Custom Search By Google

Custom Search

ฟีลิปปี 4:13
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

Philippians 4:13
I can do all things in him that strengtheneth me.

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ทศางค์

วันที่ 21/11/2008
[สดด.4:5] จงถวายเครื่องสัตวบูชาให้ถูกต้อง และวางใจในพระเจ้า
[ลนต.27:30] "ทศางค์ {คือสิบชักหนึ่ง} ทั้งสิ้นที่ได้จากแผ่นดินเป็นพืชที่ได้จากแผ่นดินก็ดี หรือผลจากต้นไม้ก็ดีเป็นของพระเจ้า เป็นสิ่งบริสุทธิ์แด่พระเจ้า
[ฉธบ.14:22] "ผลได้เป็นปีๆจากพืชพันธุ์ในนาของท่านนั้น ท่านจงถวายทศางค์
ทศางค์ คือ หนึ่งในสิบของรายได้ของเรา หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานแก่เรา เราจะถวายหนึ่งในสิบแก่พระองค์
พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่หาใดเหมือน ทรงเป็นอัลฟาและโอเมกา ทรงสร้างฟ้า สวรรค์ แผ่นดินโลก และสรรพสิ่งทั้งสิ้นที่มีอยู่ในโลก ทรงสร้างโลกและบรรดาสิ่งสารพัดที่มีอยู่ในโลกนี้ให้แก่เรา พระเจ้าปั้นเรา ประทานลมหายใจแห่งชีวิตให้แก่เรา ทั้งยังทรงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา ประทานทุกสิ่งทุกอย่างแก่เรา ทุกอย่างเป็นของพระองค์หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่พระองค์มิได้หวงสิ่งดีไว้เลย ทรงโปรดปรานให้เราครอบครอง และมีหรือที่เราจะหวงหรือฉ้อพระเจ้า ไม่ยอมคืนเพียงสิบเปอร์เซ็นต์ให้กับพระองค์ [มลค.3:10] พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า จงนำทศางค์เต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่า เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่
กษัตริย์ดาวิดพ้นจากความพินาศทั้งสิ้นในชีวิต ด้วยความสัตย์ซื่อของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าในแบบที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ทุกประการ [สดด.36:5] ข้าแต่พระเจ้า ความรักมั่นคงของพระองค์อยู่ในฟ้าสวรรค์ ความสัตย์ซื่อของพระองค์ไปถึงเมฆ
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์ พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ทรงยิ่งใหญ่เหนือนามใดๆ อัศจรรย์แห่งการเลี้ยงดูของพระองค์ยังคงเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน มนุษย์บนโลกนี้มากมายดุจธุลีดิน แต่ทรงสำแดงการอัศจรรย์กับเขาเหล่านั้นเป็นรายบุคคล พระองค์ทรงรู้จักชื่อทุกคน ทรงรู้ความต้องการและความจำเป็นของทุกคน หากเมื่อใดต้องเดินอยู่ในถิ่นทุรกันดารแห่งความขาดแคลนและยากจน และเมื่อนั้นที่เรายังคงดำเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า คือการที่เราสัตย์ซื่อในเรื่องเล็กน้อย คือการที่เราเลือกทางความสัตย์ซื่อ ตั้งกฎหมายของพระองค์ไว้ตรงหน้าเรา พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ผู้ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงประทานความบริบูรณ์ให้เรามากขึ้น [มธ.25:21] นายจึงตอบว่า "ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด"
