับสัญญานิรันดร์นานาประการซึ่งองค์พระบิดาประทานให้กับเรา…ภาพของพี่น้องที่ได้รับการบำบัดซึ่งเราเห็นในวันนั้นนำสันติสุขล้ำมาสู่จิตวิญญาณ และทำให้ย้อนรำลึกถึงครั้งที่พระเจ้าทรงนำฉันเข้าสู่กระบวนการบำบัด ซึ่งเริ่มจากการอ่านวรรณกรรมคริสเตียนหลายเล่ม อ่านไปก็เยียวยาไป และนำฉันไปสู่การให้อภัยในที่สุด ชีวิตในวัยเด็กของฉันต้องเร่ร่อนไปอยู่บ้านนู้นบ้านนี้ เพราะคุณแม่แยกทางกับคุณพ่อ และมาทำงานอยู่กรุงเทพฯ และอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถดูแลลูกได้ จึงฝากฉันไว้กับกับคุณปู่คุณย่าที่เพชรบูรณ์ และที่นั่น คุณพ่อก็อยู่ด้วย คุณพ่อเป็นลูกชายคนโตของบ้าน แต่คุณพ่อไม่เคยทำอะไรเยี่ยงสุภาพบุรุษเลย คุณพ่อกินเหล้าเมาทุกวัน ไม่เคยทำงานทำการเลย อาศัยเงินคุณปู่คุณย่าดำรงชีวิต เที่ยวเตร่ แถมคุณพ่อยังมีภรรยาหลายคนอีก ทั้งก่อนและหลังคุณแม่ของฉัน และมีลูกจากภรรยาแต่ละคน ยิ่งไปกว่านั้น คุณพ่อไม่เคยเลี้ยงดูภรรยาหรือลูกคนใดเลย เมื่อได้มรดกจากคุณปู่คุณย่า คุณพ่อก็ผลาญลงขวดและหมดไปกับผู้หญิง เมื่ออยู่ตามลำพังคุณพ่อมักจะทำร้ายร่างกายฉัน ทั้งเตะ ทั้งถีบ กลิ้งตกบ้านตกบันไดก็บ่อย มันเป็นความเจ็บช้ำลึกในจิตใจ และก็ทำให้คิดว่า เค้าไม่น่าเป็นพ่อเราเลย ถ้าเค้าเป็นพ่อที่เลี้ยงดูลูกเมียสักหน่อยหนึ่ง ชีวิตฉันคงจะดีกว่านี้…พออายุได้ประมาณ 7 ขวบ คุณแม่ก็พาฉันไปอยู่กับญาติห่างๆ ซึ่งเป็นพี่น้องกับคุณยายของฉัน ตอนนั้นฉันดีใจมากที่ไม่ต้องเจอคุณพ่อแล้ว ในคราวใดที่กลับไปเยี่ยมคุณปู่กับคุณย่า ฉันก็จะยกมือไหว้คุณพ่อเฉยๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่ตอนหลังๆ ก็ถูกสอนว่าคุณพ่อมีพระคุณกับเรา แค่เราได้เกิดก็ถือว่ามีพระคุณที่ชดใช้ไม่หมดแล้ว เมื่อเจอคุณพ่อก็จะยกมือไหว้ และพูดว่า “สวัสดีคะพ่อ” แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น…เมื่อขึ้นชั้นมัธยม คุณแม่ได้ย้ายฉันมาอยู่กรุงเทพฯ ด้วย เนื่องจากเห็นว่าช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว และตอนอายุประมาณ 15 เห็นจะได้ ก็ทราบข่าวว่าคุณพ่อเสียชีวิต แต่ก่อนจากไป คุณพ่อได้บอกว่าดีใจที่ฉันเรียกเขาว่าพ่อ ตอนนั้นฉันไม่สนใจคุณพ่อด้วยซ้ำ ไม่ได้ไปงานศพคุณพ่อ ไม่เห็นว่าสำคัญอะไร และยิ่งได้ข่าวว่าในงานศพของคุณพ่อไม่มีใครร้องไห้เสียใจเลย มีแต่คุณย่าคนเดียวเท่านั้น ฉันฟังแล้วก็สะใจพิลึก

ขอบคุณพระเจ้า ความรักที่ฉันได้จากคุณปู่ คุณย่า และญาติๆ และที่สำคัญที่สุดคือ ความรักของคุณแม่ ได้หล่อหลอมให้ฉันลืมความเจ็บปวดจากความรักที่ผิดหวังในคุณพ่อได้ จนวันหนึ่งก็แน่ใจว่า เรายกโทษและอภัยให้กับคุณพ่อได้อย่างเต็มใจ ความเจ็บปวดในอดีตมลายสิ้น

ฉันเข้าสู่การเยียวยาในระดับลึกมากขึ้นเมื่อได้เรียนเรื่อง Inner Healing จาก อ.มนูญศักดิ์ แห่งใจสมาน ที่มาสอนพวกเราในโครงการ The Call ขอบคุณพระเจ้าอย่างมากสำหรับโครงการนี้ แต่ในวันที่ อ.มนูญศักดิ์สอน ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหตุการณ์กลับเกิดในวันรุ่งขึ้น ขณะกำลังอยู่บนรถเมล์เพื่อไปทำงาน พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้นำฉันย้อนเวลาหาอดีต เหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตผุดขึ้นมา ผุดขึ้นมา เป็นเหมือนละครแต่ละฉากที่มีฉันและคนรอบข้างเป็นผู้แสดง เมื่อฉากไหนผุดขึ้นมา ซึ่งบางเหตุการณ์ก็ลืมไปแล้ว ก็อธิษฐาน และก็หลุดๆๆ เมื่อฉากนี้หลุดก็จะมีฉากใหม่ผุดขึ้นมา เป็นอย่างนี้จนกระทั่งหลุดหมด

พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง…ฉันขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่ง การที่ฉันมีพ่อบนโลกมนุษย์แบบนั้น การไม่เคยได้รับความรักจากพ่อ เป็นเหตุให้ฉันโหยหาความรักของพ่อ และทำให้ฉันได้พบกับความรักประเสริฐจากพระบิดาบนสวรรค์มากขึ้น…นี่คือความรักของพ่อที่ให้ความอิ่มเอมใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และจะเป็นเช่นนี้ตลอดนิรันดร์

พระเจ้า พระบิดาบนสวรรค์ ผู้ทรงฤทธิ์เหนือธรรมชาติ พระองค์ทรงสมควรที่จะรับการสรรเสริญ…ฉากชีวิตของฉันเปลี่ยนไป สิ่งเก่าๆ ก็ล่วงไป กลายเป็นละครฉากใหม่ที่มีองค์พระเยซูคริสต์เป็นผู้กำกับ

เนื่องจากพระเจ้าทรงเมตตาเยียวยามาก่อนหน้านั้นแล้ว การเข้าค่าย ESC จึงเป็นการไปรับพระพรล้วนๆ และการเข้าร่วม Encounter ก็เป็นการทรงนำจากพระเจ้า ที่พระองค์จะให้ประสบการณ์ที่ลึกซึ้งในพระองค์มากยิ่งขึ้น รวมถึงทรงทดสอบ และฝึกฝน เพื่องานรับใช้ในอนาคต…แฮะ แฮะ เพิ่งรู้ว่า พระเจ้าให้มาทำไม

7. การบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์Wow Wow Wow! เมื่อ อ.มิก สอนเสร็จ ก็เชิญพี่น้องไปรับของประทานฝ่ายวิญญาณ คือการพูดภาษาแปลกๆ เอ…พี่แมมออกไปคนแรกหรือเปล่านะ ไม่แน่ใจ พี่น้องกว่าค่อนห้องได้ออกไปด้านหน้า ฉันเลยขยับมายืนอธิษฐาน Back up อยู่ด้านหลังห้อง สักพักก็เห็นใครคนหนึ่งล้มลง เจ้าหน้าที่ก็นำผ้าไปคลุม เห็นเค้าสั่นด้วย มารู้ทีหลังว่าคนนั้นเป็นพี่แมมนั้นเอง ฮาเลลูยา! แต่หลังจากนั้น ก็ไม่ได้เห็นว่าใครเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเมื่ออธิษฐานไปเรื่อยๆ ก็ยืนอยู่ไม่ไหว จึงคุกเข่าอธิษฐาน สักพัก อ.หญิง ก็เข้ามาวางมืออธิษฐานเผื่อ…โอ พระเจ้า ลูกไม่ไหวแล้ว มือไม้อ่อนยวบ ลงดีกว่า แล้วเราก็ไปกองกับพื้นอีกครั้ง…เหตุการณ์วันเพ็นเทคอสต์ในพระธรรมกิจการเกิดขึ้นอีกครั้งที่ คจ.เสรีภาพ “เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคอสต์มาถึง จำพวกศิษย์จึงรวมอยู่ในที่แห่งเดียวกัน 2ในทันใดนั้นมีเสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสั่นก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น 3มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่เขากระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน 4เขาเหล่านั้นก็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงตั้งต้นพูดภาษาอื่นๆตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด” (กจ.2:1-4)

Jesus Visaแรงบันดาลใจจาก อ.มิก

ข้าถือบัตรเครดิต ที่มีเอกสิทธิ์พิเศษ
บัตรที่ขยายอาณาเขต บัตรที่พาข้าไปทุกที่
บัตรที่ให้ข้าอย่างครบถ้วน ให้ข้าอิ่มบริบูรณ์ด้วยของดี
บัตรวีซ่าพิเศษใบนี้ เบิกทางนำชีวีสู่สวรรค์นิรันดร์

Jesus Visa! Jesus Visa!
ข้ารูดได้อย่างมั่นใจ
รูดปรื้ด รูดปรื้ด ตลอดไป
ไม่ต้องชดใช้ แต่รูดได้ฟรี
Jesus Visa is free!
Jesus Visa is free!