พระเจ้าทรงพอพระทัยผู้ที่ถวายทศางค์ด้วยใจยินดี พระองค์มิได้ทรงทอดพระเนตรจำนวนเงินที่เราให้ แต่ทรงทอดพระเนตรที่หัวใจของเรา [2คร.9:7] ทุกคนจงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี และพระองค์ผู้ทรงมั่งคั่งก็พร้อมเสมอที่จะเทพระพรอันไม่มีวันหมดให้แก่เรา [ลก.6:38] จงให้เขา และท่านจะได้รับด้วย และในตักของท่านจะได้รับตวงด้วยทะนานถ้วนยัดสั่นแน่นพูนล้นใส่ให้ เพราะว่าท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น"
การถวายทศางค์เพื่อให้ได้รับพระพรบริบูรณ์ทุกประการนั้น จำเป็นต้องถวายอย่างถูกต้อง ในพระธรรมลูกาได้กล่าวถึงเรื่องทศางค์ไว้เช่นกัน [ลก.11:42] "แต่วิบัติแก่เจ้า พวกฟาริสี ด้วยว่าพวกเจ้าถวายทศางค์ของสะระแหน่และขมิ้นและผักทุกอย่าง และได้ละเว้นความชอบธรรมและความรักพระเจ้าเสีย สิ่งเหล่านั้นพวกเจ้าควรได้กระทำอยู่แล้ว แต่สิ่งอื่นนั้นก็ไม่ควรละเว้นด้วย…วันนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่คริสเตียนจะต้องพิจารณาท่าทีในการถวายของตน และท่าทีในการดำเนินชีวิตของตน ให้เต็มล้นเด่นชัดไปด้วยผลแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้ง 9 ประการ [กท.5:22-23] ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน
เมื่อเราได้คืนกลับสิบเปอร์เซ็นต์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว เราเองยังต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบกับชุมชนที่เราอาศัยอยู่ และบ้านเมืองที่เราอยู่ด้วย บุคคลธรรมดาตามนิยามของกรมสรรพากร ก็ต้องเป็นพลเมืองดีที่ชำระภาษีประจำปีอย่างสัตย์ซื่อ เพื่อนำไปพัฒนาบ้านเมืองไทยต่อไป [มธ.22:21] … "เหตุฉะนั้น ของของซีซาร์จงถวายแก่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า"
หน้าที่ของผู้ยำเกรงพระเจ้าอีกประการหนึ่ง คือ การมีส่วน “ให้” ผู้อื่น ตามกำลังของตน [ฉธบ.16:17] ให้ทุกคนถวายตามความสามารถของเขา ตามส่วนพระพรที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายประทานแก่ท่าน พระเจ้าพระบิดาของเราทรงสร้างทุกคนมาด้วยความรัก และทรงปรารถนาให้ความรักนั้นฉายแสงสุกใสไปยังทุกชีวิต ไม่เว้นแม้สักคนเดียว [สดด.146:9] พระเจ้าทรงเฝ้าดูคนต่างด้าว พระองค์ทรงชูลูกกำพร้าพ่อและหญิงม่าย แต่พระองค์ทรงพลิกทางของคนอธรรม เหตุนี้เอง เราจำต้องแบ่งปันพระพรซึ่งเราได้รับจากองค์พระบิดาไปยังผู้อื่น [ฉธบ.24:19] "เมื่อท่านเกี่ยวข้าวในนาของท่าน และลืมฟ่อนข้าวไว้ในนาฟ่อนหนึ่ง อย่ากลับไปเอามาเลย ให้เป็นของคนต่างด้าว ลูกกำพร้าและแม่ม่าย เพื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจะอวยพระพรแก่กิจการทั้งหลายแห่งมือของท่าน
เราจำเป็นต้องทูลขอสติปัญญาจากพระเจ้าด้วยว่า เราควรเป็น “ผู้ให้” อย่างไร เพื่อที่การให้ด้วยใจกว้างขวางของเรานั้นจะเป็นพระพรในชีวิตของผู้อื่น เกิดผลดีต่อแผ่นดินของพระเจ้า เพื่อถวายเกียรติยศทั้งสิ้นแด่พระนามอันรุ่งโรจน์ของพระบิดาเจ้าของเรา “แด่พระเจ้าเพียงพระองค์เดียว”

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดีมากจ้า