ก่อนกลับบ้าน มีพี่น้องจาก คจ.เสรีภาพมาแบ่งปันคำพยาน บอกกล่าวเรื่องราวแห่งพระพรที่ได้จากการ Encounter ครั้งนี้ จากนั้น พี่น้องนิมิตใหม่ 3 คน ด้วยกัน ก็เป็นพยานเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า คือ พี่แมม เป็นแม่ทัพลุยไปก่อน เป็นพยานด้วยความตื่นเต้นและตื่นเต้น ต่อด้วยพี่จิ๋ม ซึ่งมาทราบทีหลังว่าไม่เคยเป็นพยานต่อหน้าประชาชนมาก่อน ก็ได้บอกเล่าเรื่องราวอันทรงคุณขององค์พระเจ้า แล้วน้องโบว์ลิ่งก็แบ่งปันคำพยานแห่งความเจ็บปวดในวัยเด็ก ซึ่งพระเจ้าทรงรักษาให้หายด้วยความรักของพระองค์ น้องโบว์ลิ่งเป็นพยานโดยไม่ต้องอาย เพื่อถวายเกียรติทั้งสิ้นแด่พระเจ้า

ค่ายสิ้นสุดเวลาประมาณ 22.40 น. กว่าจะได้เดินทางออกจาก คจ.ก็ประมาณ 23.00 น. โดยขากลับมีสมาชิก 4 คนด้วยกัน คือ พี่แมม พี่สุ พี่จิ๋ม และฉัน ซึ่งพี่แมมได้ไปส่งพี่จิ๋มที่บ้านรังสิตก่อน แล้วก็ส่งพี่สุกับฉัน เราแยกจากพี่แมม ประมาณ 24.00 น. และพี่แมมส่งข้อความว่าถึงบ้านแล้วประมาณ 0.30 น.

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2551ที่ คจ.นิมิตใหม่ พี่ประมุขเป็นผู้นำนมัสการ และมีพี่แมม (ภรรยาสุดสวยของพี่ประมุข) เป็นพยานเกี่ยวกับเหตุการณ์ Encounter ที่ผ่านมา ซึ่งได้นำ 1 ดวงวิญญาณ ซึ่งก็คือคุณแซม เข้าสู่ครอบครัวพระคริสต์ และนำลูกแกะที่พลัดหลงให้กลับบ้าน เป็นของขวัญล้ำค่าที่เราได้ยินถึงความรักมั่นคงของพระองค์ทุกเวลาเช้า…ฮาเลลูยา!

Thank you ขอบคุณ เซี่ยเซี่ยหนี่ 
 คจ.เสรีภาพกรุงเทพ และพระกายของพระคริสต์ทุกคน ทั้ง อ.อานุภาพ, อ.หญิง, อ.มิก, น้องอ้อย, ทีมนมัสการ และทุกๆ คนซึ่งมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ซึ่งเป็นพระพรครั้งนี้ รวมถึงคนที่คอยยกอิ๋วเสิร์ฟระหว่างที่เรารับประทานอาหารด้วย ช่างเป็นผู้รับใช้ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ…แต่ขอโทษนะคะ ฉันแอบทำข้าวหกเล็กน้อย และเก็บให้ไม่หมด
 คจ.นิมิตใหม่ ตั้งแต่ ศบ ผป มน สช พน (เอ้า! แปล ศิษยาภิบาล ผู้ปกครอง มัคนายก สมาชิก พี่น้องทุกคน) ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับโครงการ The Call ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับพี่แมมที่ดูแลพวกเราตลอดการเดินทางในค่ายนั้น ขอบคุณอีกเช่นกันสำหรับพี่อิ๋ว ผู้ถวายด้วยใจกว้างขวาง
 ขอบคุณ ผู้เข้าร่วม Encounter ทุกคน บางคนก็จำได้แต่หน้า บางคนก็จำได้แต่ชื่อ บางคนก็จำได้ทั้งชื่อทั้งหน้า แต่บางคนก็จำไม่ได้เลย ก็อภัยให้ด้วยนะคะ
 ที่สุดของที่สุด คือ ขอบคุณพระบิดาสำหรับราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์ ขอบคุณพระเยซูคริสต์ที่ทรงถ่อมพระทัยยอมตรึงตายไถ่บาปเพื่อเรา ขอบคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตอยู่กับเราเสมอ

ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่
ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ
ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ขอให้เป็นอย่างนั้นในแผ่นดินโลก
ฮาเลลูยา!

ขอให้ทุกสิ่งที่หายใจ สรรเสริญพระเจ้า…ฮาเลลูยา ให้ดังก้องโลก
เหตุว่าราชอำนาจ ฤทธิ์เดช และพระสิริ เป็นของพระองค์สืบๆ ไป เป็นนิตย์
Amen!

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณนะคะสำหรับการแบ่งปัน

พรเจ้าอวยพรค่ะ